สภากทม. ปรับปรุง MOU สภาปักกิ่ง เดินหน้าสานความร่วมมือยกระดับคุณภาพชีวิตคนเมือง

วานนี้ (16 ก.ย.68) นายวิพุธ ศรีวะอุไร ประธานสภากรุงเทพมหานคร นำคณะสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เข้าเยี่ยมคารวะ นายหลี ซิวหลิง ประธานสภาประชาชนกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน และร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือและความสัมพันธ์ฉันมิตร ระหว่าง สภาประชาชนกรุงปักกิ่งแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน กับ สภากรุงเทพมหานครแห่งราชอาณาจักรไทย โดยมีคณะผู้แทนจากสภาประชาชนกรุงปักกิ่ง ร่วมเป็นสักขีพยาน

การปรับปรุง MOU ในครั้งนี้ เป็นการต่อยอดความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นที่มีมาอย่างยาวนานกว่า 24 ปี นับตั้งแต่ลงนามฉบับแรกในปี พ.ศ. 2544 (ค.ศ. 2001) โดยมุ่งส่งเสริมความเข้าใจและผลประโยชน์ร่วมกัน ในด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ การศึกษา จราจรและขนส่ง สาธารณสุข การโยธาและผังเมือง การระบายน้ำ การท่องเที่ยว กีฬา และวัฒนธรรม การปกครองและรักษาความสงบเรียบร้อย พัฒนาชุมชนและสวัสดิการสังคม และเทคโนโลยีดิจิทัล ร่วมสนับสนุนการแลกเปลี่ยนระหว่างกันเพื่อการเสริมสร้างมิตรภาพและการสานสัมพันธ์อันดีต่อกัน ตลอดจนผลักดันและเกื้อหนุนการแลกเปลี่ยนเยาวชน องค์กรภาครัฐ กลุ่มประชาคมหรือสมาคมของทั้งสองเมืองภายใต้หลักปฏิบัติของความเท่าเทียมกัน อีกทั้งความร่วมมือในครั้งนี้ยังเกิดขึ้นในช่วงเวลาสำคัญคือเนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย – จีน ซึ่งตอกย้ำถึงมิตรภาพอันยั่งยืนและแนวทางการพัฒนาร่วมกันในระดับเมือง

“แม้กรุงเทพฯ และปักกิ่งจะมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ทั้งในด้านภูมิอากาศ วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ ปักกิ่งเป็นเมืองหลวงที่ทันสมัย ผังเมืองเป็นระเบียบ มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมถึงมีระบบขนส่งสาธารณะที่สะดวก มีการใช้เทคโนโลยีสีเขียวอย่างจักรยานสาธารณะ และมีสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมมากมาย ในขณะที่กรุงเทพมหานครเป็นศูนย์กลางทางการเงิน การค้า และวัฒนธรรมของไทย แต่ก็มีการจราจรที่หนาแน่นใช้เวลาในการเดินทางนาน ระบบขนส่งสาธารณะยังไม่เชื่อมต่อหรือเอื้อต่อการเดินทางมากนัก แต่สิ่งที่เหมือนกันคือความมุ่งมั่นในการสร้างเมืองให้น่าอยู่ ส่งเสริมให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยให้เราสามารถเดินหน้าสู่เป้าหมายร่วมกันได้อย่างมั่นคงยิ่งขึ้น” นายวิพุธ กล่าว

นายหลี ซิวหลิง กล่าวทิ้งท้ายว่า ไทยกับจีนก็เหมือนพี่น้องกัน คนจีนนิยมเดินทางท่องเที่ยวเมืองไทยเป็นอันดับต้น ๆ รองจากสิงคโปร์ เนื่องจากคนไทยมีความเป็นมิตร เป็นเมืองที่ยังมีความปลอดภัยสูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ดังนั้นในความร่วมมือครั้งนี้เป็นโอกาสดีที่จะได้ร่วมมือกันสร้างความเชื่อมั่นในกลุ่มนักท่องเที่ยว ให้เดินทางท่องเที่ยวระหว่างกรุงเทพฯ-ปักกิ่งให้มากขึ้น ซึ่งรัฐบาลเองก็สนับสนุนและเปิดฟรีวีซ่า ทำให้นักท่องเที่ยวไทยเดินทางมาเที่ยวปักกิ่งและเมืองอื่นๆ ของจีนเพิ่มมากขึ้นด้วย สำหรับเรื่องสิ่งแวดล้อมทางรัฐบาลจีนสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนใช้พลังงานสะอาด ระบบขนส่งสาธารณะต้องใช้พลังงานสีเขียว สนับสนุนให้ผู้คนใช้ระบบขนส่งสาธารณะ หรือรถจักรยานสาธารณะซึ่งมีจุดให้บริการกระจายอยู่ทุกถนน ค่าบริการไม่แพง เข้าถึงง่ายขึ้น

การปรับปรุง MOU ครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการลงนามในเชิงพิธีการเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการเปิดประตูสู่ความร่วมมือที่จะส่งผลโดยตรงต่อชีวิตของประชาชนกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเป็นการนำองค์ความรู้ด้านการจัดการจราจรและระบบขนส่งมวลชนที่มีประสิทธิภาพของกรุงปักกิ่ง มาประยุกต์ใช้เพื่อลดปัญหาการเดินทางของคนเมือง การเรียนรู้การจัดการสิ่งแวดล้อมและพลังงานสะอาดที่ช่วยให้กรุงเทพฯ ก้าวสู่เมืองสีเขียวอย่างยั่งยืน ตลอดจนการยกระดับมาตรฐานด้านสาธารณสุข การศึกษา และคุณภาพชีวิตในมิติต่าง ๆ

“นอกจากนี้ ความร่วมมือดังกล่าวยังสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนากรุงเทพมหานครใน 9 ด้าน ที่สภากรุงเทพมหานครกำลังผลักดัน โดยเฉพาะด้านเมืองอัจฉริยะ (Smart City) เมืองน่าอยู่ และเมืองแห่งวัฒนธรรม เพื่อให้กรุงเทพฯ สามารถยืนหยัดในเวทีโลกในฐานะมหานครที่ก้าวทันสมัย ควบคู่กับการรักษาเอกลักษณ์ของตนเองที่สำคัญ ความร่วมมือในครั้งนี้ยังตอกย้ำบทบาทของ การทูตภาคประชาชน (People-to-People Diplomacy) ผ่านการแลกเปลี่ยนเยาวชน นักศึกษา ศิลปิน และผู้ประกอบการจากทั้งสองเมือง ซึ่งจะทำให้ความสัมพันธ์ไทย–จีนแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่เพียงในระดับสภาหรือรัฐบาล แต่ยังลงลึกถึงหัวใจของประชาชนทั้งสองฝ่าย อันจะเป็นรากฐานของความร่วมมือที่ยั่งยืนต่อไป” นายวิพุธ กล่าว

แชร์ข่าว:
กรุงเทพฯ มีอะไร อัพเดทข่าวสารฉับไว กิจกรรมที่น่าสนใจ และมีส่วนร่วมได้ รวมไว้ให้ที่นี่

©2022 สงวนลิขสิทธิ์ กรุงเทพมหานคร

สำนักงานประชาสัมพันธ์ สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร 173 ถนนดินสอ แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กทม. 10200