(16 ส.ค.68) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่กิจกรรม “ผู้ว่าฯ สัญจร” (รอบ 2) ครั้งที่ 24 ณ เขตหนองจอก เพื่อติดตามโครงการสำคัญ พร้อมพบปะและรับฟังปัญหาจากประชาชนในพื้นที่

ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ยาเสพติดในพื้นที่หนองจอกก็ดีขึ้น แต่เขตก็ต้องประสานความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ประธานชุมชน ดำเนินการต่อเนื่องเพื่อให้ชุมชนทุกแห่งในพื้นที่เขตหนองจอกเป็นชุมชนสีขาวต่อไป
ด้านการแยกขยะในชุมชนก็เข้มแข็ง มีการแยกขยะรีไซเคิลเอาไปขาย ทำให้มีรายได้เข้าชุมชน อย่างน้อยเดือนละ 3-400 บาท ก็สามารถนำมาพัฒนาชุมชนได้ นับว่าเป็นตัวอย่างที่ดี สุดท้ายเมื่อขยะลดลง เราก็ใช้งบประมาณน้อยลงก็มีเงินเหลือกลับมาให้ชุมชนมากขึ้น
เรื่องศูนย์เด็กเล็กก็เป็นนโยบาย ที่เราต้องพยายามปรับปรุงศูนย์เด็กเล็กให้ดีขึ้น เพราะว่าไม่มีอะไรสําคัญสําหรับกรุงเทพฯ มากกว่าเยาวชนแล้ว หัวใจก็คือช่วงตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 ขวบ ที่พัฒนาได้มากที่สุด ที่ผ่านมาอาจจะมีข้อบกพร่อง อาจจะมีข้อจํากัดเยอะเราก็มีการปรับไปหลายเรื่อง เช่น เพิ่มเงินรายปี เพิ่มค่าอาหารกลางวัน และล่าสุดมีการเพิ่มอัตราให้กับพี่เลี้ยงอาสาสมัคร แต่ก็ยังไม่พอ ในอนาคตก็จะพยายามให้มาเป็นข้าราชการ เป็นลูกจ้างประจําให้มากขึ้น
ส่วนห้องเรียนปลอดฝุ่น ตอนนี้เราได้เงินสนับสนุนจาก สปสช. ให้ทําการปรับปรุงห้องเรียน หากศูนย์เด็กเล็กไหนต้องการ การปรับปรุงหรืออุปกรณ์อะไร ก็ให้ทำเรื่องขอเข้ามา
“การลงพื้นที่ครั้งนี้ไม่เพียงเพื่อติดตามความก้าวหน้าโครงการต่าง ๆ แต่ยังเป็นโอกาสสำคัญในการรับฟังเสียงของพี่น้องประชาชน เพื่อปรับปรุงการพัฒนาให้ตรงกับความต้องการของชุมชนอย่างแท้จริง” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าว
โดยกิจกรรมผู้ว่าฯ สัญจร พื้นที่เขตหนองจอก เริ่มตั้งแต่เวลา 08.30 น. โดยลงพื้นที่ ชุมชนเคหะชุมชนฉลองกรุงโซน 5 ตรวจเยี่ยมการสร้างชุมชนต้นแบบตามนโยบาย No Drugs No Dealers เพื่อดำเนินการตามนโนบายเร่งด่วนของรัฐบาล ซึ่งสำนักงานเขตหนองจอกในฐานะศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเขตดำเนินการ ประสานสถานีตำรวจนครบาลและศูนย์บริการสาธารณสุขในพื้นที่ ดำเนินการในชุมชนจัดตั้งของกรุงเทพมหานคร ตามห้วงเวลาในระยะเร่งด่วน ดำเนินการตั้งแต่วันที่ 25 ก.ค – 31 ส.ค. 68 ในชุมชนเป้าหมาย 367 ชุมชน
จากนั้นเดินทางไปยัง ชุมชนลำสลิดทองพัฒนา เพื่อปลูกต้นไม้ใน “สวน 15 นาที” โอกาสนี้ ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ร่วมปลูกต้นเหลืองปรีดียาธร เยี่ยมชมโครงการคัดแยกขยะ การลงทะเบียน BKK WASTE PAY ซึ่งจำนวนหลังคาเรือนที่ต้องจัดเก็บค่าธรรมเนียม 75,383 หลังคาเรือน จำนวนหลังคาเรือนที่จัดเก็บค่าธรรมเนียม (กลุ่ม 1 ขยะไม่เกิน 20 ลิตร/วัน) 71,484 หลังคาเรือน โดยมีบ้านที่ลงทะเบียนแอปพลิเคชั่น BKK WASTE PAY แล้ว 8,806 บ้าน (12.32%) ถือเป็นอันดับ 1 ของ กทม. คนลงทะเบียนมากที่สุด
ต่อมา ตรวจเยี่ยม ศูนย์พัฒนาเด็กอินดารุลมีนา ภายใต้โครงการ “หายใจไร้ฝุ่น หนูน้อยสุขภาพดีกันถ้วนหน้า” ซึ่งโครงการดังกล่าว ได้มีการอบรมให้ความรู้แก่ผู้ปกครอง และอาสาสมัครผู้ดูแลเด็ก เรื่อง โรคที่เกิดจากฝุ่นและวิธีการป้องกันฝุ่นให้กับเด็ก โดยใช้รูปแบบห้องเรียนปลอดฝุ่นด้วยระบบกรองอากาศ หรือฟอกอากาศ
และเดินทางไปยัง วัดแสนเกษม ตรวจโครงการ “วัดคู่เมือง” ซึ่งวัดในพื้นที่เขตหนองจอก จำนวน 19 วัด โดยเขตได้ดำเนินการประสานวัดที่มีศักยภาพในการสนับสนุน โครงการ BKK Food Bank บริจาคให้กับกลุ่มเปราะบาง เช่น วัดแสนเกษม วัดหนองจอก วัดทรัพย์สโมสรนิกรเกษม การปรับปรุงภูมิทัศน์โดยรอบวัด เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี และมีประโยชน์ร่วมกับชุมชน เช่น การขุดลอกคูคลอง ศาลาท่าน้ำวัดที่ใช้สำหรับการทำกิจกรรมและการสัญจร การเพิ่มพันธุ์ปลาในแหล่งน้ำบริเวณวัด ทางม้าลาย สัญญาณไฟจราจร สำหรับวัดที่มีโรงเรียนในพื้นที่ การส่งเสริมการตรวจสุขภาพของพระสงฆ์ การปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียวบริเวณวัด และส่งเสริมการศึกษาพุทธศาสนาในโรงเรียน และวัดในวันหยุด เพื่อให้ศาสนากล่อมเกลาจิตใจ พร้อมทั้งรับมอบข้าวสารเพื่อโครงการ BKK Food Bank รวมทั้งพบปะชาวชุมชนแผ่นดินทองวัดแสนเกษม
ในช่วงสาย ผู้ว่าฯ ตรวจเยี่ยม ศูนย์การเรียนรู้ชาวนามหานคร รับฟังรายงานการดำเนินงานของคณะขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาเขตหนองจอก ในการถ่ายทอดองค์ความรู้และจัดสร้างเตาเผาขยะชีวมวลลดมลพิษ เพื่อการบริหารจัดการขยะอย่างยั่งยืนเขตหนองจอกให้แก่โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร ในพื้นที่เขตหนองจอก จำนวน 37 โรงเรียน
ก่อนเดินทางไปยัง โรงเรียนมัธยมวัดพระยาปลา ตรวจที่พักอาศัยข้าราชการและลูกจ้างในโรงเรียนสังกัด กทม. รับฟังปัญหาการศึกษาในพื้นที่ 37 โรงเรียน และตรวจสวน 15 นาที หลังโรงเรียน
ปิดท้ายด้วยการตรวจเยี่ยม มัสยิดดารัลมูกร้อตรอปืน (สุเพร่าหิน) ภายใต้โครงการ “มุสลิมร่วมพัฒนาเมือง” พร้อมรับฟังปัญหาจากชาวชุมชนวัดสามง่าม
—