กทม. – เมื่อวันที่ 28 พ.ค. ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เขตปทุมวัน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวถึงโครงการเช่ารถขยะระบบไฟฟ้า เนื่องจากมีหลายฝ่ายมีความเป็นห่วงเรื่องความโปร่งใสขั้นตอนการร่างข้อกำหนดขอบเขตการประกวดราคา (ทีโออาร์) และกระบวนการการจัดจ้าง ว่า เรื่องขยะเป็นตัวอย่างวัฒนธรรมที่ฝังรากลึกมานาน มีผลประโยชน์มหาศาลและหยั่งรากลึก ที่ผ่านมายังไม่มีใครกล้าแตะ เป็นเรื่องท้าทายของ กทม. นำโดยนายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯ กทม. เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งไม่ง่าย เพราะข้าราชการคุ้นชินกับรูปแบบเดิม จึงต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ เพราะเรื่องนี้มีผลประโยชน์แอบแฝงมานาน ดังนั้น การกล้าเปลี่ยนไม่ใช่เรื่องง่าย
ด้านนายจักกพันธุ์กล่าวว่า เรื่องรถขยะมีทั้งหมด 6 สัญญา จะเริ่มทยอยหมดสัญญาเดือน ก.ย.เป็นต้นไป ซึ่งกทม.จะเช่ารถเก็บขนขยะโดยเน้นระบบไฟฟ้าเป็นหลัก และสภาพต้องใช้งานได้ตามที่กำหนด
“ผมทำงานใน กทม.มานาน รับตำแหน่งรองผู้ว่าฯ กทม.เป็นครั้งที่ 2 ไม่เคยมีเรื่องโกงกิน หากผมทำงานนี้ แล้วมีปัญหาเรื่องโกงกิน ผมประกาศลาออก กรณีมาชี้หน้าว่าผมเป็นคนโกงกิน ผมรับไม่ได้ เพราะผมทำงานไม่เคยเป็น คนเช่นนั้น เรื่องเตาเผาขยะ ผมลาออกมาแล้ว ถ้าผมทำงาน ต่อตอนที่เตาเผาขยะ 2 เตานั้นเกิดขึ้นมา ผมจะรวยไหม ผมรวยไม่เป็น แต่ทำงานที่ถูกต้องผมพร้อมทำ” รองผู้ว่าฯ จักกพันธุ์ กล่าว
ขณะที่นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร สก. เขตจอมทอง กล่าวว่า ได้ประชุมร่วมกับสำนักสิ่งแวดล้อม (สสล.) นำโดย นายประพาส เหลืองศิรินภา ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม นายภาณุวัฒน์ อ่อนเทศ รักษาการผู้อำนวยการส่วนบริหารจัดการมูลฝอย สำนักงานจัดการมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล สสล. และทีมงานร่างทีโออาร์เช่ารถเก็บขนขยะ ได้ข้อสรุปว่า ผู้บริหาร กทม.ยังคงยืนยันจัดเช่ารถเก็บขนขยะระบบไฟฟ้า ทดแทนระบบน้ำมันเดิมที่กำลังจะหมดสัญญาอีกประมาณ 3-4 เดือนข้างหน้า โดยการจัดเช่ารถอายุไม่เกิน 7 ปี มาใช้ก่อนเป็นเวลา 270 วัน ดังนั้นคณะกรรมการร่างทีโออาร์ จะกลับไปทบทวนเพื่อแก้ไขการร่างข้อกำหนดจัดเช่ารถระบบไฟฟ้าตามโครงการระยะเวลา 5 ปี อีกครั้ง ปัจจุบันยังคาดการณ์ไม่ได้ว่าจะแล้วเสร็จเมื่อใด เนื่องจากจัดหารถตามข้อกำหนดไม่ได้ โดยสัปดาห์หน้าจะมีการติดตามหารือความคืบหน้าอีกครั้ง
ที่มา: นสพ.ข่าวสด ฉบับวันที่ 29 พ.ค. 2567