นายกฯถกด่วน-น้ำท่วมวาระชาติ ยกเคส’อุบล’บทเรียนแก้ปัญหา

นายกฯ เรียกถกด่วนรับมือน้ำท่วม ยกเป็นวาระแห่งชาติ สั่งรมว. 4 กระทรวง ‘พาณิชย์-ทส.-เกษตรฯ-กลาโหม’ รวมทั้ง ผู้ว่าฯ กทม.-สำนักทรัพยากรน้ำบูรณาการทำงานเป็นเอกภาพ ตั้งศูนย์ฉุกเฉิน บริการประชาชน กำชับพื้นที่ลุ่มท่วมซ้ำซากต้องไม่มีน้ำขังจนเน่าซ้ำเติมความเดือดร้อนอีก ส่วนย่านเศรษฐกิจชุมชนเมืองต้องป้องกันน้ำทะลักเข้า จัดแผนเร่งระบายน้ำ สกัดน้ำไหลบ่าท่วมฉบับพลัน ขณะที่กรมอุตุฯ ต้องพยากรณ์สถานการณ์ล่วงหน้าให้ชัดเจนแม่นยำ ยกเคสอุบลฯ ที่เผชิญปัญหาน้ำท่วมหนัก ด้านเลขาฯ สทนช. รับอาจมีน้ำท่วมบ้าง แต่วางมาตรการป้องกันรับมือไว้แล้ว

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 20 มิ.ย. ที่อาคารรัฐสภา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือเพื่อประเมินสถานการณ์เตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์และพิจารณาแนวทางการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์น้ำ โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดทส. พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ เสนาธิการทหารบก ในฐานะตัวแทนผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ธนะศักดิ์ ชื่นอิ่ม รองปลัดกระทรวงกลาโหม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

โดยนายกฯ รับฟังการรายงานสถานการณ์น้ำในปัจจุบัน และแนวโน้มสถานการณ์ รวมถึงการเตรียมความพร้อมในการป้องกันและลดผลกระทบจากสถานการณ์น้ำ และแผนการดูแลและช่วยเหลือประชาชน

จากนั้น นายเศรษฐากล่าวว่า เคยเชิญประชุมบริหารจัดการน้ำเมื่อเดือนพ.ค. เพื่อรับมือสถานการณ์น้ำ โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งประเมินสถานการณ์เตรียมความพร้อมรับมือน้ำทั้งประเทศ วางแนวทางแก้ไขปัญหาในเชิงบรรเทาผลกระทบให้น้อยที่สุด บริหารจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ปัญหาบางอย่างอาจจะแก้ไขยาก อาจดำเนินการในหน่วยงานเดียว แต่ถ้าประสานงานร่วมมือกันประสิทธิภาพก็จะเพิ่มขึ้น

นายเศรษฐากล่าวว่า โครงการและกิจกรรมต่างๆ ที่รัฐบาลได้ดำเนินงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 หลายๆ โครงการมีความเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำ เช่น โครงการแหล่งน้ำบาดาลขนาดใหญ่ โครงการพัฒนา 72 สายน้ำที่ยั่งยืน ตลอดจนการน้อมนำแนวพระราชดำริ พระราชปณิธาน และพระบรมราโชบาย เกี่ยวกับการพัฒนาสิ่งแวดล้อม พัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนให้อยู่ดีกินดี วันนี้อยากขอติดตามและรับฟังปัญหาจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อ บูรณาการแก้ไขความพร้อมและแนวทางช่วยเหลือประชาชนในการประเมินปัญหาเรื่องน้ำ อยากให้ทุกภาคส่วนร่วมกันวางแผนวางกรอบเวลาที่ชัดเจน มีตัวชี้วัดที่มีคุณภาพ รัฐบาลพร้อมที่สนับสนุนเต็มที่

ทั้งนี้ ระหว่างการประชุมนายกฯ ได้สอบถามถึงเรื่องการกักเก็บน้ำ ระบายน้ำที่จ.อุบลราชธานี และความเสี่ยงของน้ำแล้ง พร้อมกับสอบถามด้วยว่าในปีนี้น้ำจะท่วมหรือไม่ และในพื้นที่ไหน

นายสุรสีห์กล่าวยอมรับว่า “ท่วมครับ” ซึ่งน้ำท่วมฉับพลันมีแน่นอนอยู่แล้ว โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพมหานครน่าจะมี เนื่องจากปัจจุบันสภาพอากาศแปรปรวนในเรื่องความเข้มของฝน เช่น พื้นที่กรุงเทพมหานคร ระบบการระบายน้ำสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 60 มิลลิเมตร (ม.ม.) ต่อชั่วโมง แต่ปริมาณฝนที่ตกลงมา บางครั้งความเข้มเกิน 60 ม.ม.ต่อชั่วโมง หรือบางช่วงถึง 100 ม.ม.ต่อชั่วโมง ก็จะเกิดน้ำขังรอการระบาย และพื้นที่ลุ่มต่ำต่างๆ มีแนวโน้มที่จะท่วมอย่างแน่นอน “ช่วงฤดูฝนปีนี้ปริมาณฝนมากกว่าค่าปกติ จึงมีแนวโน้มที่จะท่วม แต่เราได้มีการเตรียมการ และบริหารจัดการทุกรูปแบบ เพราะถ้าไม่ทำก็จะเกิดปัญหาน้ำท่วมในปริมาณมาก และอาจเป็นช่วงระยะเวลายาว แต่ที่เราวางมาตรการรับมือไว้ในบางพื้นที่อาจท่วม แต่เมื่อมีการป้องกันก็อาจไม่ท่วมได้ รวมถึงบางพื้นที่มีแนวโน้มอาจจะท่วมมาก แต่ก็อาจทำให้ท่วมน้อยลงหลังจากที่เราดำเนินมาตรการต่างๆ ที่วางไว้” นายสุรสีห์กล่าว

นายชัชชาติ กล่าวว่ากรุงเทพมหานครได้ดำเนินการแก้ไขจุดต่างๆ ตามที่นายกฯ มอบนโยบายไว้แล้ว โดยมีการกำหนดตัวชี้วัดที่ชัดเจน แก้ไขปัญหาได้ตรงจุด ดำเนินการไปเกือบครบถ้วนแล้ว ทั้งขุดลอกคูคลอง ลอกท่อ เป็นไปตามเป้าหมาย ส่วนที่ต้องขอสนับสนุนคือขอกองทัพเรือเรื่องเครื่องผันน้ำ จึงขออนุญาตประสานกองทัพเรือต่อไป และในเรื่องของกรมชลประทานขอให้ช่วยระบายน้ำคลองรังสิตและเขตประเวศ ซึ่งที่ผ่านมาฝนตกทางกรมชลประทานช่วยระบายน้ำออก ทำให้ลดระดับน้ำลงได้ และอีกส่วนคือกรมทางหลวงที่มีพื้นที่บริหารที่ยังทำคูระบายน้ำไม่เสร็จในจุดถนนวิภาวดี-รังสิต ก็จะเร่งดำเนินการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะที่กรมราชทัณฑ์ที่ผ่านมาให้ความร่วมมือดีมาก เรื่องการลอกท่อ ขอชื่นชม

ด้านร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า เราได้ถอดบทเรียนทุกปีของสถานการณ์น้ำ ซึ่งเห็นว่ายังไม่ได้เตรียมเรื่องสถานการณ์ฉุกเฉิน จึงอยากรบกวนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมร่วมกัน เพื่อตั้งศูนย์บริหารบริการสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกๆ ภาคด้วย

จากนั้น นายเศรษฐากล่าวว่า ศูนย์ส่วนหน้าทำงานมา 2 ปีแล้ว แต่ยังมีปัญหา ดังนั้นควรมาพูดกันว่าตรงไหนไม่เวิร์ก และตรงไหนต้องแก้ไขปัญหา ส่วนข้อเสนอของ ร.อ.ธรรมนัส โดยหลักการเมื่อทุกหน่วยงานเมื่อทุกคนเห็นด้วย ขอให้ทุกกระทรวงที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ขอให้รับไปปฏิบัติตาม

“ผมเห็นด้วยปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งเป็นวาระแห่งชาติ ต้องวางแผนอย่างรอบคอบในการแก้ไขปัญหาระยะยาว ซึ่งขณะนี้การเข้าฤดูฝน 3 เดือนระยะสั้นนี้ให้เน้นการทำงานที่มีเอกภาพ ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญมาก เรามาทำงานร่วมกันหลายกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เข้าใจน้ำท่วมมีทุกปี แต่ต้องทำให้น้อยที่สุด เอาที่สามารถทำได้ และต้องยอมรับว่าเราทำได้ดีกว่านี้และทำงานร่วมกันให้ดีขึ้น มองปัญหาอนาคตอย่างที่ จ.อุบลราชธานี การพยากรณ์ กรมอุตุนิยมวิทยาถือเป็นส่วนสำคัญ เราต้องทำงานร่วมกันให้มีเอกภาพ ถ้าเกิดปัญหาก็ต้องช่วยเหลือกันไป” นายเศรษฐากล่าว

นายเศรษฐากล่าวต่อว่า ขอสั่งการให้ ทุกหน่วยงานเตรียมความพร้อมกับสถานการณ์น้ำ เพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพแหล่งน้ำในพื้นที่ทุ่งลำน้ำ พื้นที่ลุ่มจุดเกิดน้ำท่วมซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่ให้เกิดน้ำเน่าเกิดขึ้น พื้นที่เศรษฐกิจชุมชนเมืองต้องป้องกันน้ำเข้าห้ามเกิดน้ำไหลท่วมฉับพลัน ต้องมีแผนเร่งระบายน้ำ หน่วยงานต้องเข้าร่วมกันดูแลอย่างเป็นเอกภาพ วางแผนบูรณาการให้ดี เรื่องเคลียร์ทางน้ำวัชพืชที่ทำให้เกิดความตื้นเขิน ซึ่งเคยคุยกับรมว.กลาโหมและกองทัพในประสิทธิภาพการช่วยเหลือตรวจเช็กความแรงของเขื่อนกั้นน้ำ ประตูระบายน้ำ รวมถึงการเตือนภัยของกรมอุตุฯ ต้องชัดเจนแม่นยำ เพราะอันตรายจะมาได้ถ้าไม่มีการแจ้งเตือน ดูถึงผลผลิตการเดือดร้อนของเกษตรกรด้วย แผนการช่วยเหลือประชาชนหากมีน้ำท่วมเกิดขึ้น ซึ่งปีนี้เราคิดว่าจะไม่มี แต่แน่นอนต้องมีความพร้อมเตรียมเรื่องของเรือ เวชภัณฑ์ ซึ่งเราคุยกันในช่วง 4-5 เดือนข้างหน้านี้ก็ต้องแก้ไขปัญหาด้วย ขอให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและประสานงานกันอย่างดี

 

บรรยายใต้ภาพ

รับมือท่วม – นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ เป็นประธานประชุมรับมือสถานการณ์น้ำท่วม และแนวทางช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย โดยยกเป็นวาระแห่งชาติ เน้นย้ำทำงานอย่างมีเอกภาพ บรรเทาผลกระทบให้น้อยที่สุด ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.

 



ที่มา:  นสพ.ข่าวสด ฉบับวันที่ 22 มิ.ย. 2567 (กรอบบ่าย)

แชร์ข่าว:
กรุงเทพฯ มีอะไร อัพเดทข่าวสารฉับไว กิจกรรมที่น่าสนใจ และมีส่วนร่วมได้ รวมไว้ให้ที่นี่

©2022 สงวนลิขสิทธิ์ กรุงเทพมหานคร

สำนักงานประชาสัมพันธ์ สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร 173 ถนนดินสอ แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กทม. 10200