เดินหน้า ร.ร.ปลอดบุหรี่ไฟฟ้า ปิดประตูยาเสพติด

ผู้บริหารสถานศึกษา ครูและนักเรียนชายหญิงแกนนำจากโรงเรียน 109 โรงในสังกัดกรุงเทพมหานคร รวมกว่า 400 คน ร่วมประกาศเจตนารมณ์โรงเรียนปลอดบุหรี่ไฟฟ้าและสิ่งเสพติด เนื่องในวันต่อต้านยาเสพติดโลก ประจำปี 2567 ก่อนปล่อยขบวนรถตุ๊กตุ๊ก 50 คัน จากศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2 เขตดินแดง รณรงค์ทั่วกรุงเทพฯ สร้างการรับรู้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นประตูบานแรกสู่ยาเสพติด ทำลายสุขภาพและสังคม กิจกรรมนี้ กรุงเทพมหานคร (กทม.) ผนึกกำลังสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และสถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย (ยท.) จัดขึ้น เมื่อวานนี้

ณัฐพงศ์ ดิษยบุตร รองปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.มีนโยบายประกาศให้โรงเรียนในสังกัด 437 โรง มีแนวทางปฏิบัติเพื่อป้องกันและควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยา หรืออุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้า มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 31 พ.ค.2567 ที่ผ่านมา โดยสถานศึกษาและสำนักงานเขตทุกแห่งต้องดำเนินการ 5 มาตรการเข้มข้น ได้แก่ สถานศึกษาทุกแห่งต้องเป็นสถานศึกษาปลอดบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า ต้องจัดให้มีการติดป้ายประกาศหรือประชาสัมพันธ์ชัดเจน , ให้สถานศึกษาตรวจสอบสิ่งของที่นักเรียนนำมาใช้ในสถานศึกษา รวมถึงบริเวณโดยรอบป้องกันการพกพาบุหรี่ไฟฟ้ามาใช้ในสถานศึกษา ,ให้สำนักงานเขตตรวจตราเข้มงวดไม่ให้มีการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้ารอบสถานศึกษา ชุมชน และในพื้นที่ต่างๆ เช่น สวนสาธารณะ โดยมอบหมายให้ฝ่ายเทศกิจ ฝ่ายการศึกษา และฝ่ายสิ่งแวดล้อมและสุขาภิบาล บูรณาการร่วมกันบังคับใช้กฎหมาย,ให้โรงเรียนจัดทำกล่องสำหรับใส่บุหรี่ไฟฟ้า (Dropbox) ที่ตรวจยึดได้จากนักเรียน และจัดทำบัญชีรายชื่อพร้อมส่งมอบบุหรี่ไฟฟ้าให้สำนักงานเขต และให้ศูนย์บริการสาธารณสุขเป็นผู้ให้ความรู้หรือคำปรึกษา ตรวจเยี่ยมสถานศึกษา พร้อมให้การช่วยเหลือบำบัดรักษาการติดบุหรี่ไฟฟ้า

“กทม.ได้รับความร่วมมือที่ดีจาก สสส.และสถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทยสำหรับผลักดันให้นักเรียนในโรงเรียนมีส่วนร่วมต่อต้านการแก้ไขปัญหาการสูบบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมขยายผลเชิงป้อมปรามตั้งแต่ประถมศึกษา เพิ่มภุมิคุ้มกันเมื่อขึ้นชั้นมัธยม ต้องยอมรับว่า การพัฒนาให้แกนนำนักเรียนมาเป็นส่วนหนึ่งแก้ปัญหาจะมีความเข้าใจที่ดีกับกลุ่มเพื่อน และสื่อสารผลกระทบการสูบบุหรี่ไฟฟ้าได้ดี และรับฟังจากเพื่อนที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้า แม้ไม่เลิกทันที แต่การสื่อสารเชิงบวกมีโอกาสลดจำนวนนักสูบหน้าใหม่ เพราะเป็นความหวังดีจากเพื่อนและคนรุ่นเดียวกีน ต้องนอมรับปัญหาบุหรีไฟฟ้าในเด็กและเยาวชนเพิ่มขึ้นรุนแรง กทม.ต้องดำเนินการทุกมาตรการเพื่อยกระดับสุขภาพของเยาวชนให้ปลอดภัยจากโรคภัยไข้เจ็บมากที่สุด” ณัฐพงศ์ กล่าว

นพ.พงศ์เทพ วงษ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ กล่าวว่า สสส. จะเข้าไปเสริมทุกหน่วยงานการป้องกันบุหรี่ไฟฟ้า ปัจจุบันพบการระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพฯ รุนแรง มีร้านลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าและรูปแบบขายออนไลน์ บางแห่งใกล้สถานศึกษา นักเรียนเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้า โดยที่ครู ผู้ปกครอง ไม่ทราบ การประกาศเจตนารมณ์โรงเรียนสังกัด กทม. ปลอดบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า รวมถึงจัดกิจกรรมให้ความรู้บุหรี่ไฟฟ้าและยาเสพติด ในโรงเรียน จะป้องกันไม่ให้เกิดผู้เสพรายใหม่ รู้จักปฏิเสธ เพราะเมื่อสูบบุหรี่ไฟฟ้าแล้ว โอกาสเลิกยาก จากรายงาน 70% ของผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้าไม่สามารถเลิกได้ตลอดชีวิต รัฐต้องสูญเสียงบประมาณสำหรับบำบัดรักษาหรือการฟื้นฟู ขณะเดียวกันรัฐบาลจะลดจำนวนผู้ใช้ยาเสพติดได้ ต้องเริ่มต้นจากลดอัตราการสูบบุหรี่ประตูบานแรกของยาเสพติด โดยยาเสพติดที่นิยมมากที่สุ ดคือ ยาเสพติดประเภทออกฤทธิ์ผสมผสาน กัญชา กระท่อม รองลงมาคือ ยาเสพติดประเภทกระตุ้นประสาท ยาบ้า ไอซ์ ยาอี ยาเสพติดประเภทกดประสาท ฝิ่น มอร์ฟีน เฮโรอีน สาระเหย และยาเสพติดประเภทหลอนประสาท เช่น แอลเอสดี (LSD) เห็ดขี้ควาย สารระเหย ส่วนขบวนรถตุ๊กตุ๊กร่วมรณรงค์พิษภัยบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าจะช่วยเตือนอันตรายและแนวคิด”บุหรี่ไฟฟ้า กิน จน ตาย” ป้องกันไม่ให้ทดลองเสพบุหรี่ไฟฟ้า แต่หากติดบุหรี่ไฟฟ้าแล้วให้เข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาได้

“เนื่องในวันต่อต้านยาเสพติดโลกปีนี้ สสส. และภาคีเครือข่ายจะขับเคลื่อนให้เกิดการเลิกสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเด็กและเยาวชน นอกจากโรงเรียรมัธยมสังกัด กทม. จะขยายผลโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กวดขันป้องกันบุหรี่ไฟฟ้า รวมถึงขับเคลื่อนกับกลุ่มเด็กเล็กเพื่อสร้างจิตสำนึกให้กับเด็กปฐมวัย เพื่อสามารถสร้างสุขภาพที่ดีให้กับเด็กและเยาวชน รวมถึงขยายผลโรงเรียนที่ป้องกันบุหรี่ไฟฟ้าได้สำเร็จเป็นพื้นที่เรียนรู้ให้กับสถานศึกษาต่างๆ ด้วย ลดนักสูบแล้ว ขะลดปัญหาที่เกิดขึ้นจากการใช้ยาเสพติดในอนาคตได้ “ ผจก. กองทุน สสส. กล่าว

รศ.พญ.เริงฤดี ปธานวนิช คณะแพทย์ศาสตร์ รพ.รามาธิบดี ม.มหิดล กล่าวว่า บุหรี่ไฟฟ้ากับผลกระทบทางสุขภาพและสังคม สถานการณ์การสูบบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กอายุ 13-15 ปี 17.6% เกือบ 1 ใน 5 ของเด็กมัธยมต้นไทยสูบบุหรี่ไฟฟ้า แนวโน้มสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะผู้หญิง ปัจจุบันบุหรี่ไฟฟ้ามีรูปแบบใหม่ๆ เหมือนของเล่น Toy Pod บริษัทบุหรี่ไฟฟ้าตั้งใจทำให้เด็กเข้าใจผิด คิดว่าไม่อันตราย ความจริงนิโคตินเป็นสารเสพติดมีฤทธิ์กระตุ้นประสาทเทียบเท่าเฮโรอีน ทำลายสมอง โดยเฉพาะเด็กและวัยรุ่น เป็นสารที่พบในบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า ที่น่ากังวลบุหรี่ไฟฟ้า 1 แท่ง มีสารนิโคตินเท่ากับบุหรี่ 20 ซองหรือบุหรี่ 400 มวน เสพติดง่ายกว่า เลิกยากกว่า ทำลายสมองมากกว่า ส่งผลต่อสุขภาพและการเรียน เพราะสมองของคนเราจะเจริญเติบโตจนกระทั่งอายุ 25 ปี ต่างประเทศมีรายงานเด็ก 1 ขวบ ตายจากน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า เพราะฤทธิ์นิโคตินอันตราย ในไทยมีข่าวเด็ก 1 ขวบ สูบบุหรี่ไฟฟ้า ถ้าไม่ได้สูบจะร้องงอแง นี่คือการเสพติด

“นิโคตินทำให้หงุดหงิดง่าย ปวดหัว วิตกกังวล อารมณ์แปรปรวน และเป็นพิษร้ายอันตรายต่อสมอง บุหรี่ไฟฟ้าทำลายปอด เกิดปอดอักเสบ ทำให้ภูมิต้านทานแย่ลง รวมถึงทำลายถุงลมปอด สารอันตรายในบุหรี่ไฟฟ้าทำให้เส้นเลือดแข็ง หัวใจทำงานหนักขึ้น เกิดหัวใจวายได้ การสูบบุหรี่ไฟฟ้ายังก่อเกิดภาวะสมองล้า นิโคตินยิ่งสูบ ยิ่งเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ อีกทั้งควันจากบุหรี่ไฟฟ้าทำให้คนใกล้ชิดตายผ่อนส่ง องค์การอนามัยโลกยืนยันบุหรี่ไฟฟ้าไม่ช่วยให้เลิกบุหรี่ ยิ่งสูบยิ่งติด ยิ่งตาย” รศ.พญ. เริงฤดี กล่าว

อ.ดร.วศิน พิพัฒนฉัตร หน่วยวิชาการเครือข่ายนักสาธารณสุขจัดการปัจจัยเสี่ยง (สปสส.) คณะสาธารณสุขศาสตร์ ม.มหิดล กล่าวว่า นิโคตินเป็นสารเสพติดรุนแรง บริษัทบุหรี่ไฟฟ้าเดินหน้าโกหกอันตรายการสูบบุหรี่ การเสพติด ระดับสารนิโคติน บุหรี่รสอ่อน การทำตลาดต่อเด็กและเยาวชน ประเด็นนี้ชัดเจนมาก รวมถึงอันตรายจากควันบุหรี่มือสอง การอ้างสูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิทธิเสรีภาพ การสูบบุหรี่ไฟฟ้าริดรอนสิทธิผู้อื่น บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าต้องห้ามนำเข้าในประเทศไทยเป็นไปตามกฎหมาย และห้ามขายและห้ามให้บริการ การสูบบุหรี่ไฟฟ้าในสถานที่สาธารณะผิดกฎหมาย เพราะบุหรี่ไฟฟ้ามีสารนิโคตินเป็นส่วนประกอบ ที่สำคัญการแอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้ามีความผิดตามกฎหมายศุลากร ประเด็นสำคัญการซื้อและครอบครองบุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมาย การรีวิวสินค้าบุหรี่ไฟฟ้าส่งเสริมการขายในสื่อออนไลน์ก็เสี่ยงถูกดำเนินคดี บุหรี่ไฟฟ้าไม่ใช่เรื่องเล็กต้องมีการบังคับใช้กฎหมายบุหรี่ไฟฟ้าจริงจัง รวมถึงโรงเรียนต้องดำเนินการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบทุกชนิด

ด้าน พัสกร ทัพมงคล ผอ.กองคุ้มครองผู้บริโภคด้านฉลาก สคบ. กล่าวว่า การจัดการบุหรี่ไฟฟ้าที่ริบได้จากนักเรียนใน ร.ร.สังกัด กทม. ตามนโยบาย กทม. ครูจะต้องจัดทำทะเบียนข้อมูลของเครื่องบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า บุหรี่ไฟฟ้าใช้แล้วทิ้ง หัวพอดที่ถอดเปลี่ยนได้ โดยบรรจุใส่ถุงซิบล็อค ป้องกันกลิ่นที่มาจากน้ำยารั่วซึม พร้อมบันทึกจำนวนให้ถูกต้อง นอกจากนี้ ตามกฎหมายโรงเรียนไม่ควรทำลายบุหรี่ไฟฟ้าด้วยตนเอง ต้องดำเนินการโดยกรมศุลากร

 



ที่มา:  นสพ.ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 21 มิ.ย. 2567

แชร์ข่าว:
กรุงเทพฯ มีอะไร อัพเดทข่าวสารฉับไว กิจกรรมที่น่าสนใจ และมีส่วนร่วมได้ รวมไว้ให้ที่นี่

©2022 สงวนลิขสิทธิ์ กรุงเทพมหานคร

สำนักงานประชาสัมพันธ์ สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร 173 ถนนดินสอ แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กทม. 10200