ความรู้สึกที่ “เปลี่ยนไป” ต่อ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ กรณี “พีเอ็ม 2.5” ละเอียดอ่อนยิ่งอาจเป็นเรื่องในวงแคบๆ ของคนที่ตระหนัก ในพิษร้ายของ “พีเอ็ม 2.5” แต่ความแหลมคม อยู่ตรงที่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นแฟนของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์
ฟันธงได้เลยว่าเป็นคนที่ “เลือก” ให้เป็น “ผู้ว่าฯ” ถล่มทลาย
แต่แล้วเมื่อพบว่าไม่อาจแก้ปัญหาฝุ่น “พีเอ็ม 2.5” ก็หงุดหงิด ขณะที่ตัวของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ก็ไม่สามารถทำอะไรได้มาก
เพราะนี่เป็นเรื่องของ “โครงสร้าง” แห่ง “อำนาจรัฐ”
อย่าว่าแต่ปัญหาเนื่องจาก “พีเอ็ม 2.5” เลย แม้กระทั่งกรณีของ “รถไฟฟ้า” ก็เช่นกันถามว่าความขึงขังของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ไปถึงไหนแล้ว ถามว่าความขึงขังของ นายธงทอง จันทรางศุ มีผลในทางการปฏิบัติอย่างไรบ้าง
นอกเหนือจากแถลง “หนี้สิน” แล้วก็ “เงียบ”
ในเมื่อเรื่องของ “พีเอ็ม 2.5” ในเมื่อเรื่องของ “รถไฟฟ้า” เป็นเรื่องที่สัมพันธ์และยึดโยงอยู่กับ “โครงสร้าง” แห่งอำนาจรัฐ
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ก็ได้แต่แบะ แบะ แบะ
หากมองไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ตกอยู่ใน “อาการ” เดียวกันนั่นก็คือ ต้องพูดออกมาด้วยความท้อยอมรับว่า “ไม่รู้จะทำยังไง” ทั้งๆ ที่เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
เมื่อไม่รู้จะทำยังไง จึงได้แต่ “บ่น”นี่คือความเป็นจริงของ “สังคมประเทศไทย” เมื่ออยู่ภายใต้ “โครงสร้าง” อย่างที่เรียกว่า “รัฐราชการรวมศูนย์” จึงเทอะทะ และไม่อาจแก้ปัญหา
ต่อให้ “แลนด์สไลด์” อย่าง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ก็ทำอะไรไม่ได้
บทเรียนที่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประสบจึงใหญ่หลวงใหญ่หลวงถึงลักษณะ “รัฐ” ใหญ่หลวงจนต้องแตะไปยัง “รัฐธรรมนูญ” ใหญ่หลวงจนมีความจำเป็นต้อง “ปฏิรูป” ต้อง “รื้อ” กันใหม่
ไม่อย่างนั้นก็จะต้อง “พายเรือในอ่าง” อย่างที่เห็นและเป็นอยู่
ที่มา: นสพ.ข่าวสด ฉบับวันที่ 13 มี.ค. 2566 (กรอบบ่าย)