“ชัชชาติ” ผู้ว่ากทม. เตรียมประชุมวันนี้ หาแนวทางการใช้หนี้ ยันพร้อมจ่ายหนี้บีทีเอส 11,755 ล้านบาท ตามคำสั่งศาล คาดใช้เวลา 140 วัน พร้อมหางบโปะค่าเดินรถปีละ 6,000 ล้านบาท
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยถึง กรณีศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาสั่งให้ กทม.จ่ายหนี้ค่าจ้างเดินรถสายสีเขียวกับ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอสซี ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส จำนวนกว่า 11,755 ล้านบาท ว่า กทม.ต้องทำตามคำสั่งศาล ซึ่งในวันนี้ (1 สิงหาคม 2567) จะมีการประชุมแนวทางการใช้หนี้ เพราะในคำสั่งศาลมีรายละเอียดมากกว่าร้อยหน้า ทั้งนี้ การที่ศาลสั่งมาเป็นเรื่องดี ทำให้มีความชัดเจน ทำให้ กทม.รู้ว่าจะต้องดำเนินการอย่างไร
“ต้องทำความเข้าใจกับประชาชนว่า เรื่องการไม่จ่ายเงินค่าจ้างเดินรถ ไม่ได้เริ่มในสมัยผู้บริหาร กทม.ชุดนี้ แต่เรื่องเกิดขึ้นมาตั้งแต่ผู้บริหาร กทม.ในอดีตแล้ว เมื่อผู้บริหารชุดนี้เข้ามา จะจ่ายเงินก็จ่ายไม่ได้ เพราะเรื่องอยู่ในขั้นตอนของศาล” นายชัชชาติ กล่าว
สำหรับการจ่ายเงินนั้นมีขั้นตอนทางกฎหมาย เมื่อศาลสั่งมาแล้ว กทม.ก็เคารพ แต่เงินทุกบาทที่จะนำไปจ่ายต้องผ่านสภา กทม. ผู้บริหาร กทม.ไม่สามารถนำเงินสะสมจ่ายขาดไปจ่ายหนี้ได้เลยทันที ซึ่งขั้นตอนการดำเนินการของ กทม.ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 140 วัน แต่ กทม.จะรีบดำเนินการ เนื่องจากมีเรื่องดอกเบี้ยที่ต้องคำนึงถึง และเป็นตัวกดดันให้เร่งดำเนินการ
ทั้งนี้ กทม.จะมีการจ่ายหนี้ประมาณ 40,000 ล้านบาท ตามที่บีทีเอสเรียกร้องหรือไม่ นายชัชชาติ กล่าวว่า ดำเนินการตามคำสั่งศาลคดีแรกก่อน ส่วนคดีที่ค้างอยู่ในศาล จะต้องหารือกันอีกครั้งว่าจะมีการจ่ายหนี้อย่างไร โดยจะต้องดำเนินทีละขั้นตอน และดูฐานะทางการเงินของ กทม.ประกอบด้วย ยืนยัน กทม. พยายามจะทำให้ดีที่สุด โดยที่ผ่านมา กทม.ได้มีการจ่ายหนี้ค่างานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล (E&M) จำนวน 23,000 ล้านบาท ไปแล้ว
“ค่อนข้างหนักใจ เพราะเรื่องนี้มีผลกระทบกับประชาชนเป็นอย่างมาก เป็นการใช้เงินจำนวนมหาศาลทำให้ส่งผลกระทบต่อโครงการอื่น ๆ อีกมากมาย ทั้งสาธารณสุข การศึกษา รวมถึงผลกระทบในระยะยาว เนื่องจากค่าจ้างของส่วนต่อขยายที่ 1 และที่ 2 ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว เฉลี่ยอยู่ที่ปีละ 8,000 ล้านบาท แต่ทำรายได้ปีละประมาณ 2,000 ล้านบาท จึงต้องหาเงินส่วนต่างถึง 6,000 ล้านบาท มาจ่ายสัญญาที่ทำไว้ในอนาคต จึงถือเป็นเรื่องที่หนักสำหรับ กทม. เนื่องจาก กทม.ได้รับงบประมาณเพียงปีละ 90,000 ล้านบาท ซึ่งการปรับขึ้นค่าโดยสาร ก็ไม่สามารถที่จะผลักภาระไปให้ประชาชนได้ ดังนั้น จึงต้องพิจารณาให้ละเอียดอีกครั้ง” นายชัชชาติ กล่าว
ที่มา: นสพ.ข่าวหุ้น ฉบับวันที่ 1 ส.ค. 2567