คนกรุงเจอวิกฤตพีเอ็ม2.5 กระทบสุขภาพหนักแค่ 2 เดือนแรกยอดผู้ป่วยทั่วประเทศพุ่ง 1.5 ล้านคน แห่เข้ารักษา รพ.รัฐสังกัด สธ.-กทม.กว่า 3 หมื่นคน
ทั่วปท.เจอฝุ่นพิษป่วยพุ่ง1.4ล้าน
เมื่อวันที่ 10 มีนาคม พญ.ปฐมพร ศิรประภาศิริ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 13 (กรุงเทพ มหานคร) เปิดเผยว่า ตามที่เกิดวิกฤตปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM2.5 ส่งผลกระทบในหลายจังหวัด โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร มีการเดินทางและความหนาแน่นของประชากรสูง ล่าสุด กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ประสานความร่วมมือกับกรมอนามัยและกรุงเทพมหานคร (กทม.) ในการบริหารจัดการปัญหาฝุ่นตามมาตรการของกรมควบคุมโรค จากสถานการณ์การเฝ้าระวังโรคที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศ ในพื้นที่กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 1 มกราคม-10 มีนาคม 2566 พบข้อมูลเฉพาะโรงพยาบาลของรัฐ ทั้งในสังกัดสำนักงานปลัด สธ. และสำนักการแพทย์ กทม. มีรายงาน ผู้ป่วยด้วยโรคที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศ รวม 31,695 ราย จากจำนวนผู้ป่วยทั่วประเทศ 1,449,716 ราย
“ในจำนวนดังกล่าว แบ่งเป็น กลุ่มโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง 2,252 ราย, โรคหอบหืด 129 ราย, โรคปอดอักเสบ 1,770 ราย, โรคไข้หวัดใหญ่ 144 ราย, โรคคออักเสบ 1,830 ราย, โรคจมูกอักเสบเรื้อรัง 672 ราย, โรคหลอดลมอักเสบ 1,107 ราย, โรคหัวใจขาดเลือด 89 ราย, โรคหลอดเลือดสมอง หรือสโตรก 8,309 ราย, กลุ่มโรคตาอักเสบ 4,800 ราย, กลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ 8,692 ราย และกลุ่มโรคที่ส่งผลกระทบระยะยาว เช่น มะเร็งปอด 1,877 ราย” พญ.ปฐมพรกล่าว
เกิน75หยุดกิจกรรมกลางแจ้ง
ผู้ตรวจราชการฯ เขตสุขภาพที่ 13 กล่าวว่า มาตรการทางสุขภาพตามคำแนะนำของ สธ.ในขณะนี้ขอให้ประชาชนตรวจสอบปริมาณฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่โดยรอบและพื้นที่ที่จะเดินทางไป หากพบว่าค่าเกิน 75 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) ไม่แนะนำให้ทำกิจกรรมกลางแจ้ง โดยเมื่อต้องอยู่ในพื้นที่ที่มีระดับฝุ่น PM2.5 ที่ 50-75 มคก./ลบ.ม. ให้สวมหน้ากากอนามัยที่สามารถป้องกันฝุ่น PM2.5 ได้ดี คือ N95 หรืออาจสวมหน้ากากอนามัย 2 ชั้น รวมถึงพบแพทย์เมื่อมีอาการโรคระบบทางเดินหายใจ ตาอักเสบ หรือผิวหนังอักเสบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2566 นายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัด กทม. ได้ลงนามในหนังสือถึงหน่วยงานในสังกัด กทม. กำชับให้ปฏิบัติตามมาตรการเพื่อควบคุมฝุ่นละอองอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ผู้ป่วยระบบทางเดินหายใจที่มีสาเหตุมาจากฝุ่น PM2.5 สามารถเข้ารับการปรึกษาได้ที่คลินิกมลพิษทางอากาศ ที่โรงพยาบาลสังกัด กทม. 6 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาล (รพ.) หลวงพ่อทวีศักดิ์ฯ รพ.กลาง รพ.ตากสิน รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ รพ.สิรินธร และ รพ.ราชพิพัฒน์ ในเวลา 08.00-15.00 น. หรือขอรับคำปรึกษาผ่านสายด่วนสุขภาพสำนักการแพทย์ กทม. โทร 1646 ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
‘เชียงใหม่-กทม.’ติดอันดับโลก
เมื่อเวลา 08.00 น. เว็บไซต์ IQAir จัดคุณภาพอากาศและการจัดอันดับเมืองที่มีมลพิษ พบว่า 10 อันดับแรกประเทศอยู่ในพื้นที่กลุ่มสีม่วง มีค่าเฉลี่ยเป็นอันตรายกับสุขภาพที่ระดับ 201-300 อันดับ 1.ลาฮอร์, ปากีสถาน ค่าเฉลี่ย 227 2.การาจี, ปากีสถาน ค่าเฉลี่ย 218 รองลงมาเป็นพื้นที่กลุ่มสีแดง ค่าเฉลี่ยเป็นอันตรายกับสุขภาพที่มีผลกระทบต่อสุขภาพทุกคน ที่ระดับ 151-200 อันดับ 3.อู่ฮั่น, จีน ค่าเฉลี่ย 208 4.เชียงใหม่, ไทย ค่าเฉลี่ย 187 5.เดลี, อินเดีย ค่าเฉลี่ย 185 6.ฮานอย, เวียดนาม ค่าเฉลี่ย 172 7.เซี่ยงไฮ้, จีน ค่าเฉลี่ย 169 8.กาฐมาณฑุ, เนปาล ค่าเฉลี่ย 166 9.อินชอน, เกาหลีใต้ ค่าเฉลี่ย 164 และ 10.มุมไบ, อินเดีย ค่าเฉลี่ย 164 ส่วนกรุงเทพมหานครติดอันดับที่ 19 อยู่ในกลุ่มสีส้มด้วยค่าเฉลี่ย 144 แม้อันดับจะลดลงแต่ยังคงเป็นเมืองที่ติดอันดับต้นๆ ของทุกเมืองที่มีการจัดค่าเฉลี่ยด้วยสภาพอากาศไม่ดีและมีผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน
‘โคราช-เลย’ค่าสูงกระทบสุขภาพ
ส่วนแอพพลิเคชั่น Air4Thai รายงานโดยกรมควบคุมมลพิษ ระบุดัชนีคุณภาพอากาศในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ค่าฝุ่น PM2.5 ตรวจวัดได้ 59 มคก./ลบ.ม. สูงเกินกว่าค่ามาตรฐาน ในเกณฑ์สีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ส่วนพื้นที่ จ.เลย คุณภาพอากาศในเขต อ.เมือง พุ่งขึ้นสูงสุดระดับสีแดง ปริมาณฝุ่น PM2.5 สูงถึง 106 มคก./ลบ.ม. แตะระดับสีแดง อยู่ในเกณฑ์มีผลกระทบต่อสุขภาพ สาเหตุมาจากการลักลอบเผาป่าหลายจุดและลักลอบเผาซังตออ้อยของเกษตรกร โดยเฉพาะพื้นที่เขตเมืองเลย วังสะพุง ส่งผลให้เกิดควันปกคลุมในอากาศอย่างหนาแน่นทั่วทั้งจังหวัด ด้วยสภาพอากาศทั่วไปในพื้นที่ จ.เลย ขมุกขมัวไปทั่วท้องฟ้า
เครื่องบินลาดตระเวนพบไฟป่า
นายชุติเดช กมนณชุตม์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ (สบอ.) ที่ 15 (เชียงราย) กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ จ.เชียงรายและ จ.พะเยา ปัญหาฝุ่นละอองและหมอกควันหนาแน่นอย่างต่อเนื่อง โดยที่ชายแดนไทย-เมียนมา อ.แม่สาย จ.เชียงราย มีปริมาณฝุ่น PM2.5 วัดได้ 110 มคก./ลบ.ม. ส่วนชายแดนไทย-สปป.ลาว ด้าน อ.เชียงของ วัดได้ 99 มคก./ลบ.ม. ทั้งนี้ ได้ปรับแผนด้วยการใช้เครื่องบินหรืออากาศยานปีกตรึง Kodiak 100 ของศูนย์เทคโนโลยีดิจิตอลอากาศยาน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลาดตระเวนวิเคราะห์สถานการณ์และแจ้งข่าวสารแก่เจ้าหน้าที่ดับไฟภาคปฏิบัติการ โดยให้พื้นที่ที่เกี่ยวข้อง เช่น พื้นที่อุทยานแห่งชาติ วนอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขตห้ามล่าสัตว์ป่า เป็นต้น จัดตั้งห้องควบคุมสถานการณ์เพื่อติดต่อกับอากาศยานที่จะแจ้งข้อมูลทางอากาศให้รับทราบ ปฏิบัติงาน 24 ชั่วโมง เมื่อทราบเหตุไฟไหม้ป่าให้รีบเข้าจัดการดับโดยทันที โดยผลการลาดตระเวนล่าสุด พื้นที่รอยต่อระหว่าง จ.เชียงราย จ.พะเยา และ จ.น่าน พบเกิดไฟไหม้หลายจุด ยากต่อการเดินเท้าเข้าไปดับ จึงประสานงานเพื่อขออากาศยานให้เข้ามาช่วยในการดับไฟ
ส่วนหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.เชียงใหม่ ได้วิเคราะห์สภาพอากาศ หากพบว่าความชื้นอากาศมีเพียงพอก็จะส่งเครื่องบินขึ้นปฏิบัติการฝนหลวง ล่าสุด ได้นำเครื่องบินเกษตรชนิด CASA จำนวน 2 ลำ ตรวจสอบและลาดตระเวนทางอากาศแล้ว
ฮอตสปอต4จว.เหนือ228จุด
สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน แม่ฮ่องสอน) สรุปสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 มีค่าระหว่าง 79-131 มคก./ลบ.ม. ส่วนจุดความร้อนเกิดขึ้น 228 จุด (เชียงราย 5 จุด เชียงใหม่ 89 จุด แม่ฮ่องสอน 117 จุด และลำพูน 17 จุด) คาดการณ์การสะสมของฝุ่นละอองภาพรวมภาคเหนือวันที่ 11 มีนาคม คุณภาพอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดย จ.เชียงใหม่และแม่ฮ่องสอน อยู่ในระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ
นายวุฒิชัย ม่วงมัน ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ ได้นำเจ้าหน้าที่จัดทำแนวกันไฟป่า ด้านทิศตะวันตก เขตติดต่ออุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย เริ่มจากทิศใต้จรดทิศเหนือระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร โดยช่วงนี้ภาคเหนือประสบปัญหาไฟป่าและหมอกควัน สวนสัตว์เชียงใหม่อยู่ในเขตพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่า ทุกปีมักประสบปัญหาไฟไหม้ป่าข้างทางเขตติดต่อกับหน่วยงานรอบข้างที่เป็นแนวเชิงเขา หรือตามไหล่ทางแนวรั้วด้านหลังประตูทางเข้าสวนสัตว์เชียงใหม่ จึงร่วมกันจัดทำแนวป้องกันไฟป่าไม่ให้ลุกลาม หรือช่วยชะลอการลุกลามได้ในระดับหนึ่ง
ช้างป่าบุกพืชสวนพื้นที่ตราด
ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ไฟป่า ใน อ.บ่อไร่ จ.ตราด ได้ทุเลาลงตามลำดับ เนื่องจากทิศทางลมได้พัดขึ้นไปทาง จ.จันทบุรี โดยนายจำนง สวัสดิ์วงศ์ ผอ.ศูนย์ ปภ.เขต 17 จันทบุรี รายงานไฟป่าในพื้นที่ อ.บ่อไร่ ที่ทางศูนย์เข้าไปปฏิบัติงานระหว่างวันที่ 1-9 มีนาคมว่า ได้สนับสนุนเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยปฏิบัติการดับไฟป่า ประกอบด้วย 1.รถดับไฟป่า 1 คัน 2.รถน้ำช่วยดับเพลิงขนาด 10,000 ลิตร 2 คัน 3.รถบรรทุกน้ำอเนกประสงค์ ขนาด 12,000 ลิตร 1 คัน 4.รถอำนวยการ 3 คัน 5.กำลังเจ้าหน้าที่ 11 นาย ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 9 มีนาคม ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดตราดมอบหมายภารกิจให้ชุดปฏิบัติการศูนย์ ปภ.เขต 17 จันทบุรี ปฏิบัติดังนี้ 1.สนับสนุนรถบรรทุกน้ำช่วยดับเพลิง ดับไฟป่า หลังร้อย ทพ.นย.513 (ฐานบ้านมะม่วง) ต.นนทรีย์ อ.บ่อไร่ 2.สนับสนุนรถดับไฟป่า รถบรรทุกน้ำช่วยดับเพลิง ณ (จุดเกิดใหม่) หมู่ 5 บ้านทับมะกอก ต.ด่านชุมพล อ.บ่อไร่
นายพสวัตน์ โชติวัตพงษ์ชัย หัวหน้าชุดเคลื่อนที่เร็วเฝ้าระวัง ผลักดันและแก้ไขปัญหาช้างป่าออกนอกพื้นที่ชุดที่ 15 รายงานว่า ชุดเคลื่อนที่เร็วได้ผลักดันช้างป่าออกนอกเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์ในพื้นที่รับผิดชอบ 3 จุด คือจุดที่ 1.หมู่ 3 ต.ด่านชุมพล อ.บ่อไร่ พบช้างป่า 1 ตัว ไม่พบความเสียหาย จุดที่ 2 หมู่ 1 ต.ด่านชุมพล อ.บ่อไร่ พบช้างป่าเดินจากหมู่ 3 เข้าหากินในสวนและทำความเสียหายต้นมะพร้าว 1 ต้น และจุดที่ 3 หมู่ 2 ต.หนองบอน อ.บ่อไร่ พบช้างป่า 1 ตัว ไม่พบความเสียหาย
หนองบัวลำภูยังเผาป่า-ไร่อ้อย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาพอากาศโดยรวมใน จ.หนอบัวลำภู ค่าฝุ่น PM2.5 อยู่ที่ 65 มคก./ลบ.ม. เป็นระดับสีส้มเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ส่วนการเผาป่าตามพื้นที่การเกษตรยังคงมีต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเผาไร่อ้อย เกษตรกรบางรายจะเผาในช่วงเวลากลางคืน และยังพบไฟป่าเกิดขึ้นตามภูเขาที่ชาวบ้านมักจะเผาเพื่อออกหาของป่า ทำให้ฝุ่นละอองปลิวเข้าไปบ้านเรือน และที่ผ่านมาหน่วยงานราชการจะมีการประชาสัมพันธ์ไม่เผาทำลายวัชพืช แต่ยังพบว่ามีการเผา ทำให้สภาพพื้นที่ของ จ.หนองบัวลำภู สุ่มเสี่ยงต่อภาวะสุขภาพของประชาชนขณะนี้ แต่ประชาชนยังคงออกมาใช้ชีวิตกันตามปกติ
บึงกุ่ม-สาทร-หนองจอกท็อป
วันเดียวกัน ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร ขอสรุปผลการตรวจวัด PM2.5 เมื่อเวลา 05.00-07.00 น. ตรวจวัดได้ 37-68 มคก./ลบ.ม. ค่าเฉลี่ยของกรุงเทพมหานคร 51.7 มคก./ลบ.ม. ค่า PM2.5 มีแนวโน้มลดลง แต่ยังคงเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้มเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพบางพื้นที่ ทั้งนี้ วลา 07.00 น. ตรวจวัดค่าฝุ่นละออง PM2.5 ได้ 37-66 มคก./ลบ.ม มีแนวโน้มลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของวันก่อน และพบว่าเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้มเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ จำนวน 36 พื้นที่ โดย 3 อันดับแรกค่าฝุ่นสูง ได้แก่ เขตบึงกุ่ม ภายในสำนักงานเขตบึงกุ่ม ค่า 66 มคก./ลบ.ม., เขตสาทร สี่แยกหน้าสำนักงานเขตสาทร ซอยถนนเซนต์หลุยส์ ค่า 64 มคก./ลบ.ม. และเขตหนองจอก บริเวณหน้าสำนักงานเขตหนองจอก เท่ากับ 64 มคก./ลบ.ม.
ส่วนช่วงวันที่ 10-14 มี.ค.66 อากาศเริ่มอยู่ในสภาวะเปิด การระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ดี ส่งผลให้ฝุ่น PM2.5 เกิดการสะสมตัวมีแนวโน้มลดลง แต่อาจมีแนวโน้มฝุ่นละอองขึ้นสูงได้ในบางพื้นที่ ในช่วงนี้มวลอากาศเย็นยังแผ่ปกคลุมประเทศไทยตอนบน แต่เริ่มมีกำลังอ่อนลง มีอากาศเย็นตอนเช้า กลางวันอากาศร้อน (ท้องฟ้าโปร่ง เมฆน้อย) ทั้งนี้ ในช่วงวันที่ 12-14 มี.ค.66 อากาศจะเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง และในช่วง วันที่ 13-14 มี.ค.66 อาจมีฝนในบางพื้นที่ โดยประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้นได้
ที่มา: นสพ.มติชน ฉบับวันที่ 11 มี.ค. 2566