กทม.2 ดินแดง – เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. ที่อาคารไอราวัตพัฒนา นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวถึง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียมที่ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรว่า ยินดีด้วย ซึ่งตรงกับนโยบายของกทม.ในเรื่องความเท่าเทียม ซึ่งจะทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองน่าอยู่ของทุกคน ปัจจุบันสังคมไทยก้าวหน้าไปไกลกว่ากฎหมาย จึงต้องมีการปรับแก้กฎหมายให้สอดคล้อง ดังนั้นจึงได้สั่งให้ปลัดกทม.ไปเตรียมความพร้อมกับฝ่ายทะเบียน และสำนักปกครองและทะเบียน (สปท.) ในเรื่องการจดทะเบียนสมรสให้เรียบร้อย เพื่อรอให้กระทรวงมหาดไทย (มท.) จัดทำแบบฟอร์มเอกสารการจดทะเบียนสมรส

ขณะเดียวกันให้ไปพิจารณาระเบียบกรุงเทพมหานครที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเรื่องสวัสดิการ ค่ารักษาพยาบาล และสิทธิต่างๆ ทั้งค่าเล่าเรียนบุตร รวมทั้งการรับบุตรบุญธรรม เพราะกทม. มีข้าราชการและบุคลากรกว่า 8 หมื่นคน คาดว่าภายใน 1 สัปดาห์ จะทราบผลว่าต้องปรับแก้ในจุดใดบ้าง อย่างไรก็ตาม กทม. สนับสนุนความหลากหลายทางเพศ ข้าราชการ และบุคลากรของ กทม. สามารถแต่งกายตามเพศสภาพได้ ส่วนการบริการคลินิกสุขภาพเพศหลากหลาย (BKK Pride Clinic) 24 แห่ง พร้อมขยายผล อีก 4 แห่งในปี 2567 รวมทั้งจัดเทศกาล Pride Month เดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นเดือนแห่งความภาคภูมิใจของชาว LGBTQIA+ ตั้งเป้าเป็นเทศกาลระดับโลก (World Pride)

นอกจากนี้โรงเรียนสังกัด กทม. ยังปลูกฝังค่านิยมด้านความ เท่าเทียมและความหลากหลาย ตลอดจนเปิดพื้นที่สาธารณะสำหรับจัดกิจกรรมด้านความหลากหลายทางเพศ เพื่อส่งเสริมสิทธิหน้าที่ และโอกาสทางสังคมของกลุ่ม LGBTQIA+ เพราะเชื่อในพลัง ของความหลากหลาย ต่างเพศ ต่างวัย ต่างรสนิยม ต่างบทบาทหน้าที่ เราทำงานร่วมกันได้ เพราะทุกตำแหน่งใน กทม. ไม่จำกัดด้วยเพศสภาพ

ต่อมา นายชัชชาติเป็นประธานเปิดอาคารให้บริการดูแลรักษาและสังเกตอาการ (ศบส.พลัส) และให้บริการศูนย์ส่งเสริมและฟื้นฟูสุขภาพ ศูนย์บริการสาธารณสุข 39 ราษฎร์บูรณะ สำนักอนามัย

โดยนายชัชชาติกล่าวว่า สิ่งที่ กทม.ให้ความสำคัญมาตลอดคือเรื่องสาธารณสุขและการศึกษา เพื่อลดความเหลื่อมล้ำตามวงจร โง่ จน เจ็บ ยกตัวอย่าง หากการศึกษาไม่ดี สุขภาพทรุดโทรม จะทำ ให้ชีวิตยิ่งแย่ลง ประกอบอาชีพไม่ได้ ไม่สามารถหลุดพ้นจากวงจรโง่ จน เจ็บ ดังนั้น ศูนย์บริการสาธารณสุขจึงมีความสำคัญเป็นด่านแรก ในการดูแลสุขภาพ ป้องกันการป่วยหนัก หรือการส่งต่อไปยัง โรงพยาบาลต่างๆ โดยไม่จำเป็น ซึ่งจะช่วยลดความหนาแน่นของผู้ป่วยในโรงพยาบาล กทม.จึงพยายามปรับนโยบายด้านสาธารณสุขให้มีความเข้มแข็งขึ้น และจะเพิ่มจำนวน ศบส.มากขึ้นตามแผน

ที่มา:  นสพ.ข่าวสด ฉบับวันที่ 20 มิ.ย. 2567