“ชัชชาติ ”เสนอขอกันงบ 3.8 พันล้าน เบิกเหลื่อมปี ส.ก.รุมซักเหตุผลโครงการล่าช้า–จัดซื้อจัดจ้างน่าสงสัย ตั้งคณะกรรมการวิสามัญ ตรวจสอบภายใน 10 วัน

วันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2568 การประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมวิสามัญ สมัยแรก (ครั้งที่ 1) พ.ศ. 2568 ณ ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานคร อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2 (ดินแดง) เพื่อพิจารณาญัตติขอความเห็นชอบกันเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ไว้เบิกเหลื่อมปีในปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 (แบบไม่มีหนี้ผูกพัน) โดยมีนายวิพุธ ศรีวะอุไร ประธานสภากรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุม

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เสนอว่า ขณะนี้มี 24 หน่วยงานของ กทม. ที่ไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันได้ทันภายในปีงบประมาณ แต่มีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชน กทม. จึงขอเห็นชอบหลักการและโครงการ เพื่อขอกันเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ไว้เบิกเหลื่อมปี จำนวน 81 รายการ เป็นเงิน 3,858,987,431 บาท เพื่อให้กรุงเทพมหานครได้ใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2568 ในโครงการที่ติดปัญหาอุปสรรคไม่สามารถก่อหนี้ได้ เพื่อแสดงถึงประสิทธิภาพในการทำงานให้ดีขึ้น

จากนั้น นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เขตจอมทอง ลุกขึ้นตั้งคำถามทันทีว่า สิ่งที่เสนอขอมาหลายรายการล่าช้ามาก อาทิ โครงการก่อสร้างสถานีดับเพลิงกู้ภัยสายไหม ของสำนักการโยธา มีระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี ตั้งแต่ปี 2566 ถึงปี 2568 วงเงิน 86 ล้านบาท ยังไร้ตัวผู้รับจ้าง จึงอยากเรียนสอบถามว่าติดขัดอะไร นอกจากนี้ ยังมีศูนย์บริการสาธารณสุข เช่น ที่คลองสามวา วงเงิน 3 ล้าน แต่จริง ๆ คือ 147 ล้านบาท จึงสงสัยว่าติดอะไรยังไง ศูนย์บริการสาธารณสุขมีผู้มาใช้บริการเยอะมาก บางแห่งยังไม่มี บางแห่งมีการสร้างเพิ่ม จึงอยากถามเหตุผลความจำเป็นว่าติดปัญหาอุปสรรคอะไร

นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ชี้แจงว่าสำนักการโยธาได้ขอขยาย เช่น โครงการก่อสร้างอาคารศูนย์บริการสาธารณสุข 42

ต่อมา นายวิรัตน์ มีนชัยนันท์ ส.ก. เขตมีนบุรี กล่าวว่า ตนก็ติดใจรายการเดียวกับนายสุทธิชัย เพราะดูแล้วมีสำนักเดียวที่ใช้งบกลางมาตั้งรายจ่ายโครงการสถานีดับเพลิงสายไหม ซึ่งใช้งบกลางปีไหน พวกเราเองอภิปรายหลายครั้ง ทุกครั้งอุปสรรคเยอะมาก ตนคิดว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องฉุกเฉินเร่งด่วน จบภายในปีงบประมาณ

นายวิรัตน์ ยังกล่าวว่า รายละเอียดหลักการที่พวกท่านให้เราอ่านเป็นปกติ ที่ไม่ปกติ ตอนที่ท่านของบประมาณก้อนนี้มาตอนแรก ตนไม่ทราบ เนื่องจากเป็นงบกลางตั้งแต่เริ่มต้น

“ตอนนั้นแบบไม่เสร็จเหรอครับ สถานที่ไม่ทราบหรอครับ ติดทั้งสถานที่ ติดทั้งแบบ มันเป็นปัญหาอุปสรรคที่เป็นเรื่องปกติที่ผมได้ยินมาโดยตลอด ทุกครั้งที่มีการขอขยายเวลาหรือผูกพันงบประมาณเป็นแบบนี้ทุกครั้ง ฟังดูเป็นเรื่องประหลาด แต่อาจจะเป็นเรื่องปกติของเจ้าหน้าที่หรือฝ่ายบริหาร” นายวิรัตน์ กล่าว

ต่อมา นายสุทธิชัย ได้ลุกขึ้นถามต่อ ถึงโครงการแก้ไขปัญหาน้ำกัดเซาะชายทะเลบางขุนเทียน ใช้งบประมาณถึง 1,700 ล้านบาท ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการที่มีประโยชน์ แต่โครงการนี้ต้องดำเนินการเหมือนทำใหม่ และโครงการต้องได้รับการยินยอมด้านกฎหมายและกฎกระทรวง จึงไม่แน่ใจว่าถึงแม้เซ็นสัญญาไปแล้วแต่การดำเนินการ กทม. ยังสามารถทำได้หรือไม่ ต้องเชื่อว่าโครงการนี้มีการประมูลได้ผู้รับเหมาเรียบร้อยแล้ว จึงอยากสอบถามว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่เนื่องจากโครงการนี้เป็นโครงการใหญ่ใช้เงินถึง 1,700 ล้านบาท

ด้านนายธวัชชัย นภาศักดิ์ศรี ผู้อำนวยการสำนักการโยธา ชี้แจงว่า เหตุที่ล้าช้าเพราะมีการปรับแบบ และสภาได้อนุมัติปรับลดวงเงินก่อสร้างแล้วอีกทั้งได้ผู้รับเหมาก่อสร้างแล้ว จึงขอกันเงินในงบปี พ.ศ. 2568 ไว้เพื่อใช้ดำเนินการ ส่วนกรณีโรงพยาบาลกลางยอมรับว่าล่าช้าเพราะใช้เวลาในการออกแบบ ขณะนี้เราประกวดราคาได้ผู้รับจ้างแล้ว เตรียมเสนอขออนุมัติจ้างแต่งบประมาณเราเหลือปีเดียว ซึ่งเราได้ตรวจสอบข้อกฎหมายแล้วสามารถกันเงินได้ เพื่อดำเนินการต่อไป

ส่วนนายเจษฎา จันทรประภา ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ ชี้แจงว่า หลังจากที่ใช้งบประมาณของกทม. เราใช้ประเด็นเดียวในการก่อสร้างในพื้นที่ป่าชายเลนซึ่งทางคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้ดำเนินการแล้ว ในส่วนของ EIA ใช้สำหรับขอเงินอุดหนุนจากรัฐบาลและขออนุญาตก่อสร้างในพื้นที่ป่าชายเลนซึ่งถือว่าจบแล้ว เราได้ดำเนินการตามที่กำหนดไว้แล้วสามารถก่อสร้างได้เลย

นายสุทธิชัย ได้แนะนำให้นำเศษหินดินทรายที่เหลือจากการถม ทำถนนเข้าไปในบริเวณป่าชายเลน เพื่อเป็นการประหยัดงบและเกิดประโยชน์สูงสุด เพราะถือเป็นทะเลแห่งเดียวในกรุงเทพฯ หากมีทางเข้าไปก็จะเป็นประโยชน์กับประชาชน นายธวัชชัย กล่าวว่า เดิมเป็นที่ของสหกรณ์ซึ่งเรายังไม่ได้รับโอนที่แต่อย่างใด การทำถนนชั่วคราวเข้าไปในป่าชายเลนกำลังศึกษาอยู่ว่าต้องทำ EIA หรือไม่หรือสามารถดำเนินการได้ขนาดไหน

นายสุทธิชัย กล่าวว่า เท่าที่ทราบสหกรณ์ยกพื้นที่ดังกล่าวให้เป็นพื้นที่สาธารณะ จึงอยากจะถามว่าการก่อสร้างได้ขอกรมเจ้าท่าหรือไม่ นายธวัชชัย กล่าวว่า เราได้มีการประสานงานกับกรมเจ้าท่าแล้วอยู่ในขั้นตอนการเรียกเอกสารเพิ่มเติมคาดว่าจะไม่น่ามีปัญหา

ด้านนายนภาพล จีระกุล ส.ก. เขตบางกอกน้อย กล่าวว่า หากการประสานงานหน่วยงานไม่เรียบร้อยกลัวว่าการขอขยายอาจจะสะดุด เช่น บ่อบำบัดที่กำลังทำอยู่ในเขตธนบุรีประสานงานกับกรมเจ้าท่าสองปียังไม่ได้ เกรงว่าจะไม่เป็นไปตามแผนที่กำหนด คงต้องมีการคุยต่อในคณะกรรมการวิสามัญ

จากนั้นที่ประชุมได้ตั้งคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาญัตติ โดยกำหนดเวลาให้แล้วเสร็จภายใน 10 วัน

แชร์ข่าว:
กรุงเทพฯ มีอะไร อัพเดทข่าวสารฉับไว กิจกรรมที่น่าสนใจ และมีส่วนร่วมได้ รวมไว้ให้ที่นี่

©2022 สงวนลิขสิทธิ์ กรุงเทพมหานคร

สำนักงานประชาสัมพันธ์ สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร 173 ถนนดินสอ แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กทม. 10200