กทม.เตรียมพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุขรองรับสถานการณ์ฝุ่น PM2.5
นายสุขสันต์ กิตติศุภกร ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ กทม. กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุขของ กทม.เพื่อรองรับการให้บริการประชาชนที่ได้รับผลกระทบทางสุขภาพจากปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ว่า กรุงเทพมหานคร โดยสำนักการแพทย์ ได้เตรียมความพร้อมแผนปฏิบัติการรองรับสถานการณ์ฝุ่นละอองในช่วงวิกฤต รวมทั้งเตรียมพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุข โดยวินิจฉัยและให้การรักษาที่ถูกต้องตามแนวทางการรักษาโรค จัดเตรียมยา เวชภัณฑ์ และหน้ากากอนามัย เพื่อแจกจ่ายให้ประชาชน พร้อมรายงานสถิติผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ฝุ่นละอองและติดตามสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 เพื่อปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ป่วยยามจำเป็นหากมีการรายงานค่าฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่ระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยมีมาตรการ ดังนี้ (1) ฉีดพ่นละอองน้ำจากสปริงเกอร์บนชั้นดาดฟ้าของตึกที่ติดตั้งไว้แล้ว เพื่อลดภาวะฝุ่นละออง PM2.5 ในบริเวณพื้นที่โรงพยาบาล (2) เปิดศูนย์ปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขกรณีฝุ่นละออง PM2.5 เกิน 50 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) (3) สั่งการให้โรงพยาบาลในสังกัด กทม.เปิดคลินิกมลพิษทางอากาศที่โรงพยาบาลตากสิน วันจันทร์-วันอังคาร และวันพฤหัสบดี-วันศุกร์ เวลา 09.00 – 12.00 น. โรงพยาบาลกลาง วันอังคารและวันศุกร์ เวลา 08.00 – 12.00 น. โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ วันพุธ เวลา 13.00 – 15.00 น. โรงพยาบาลราชพิพัฒน์ วันอังคาร เวลา 08.00 – 16.00 น. และโรงพยาบาลสิรินธร วันอังคาร เวลา 13.00 – 15.30 น. เพื่อให้คำปรึกษาแก่ประชาชนและให้บริการตรวจรักษาลดความรุนแรงของอาการที่เกิดจากฝุ่นละออง PM2.5 ตลอดจนจัดห้องปลอดฝุ่น พัดลม และแผ่นกรองอากาศ เพื่อจัดทำพื้นที่ปลอดฝุ่น (Safe Zone) ภายในศูนย์เด็กเล็กน่าอยู่คู่นมแม่ของโรงพยาบาลในสังกัด พร้อมประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนกลุ่มเปราะบางที่มีความเสี่ยงสูง เช่น เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ หอบหืด เยื่อบุตาอักเสบ หัวใจและหลอดเลือด รวมถึงผู้ที่ทำงานกลางแจ้งเป็นเวลานาน ควรเลี่ยงพื้นที่ฝุ่นสูง (สีแดง) หรือลดระยะเวลาออกนอกอาคารให้น้อยที่สุด หากจำเป็นต้องออกนอกอาคารให้สวมหน้ากากป้องกันฝุ่นและงดการทำกิจกรรม หรือออกกำลังกายกลางแจ้ง รวมทั้งปิดประตูหน้าต่างให้สนิท หรืออยู่ในห้องปลอดฝุ่นและสังเกตอาการตนเอง หากมีอาการไอ แน่นหน้าอก วิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ผื่นแดง หรือมีอาการผิดปกติทางร่างกายอื่น ๆ ควรรีบพบแพทย์ทันที หรือปรึกษาเรื่องสุขภาพผ่านสายด่วนสุขภาพ สำนักการแพทย์ 1646 ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
ขณะเดียวกันได้ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ดำเนินโครงการสร้างการเรียนรู้สำหรับเยาวชน (ห้องเรียนสู้ฝุ่น) เพื่อสร้างความตระหนักถึงปัญหาด้านสุขภาพต่อภาวะวิกฤตฝุ่นละออง PM2.5 และเตรียมความพร้อมของสถานศึกษา ครู และนักเรียนในการรับมือกับฝุ่นละออง PM2.5 รวมทั้งสร้างจิตสำนึกการไม่ก่อให้เกิดมลพิษ โดยจะเปิดโครงการวันที่ 28 ต.ค.นี้ ที่ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการ กทม. (เสาชิงช้า) นอกจากนี้ โรงเรียนในสังกัด กทม.จะจัดกิจกรรมปักธงคุณภาพอากาศ เพื่อเสริมสร้างทักษะให้นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจสถานการณ์มลพิษทางอากาศ รวมถึงสามารถส่งต่อองค์ความรู้ให้คนในครอบครัว เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพได้ทันท่วงที อีกทั้งร่วมกับสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และเครือข่ายนักวิจัย กำหนดจัดเสวนาวิชาการ “เตรียมพร้อมรับมือ PM2.5 ด้วยวิจัยและนวัตกรรม” ในวันที่ 4 พ.ย.65 เวลา 09.00-12.00 น. เพื่อรับฟังความเห็นทางวิชาการเกี่ยวกับมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ที่เหมาะสมกับบริบทของ กทม.ให้ครอบคลุมทั้งมิติของแหล่งกำเนิดฝุ่นละออง PM2.5 การกำจัดที่ต้นตอ การป้องกันและลดผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยประชาชน การใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี ข้อเสนอแนะอื่นทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ตามแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5
ทั้งนี้ ประชาชนสามารถตรวจสอบข้อมูลคุณภาพอากาศผ่านเว็บไซต์ www.bangkokairquality.com และ https://pr-bangkok.com เพจเฟซบุ๊ก : กรุงเทพมหานคร เพจเฟซบุ๊ก : สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร เพจเฟซบุ๊ก : กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม เพจเฟซบุ๊ก : สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร และแอปพลิเคชัน AirBKK เพื่อวางแผนการทำงาน หรือทำกิจกรรมโดยเฉพาะในพื้นที่ที่คุณภาพอากาศอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพและมีผลกระทบต่อสุขภาพ ควรลดระยะเวลา หรืองดการทำกิจกรรมกลางแจ้ง
กทม.แนะกลุ่ม 608 ปฏิบัติตามสุขอนามัยขั้นพื้นฐานป้องกันโควิด 19
นางป่านฤดี มโนมัยพิบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย กทม. กล่าวถึงการส่งเสริมความรู้และให้คำแนะนำการปฏิบัติตามสุขอนามัยขั้นพื้นฐานสำหรับผู้ที่เดินทางไปร่วมงานประเพณีทอดกฐิน หรือพิธีทางศาสนาในศาสนสถานว่า กรุงเทพมหานคร โดยสำนักอนามัย ได้ประชาสัมพันธ์รณรงค์ให้ผู้ที่ไปร่วมงานกฐิน หรือพิธีทางศาสนาในศาสนสถาน โดยเฉพาะกลุ่ม 608 ทั้งผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง และผู้ที่มีโรคประจำตัวปฏิบัติตามสุขอนามัยขั้นพื้นฐาน ด้วยการสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า เมื่ออยู่ในสถานที่ปิด อากาศถ่ายเทไม่สะดวก หรือต้องทำกิจกรรมที่มีคนร่วมกันจำนวนมากให้หมั่นล้างมือด้วยสบู่และน้ำ หรือเจลแอลกอฮอล์ทุกครั้ง เมื่อสัมผัสวัตถุ หรือสิ่งของที่ใช้ร่วมกันและหลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสบริเวณใบหน้า สังเกตอาการตนเอง หากมีความเสี่ยงให้ตรวจคัดกรองด้วย ATK เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงการแพร่กระจายเชื้อโควิด 19 และโรคติดต่ออื่น ๆ
กทม.เตรียมเปิดให้บริการยื่นคำขอผ่านระบบออนไลน์รูปแบบ e-Service อีก 96 กระบวนงาน
นายแสนยากร อุ่นมีศรี ผู้อำนวยการสำนักยุทธศาสตร์และประเมินผล กทม. กล่าวถึงความคืบหน้าการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเพิ่มช่องทางให้ประชาชนเข้าถึงบริการภาครัฐในรูปแบบ e-Service ของหน่วยงานสังกัด กทม.ว่า เพื่อให้เป็นไปตามที่กำหนดในพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2565 กรุงเทพมหานคร ได้เปิดให้บริการยื่นคำขอรับบริการออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ค.65 จำนวน 20 กระบวนงาน และกำหนดที่จะเปิดให้บริการยื่นคำขอผ่านระบบออนไลน์ในวันที่ 5 ธ.ค.65 อีกอย่างน้อย 96 กระบวนงาน อาทิ การขอใบอนุญาตก่อสร้าง การขอใบอนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ การขอขึ้นทะเบียนผู้สูงอายุ การขอขึ้นทะเบียนคนพิการ โดยประชาชนสามารถยื่นคำขอรับบริการผ่านทางเว็บไซต์ https://eservice.bangkok.go.th
นอกจากนี้ จะเปิดให้บริการศูนย์รับคำขออนุญาตของ กทม. (BMA OSS) หรือระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่อำนวยความสะดวกในการให้บริการประชาชน e-Service ในวันที่ 1 ส.ค.66 เพื่อให้บริการประชาชนและผู้ประกอบการยื่นคำขอรับใบอนุญาตและขอรับบริการที่อยู่ภายใต้อำนาจหน้าที่ของ กทม.ในส่วนของสำนักงานเขตผ่านระบบออนไลน์ จำนวน 109 กระบวนงาน ซึ่งครอบคลุมกระบวนการบริการทั้งหมดของสำนักงานเขตที่นอกเหนือจากกระบวนงานด้านการทะเบียนราษฎร บัตรประจำตัวประชาชน และการเงินที่เปิดให้บริการอยู่แล้ว รวมถึงบริการที่ประชาชนจะต้องติดต่อกับ กทม.ทั้งในปัจจุบันและอนาคต เพื่อเป็นศูนย์กลางการรับคำขอของ กทม.ในรูปแบบเบ็ดเสร็จในจุดเดียว (one stop service) ทั้งการสอบถาม การยื่นคำขอ การยื่นหลักฐาน การตรวจสอบ การติดตาม คำขอ การรับชำระค่าบริการ หรือค่าธรรมเนียมต่าง ๆ การขอรับใบอนุญาต การขอรับหนังสือรับรอง โดยธุรกรรมที่เกิดขึ้น ทุกอย่างจะมีการบันทึกรายละเอียดเก็บไว้และเข้ารหัสข้อมูล เพื่อรักษาความลับและความปลอดภัยของข้อมูลทั้งหมด โดยจะดำเนินการในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง ประชาชนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายและไม่ต้องเสียเวลาเดินทางมาติดต่อที่สำนักงานเขต
สำหรับการเตรียมความพร้อมเปิดศูนย์รับคำขออนุญาตของ กทม. (BMA OSS) ได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ เพื่อขอเชื่อมโยงฐานข้อมูลมาใช้ในการดำเนินการ อาทิ การใช้ฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรของกระทรวงมหาดไทย การใช้ฐานข้อมูลผู้ประกอบการจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เพื่อใช้ตรวจสอบและยืนยันตัวบุคคลของประชาชนและนิติบุคคล การเชื่อมโยงระบบยืนยันตัวบุคคล (Digital ID) ของสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ DGA เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่มี User id หรือที่เคยลงทะเบียนไว้กับ Digital ID แล้ว จะได้ไม่เสียเวลาลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ BMA OSS ใหม่อีกครั้ง โดยสามารถเข้ารับบริการในระบบ BMA OSS ได้ทันที นอกจากนี้ ยังได้เชื่อมโยงกับระบบศูนย์รับคำขอกลาง Biz Portal ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (สำนักงาน ก.พ.ร.) เพื่อบูรณาการระบบยื่นคำขอของหน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนและผู้ประกอบการที่จะเริ่มลงทุน ส่วนการเชื่อมโยงข้อมูลผู้สูงอายุและผู้พิการ เพื่อขอรับสวัสดิการจากภาครัฐ ขณะนี้ กทม.ได้เชื่อมโยงข้อมูลผู้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและคนพิการ เพื่อตรวจสอบข้อมูลการได้รับเบี้ยยังชีพของตนเองเรียบร้อยแล้ว และจะเปิดให้ทุกคนตรวจสอบข้อมูลได้ภายในเดือน ต.ค.เช่นเดียวกับผู้ลงทะเบียนขอรับเบี้ยยังชีพรายใหม่จะสามารถยื่นคำร้องและนัดหมายออนไลน์ได้ ซึ่งจะเพิ่มความสะดวกและลดขั้นตอนการติดต่อ ณ จุดบริการ อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่ไม่สะดวกเข้าใช้ระบบยังสามารถรับบริการที่สำนักงานเขตได้
กทม.เร่งแก้ปัญหากลุ่มวัยรุ่นมั่วสุม-ปาหินใส่เรือโดยสารคลองแสนแสบ
นางสาวสุชิรา ศิลานนท์ ผู้อำนวยการเขตวัฒนา กทม. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีกลุ่มวัยรุ่นในชุมชนบริเวณริมคลองแสนแสบ ช่วงท่าเรือโรงเรียนวิจิตรวิทยาติดกับชุมชนนวลจิต ขว้างปาก้อนหินใส่เรือโดยสารและมีพฤติกรรมมั่วสุมบริเวณท่าเรือและสถานีสูบน้ำคลองแสนแสบว่า สำนักงานเขตวัฒนาได้จัดเจ้าหน้าที่เทศกิจสอดส่องดูแลบริเวณท่าเรือโรงเรียนวิจิตรวิทยาและสถานีสูบน้ำบริเวณใกล้เคียงอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงประสานผู้นำชุมชนและคณะกรรมการชุมชนให้ประชาสัมพันธ์แจ้งประชาชนในชุมชนได้รับทราบและช่วยกันดูแลตักเตือนบุตรหลานไม่ให้ขว้างปาหินลงไปที่เรือโดยสาร หรือกระทำพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม หากพบเห็นเหตุการณ์ผิดปกติ หรือการกระทำผิดให้แจ้งสำนักงานเขตฯ ทันที ขณะเดียวกันได้ประชาสัมพันธ์โรงเรียนในพื้นที่ห้ามนักเรียนกระทำพฤติกรรมดังกล่าว ซึ่งจะมีความผิดทางกฎหมาย รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่จัดเก็บขยะบริเวณบริเวณท่าเรือโรงเรียนวิจิตรวิทยาและสถานีสูบน้ำคลองแสนแสบและประสาน อปพร.ให้ปฏิบัติหน้าที่เดินเวรยามบริเวณดังกล่าวมากขึ้น ตลอดจนประสานสำนักการระบายน้ำขอให้ปรับปรุงและพัฒนาพื้นที่บริเวณสถานีสูบน้ำคลองแสนแสบ เพื่อป้องกันไม่ให้วัยรุ่นใช้เป็นแหล่งมั่วสุม
นอกจากนั้น ยังได้ประสานสถานีตำรวจนครบาล (สน.) คลองตัน ขอความร่วมมือจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มความเข้มงวดตรวจตราพื้นที่บริเวณริมคลองแสนแสบ ช่วงท่าเรือโรงเรียนวิจิตรวิทยา คลองแสนแสบ โดยเฉพาะช่วงเวลา 19.00 น. เป็นต้นไป เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มวัยรุ่นมั่วสุมบริเวณท่าเรือและสถานีสูบน้ำคลองแสนแสบก่อเหตุเดือดร้อนรำคาญ อาทิ ตั้งวงดื่มน้ำกระท่อม เสพกัญชา และขว้างปาหิน หรือสิ่งของใส่เรือโดยสาร ทำให้ผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งประสานกรมเจ้าท่า ขอความร่วมมือบริษัทเดินเรือในคลองแสนแสบลดความเร็วเรือขณะขับผ่านบริเวณชุมชน เพื่อป้องกันน้ำกระเซ็นใส่ผู้ที่เดินสัญจรบริเวณริมคลองและเพิ่มมาตรการดูแลความปลอดภัยของผู้โดยสารในเรือคลองแสนแสบ
นางวาสนา ศิลป์เบ็ญจพร รองผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ กทม. กล่าวว่า ในส่วนของสำนักการระบายน้ำได้ประสาน สน.มักกะสัน ขอความร่วมมือจัดเจ้าหน้าที่สายตรวจ (ตู้แดง) ป้องปรามและแก้ไขปัญหากลุ่มวัยรุ่นในชุมชนที่มีพฤติกรรมมั่วสุมและขว้างปาหินใส่เรือโดยสาร เพื่อเพิ่มมาตรการด้านความปลอดภัยให้ผู้โดยสารที่อยู่ภายในเรือ สำหรับประตูระบายน้ำคลองแสนแสบเก่า ปัจจุบันยังใช้งานควบคุมระดับน้ำคลองแสนแสบ และมีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนที่เป็นทางเดินประตูระบายน้ำข้ามคลองจะใช้เป็นทางสัญจรของชุมชนบริเวณริมคลอง จึงไม่สามารถปิดกั้นได้ อย่างไรก็ตาม สำนักการระบายน้ำ มีโครงการปรับปรุงประตูระบายน้ำดังกล่าว เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานและเหมาะสมกับชุมชนบริเวณริมคลอง พร้อมทั้งให้มีความสะดวกในการใช้สัญจร
นายประพาส เหลืองศิรินภา ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง กทม. กล่าวว่า จากกรณีดังกล่าวสำนักการจราจรและขนส่ง ได้ตรวจสอบเรือทุกลำในคลองแสนแสบ พบว่ามีการติดตั้งอุปกรณ์ติดตามตำแหน่งและส่งข้อมูลกลับไปที่กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม ซึ่งเป็นผู้ออกใบอนุญาตประกอบการเดินเรือโดยสารประจำทาง โดยความเร็วเรือทุกลำและภาพจากกล้องวงจรปิด (CCTV) ที่ติดตั้งบริเวณท่าเทียบเรือจะไปปรากฏที่ห้องควบคุมของกรมเจ้าท่า อย่างไรก็ตาม หากผู้ใดมีภาพเหตุการณ์ผู้กระทำความผิด ขอให้แจ้งเบาะแสผู้กระทำความผิดต่อไป นอกจากนั้น ภายในเดือน ต.ค.นี้ สำนักการจราจรและขนส่งจะทำหนังสือประสานกรมเจ้าท่า เพื่อขอความร่วมมือควบคุมความเร็วเรือขณะขับผ่านบริเวณชุมชนให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดไว้ประมาณ 32 กิโลเมตร/ชั่วโมง