“ชัชชาติ” ให้สร้างศูนย์ฝึกดับเพลิง-กู้ภัย ที่หนองจอก รื้อแผนผู้ว่าฯเดิมให้สร้าง โรงเรียนกีฬา รองผู้ว่าฯสั่งทบทวนงบฯสูงไป หากต้องทำอยู่รวมกันได้
รายงานข่าวกรณีโครงการก่อสร้างศูนย์ฝึกอบรมดับเพลิงและกู้ภัยกรุงเทพมหานคร ล่าสุด นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้ย้ายโครงการศูนย์ฝึกอบรมดับเพลิงและกู้ภัยกรุงเทพมหานคร จากเดิมที่จะก่อสร้างบนพื้นที่ ต.ท่าตลาด อ.สามพราน จ.นครปฐม เนื้อที่ 57 ไร่ 3 งาน 86 ตร.ว. มาสร้างที่ศูนย์ฝึกอบรมสถาบันพัฒนา ข้าราชการกรุงเทพมหานคร เขตหนองจอก เนื่องจาก แผนการก่อสร้างเดิมที่ จ.นครปฐม มีปัญหาเรื่องผังเมือง ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ตามผังเมืองสีเขียวและสีเหลือง ไม่ใช่สีน้ำเงินซึ่งสามารถก่อสร้างหน่วยงานของราชการได้ รวมถึงยังไม่ได้รับอนุญาตจากสภากรุงเทพมหานครในการสร้างศูนย์ฝึกฯนอกเขตพื้นที่กรุงเทพฯ โดยผู้ว่าฯ ชัชชาติ คาดการณ์ว่าการย้ายไปสร้างที่ศูนย์ฝึกอบรมฯหนองจอก จะสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนโดยรอบพื้นที่ รวมถึง หากเกิดเหตุฉุกเฉินจะสามารถเรียกกำลังดับเพลิงและกู้ภัยเข้า จุดเกิดเหตุได้สะดวกรวดเร็วกว่าอยู่ในพื้นที่ จ.นครปฐม
ทั้งนี้ พื้นที่ศูนย์ฝึกอบรมฯ เขตหนองจอก อยู่ติดกับพื้นที่ของสนามบางกอกอารีนา ปัจจุบันมีศูนย์กีฬาบางกอกอารีนาเปิดให้บริการประชาชนอยู่ในบริเวณ แผนการใช้พื้นที่ในสมัยผู้บริหารชุดที่ผ่านมาได้มีการตั้งคณะกรรมการหารือร่วมหลายหน่วยงานได้ข้อสรุปการใช้พื้นที่ในการจัดสรรเพื่อก่อสร้างโรงเรียนกีฬากรุงเทพมหานคร ศูนย์นันทนาการ สถานีดับเพลิง และศูนย์บริการสาธารณสุข ซึ่งยังไม่ได้เริ่มดำเนินการแต่อย่างใด ในส่วนของโรงเรียนกีฬากรุงเทพมหานคร ได้มีการออกแบบไว้แล้ววงเงินก่อสร้างรวมกว่า 1 พันล้านบาท เป็นโรงเรียนกีฬาที่สมบูรณ์แบบครบวงวร มีทั้งอาคารเรียน หอพักนักเรียน สนามกีฬาในร่ม อาคาร กีฬาในร่ม สนามฟุตบอลและอัฒจันทร์ รวมถึงปรับบึงน้ำเป็นศูนย์กีฬาทางน้ำ ในเรื่องนี้
นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าฯกทม. กำกับดูแลสำนักวัฒนธรรม กีฬาและการท่องที่ยว และสำนักการศึกษา กล่าวว่า ตามแผนเดิมโรงเรียนกีฬากรุงเทพมหานครเป็นโครงการใหญ่ วงเงินสูง 1 พันกว่าล้านบาท ตนได้ให้ทบทวนโครงการในรายละเอียดการก่อสร้างอาจไม่ต้องถึงขนาดนั้น อยู่ระหว่างทบทวนแนวทางที่เหมาะสม อาจใช้อาคารของโรงเรียนกทม.ที่ใช้เรียนอยู่ขณะนี้ค่อยๆ ปรับ รับเฉพาะนักเรียนกีฬาเข้ามาแทนที่นักเรียนปกติที่จะจบการศึกษาไปเพื่อทำเป็นโรงเรียนกีฬาเต็มรูปแบบ ซึ่งก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่พิจารณาอยู่ อย่างไรก็ดี ผู้ว่าฯ ชัชชาติ มีแนวทางที่จะก่อสร้างศูนย์ฝึกอบรมดับเพลิงและกู้ภัย กทม. ในพื้นที่ศูนย์ฝึกอบรมสถาบันพัฒนาข้าราชการฯ หนองจอก ก็อาจให้ดำเนินการก่อน เพราะโรงเรียนกีฬาฯยังคงต้องทบทวนรายละเอียดอยู่
ด้าน น.ส.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯกทม. กำกับดูแลสำนักป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า การสร้างศูนย์ฝึกอบรมดับเพลิงและกู้ภัย กทม. เป็นเรื่องเร่งด่วนตามนโยบาย ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ซึ่งตนได้ติดตามเรื่องนี้มาตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง โดยตรวจสอบข้อมูลแผนดำเนินการที่โครงการตั้งไว้ว่าจะไปก่อสร้างที่ จ.นครปฐม ซึ่งพบว่าไม่สามารถดำเนินการได้ด้วยเหตุผลเรื่องผังเมือง ซึ่งทาง จ.นครปฐม ก็ยัง ไม่สามารถจะเปลี่ยนสีผังเมืองได้ โดยเร็ว ซึ่งหากจะมีการเปลี่ยนสีผังเมือง จะต้องใช้ระยะเวลาทำการศึกษาตามขั้นตอนอีกนาน จึงต้องย้ายมาสร้างบนพื้นที่ กทม. ที่หนองจอก ซึ่งสามารถดำเนินการได้ทันที แต่อาจจะต้องยกเลิกโครงการเดิมและตั้งโครงการใหม่เพื่อก่อสร้างที่หนองจอกได้ ส่วนกรณีแผนเดิมที่เคยมีการจะก่อสร้างโรงเรียนกีฬา กทม. ในพื้นที่ของสถาบันพัฒนาข้าราชการฯ หนองจอก นั้น หากผู้บริหาร ได้หารือกันแล้วจะต้อง สร้างในพื้นที่เดียวกันนี้ ก็จะให้มีการ วางแผนดำเนินการไปในคราวเดียวกัน เลยไม่ต้องมาทำกันหลายครั้ง ซึ่งตนก็เห็นด้วยอย่างยิ่งที่กรุงเทพมหานครจะมีโรงเรียนกีฬาของเราเอง เพื่อจะได้พัฒนานักเรียนกีฬาได้เฉพาะทางไม่ปะปนกับโรงเรียนภาคปกติที่อาจจะมีการจัดหลักสูตรเวลาเรียนไม่เหมือนกัน
ผู้สื่อข่าวรายงาน ความคืบหน้า โครงการก่อสร้างโรงเรียนกีฬากรุงเทพมหานคร ได้เริ่มมีแผนจะทำจริงจังมาตั้งแต่สมัย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ต่อเนื่องสมัย พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ล่าสุดสรุปให้สำนักวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยว กำกับดูแล โดยอยู่ระหว่างจัดทำหลักสูตรการเรียนการสอน ในแผนจะมีการโอนย้ายบุคลากรจากสำนักการศึกษามารวม 36 อัตรา และจะสามารถรับนักเรียนกีฬาเข้าเรียนได้เพิ่มเป็น 1,200 คน จากปัจจุบันมี นักเรียนกีฬา กทม. ประมาณ 700 คน เรียนอยู่กับโรงเรียน กทม. 3 แห่ง คือ รร.วิชูทิศ ฝึกซ้อมที่ศูนย์เยาวชน กรุงเทพมหานคร(ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง, รร.นาหลวง ฝึกซ้อมที่ ศูนย์กีฬา เฉลิมพระเกียรติ ทุ่งครุ และ รร.วัดทองสัมฤทธิ์ ฝึกซ้อมที่ ศูนย์กีพา เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา มีนบุรี
ที่มา: นสพ.แนวหน้า ฉบับวันที่ 11 ก.ย. 2566