นายพุทธิพัชร์ ธันยาธรรมานนท์ ส.ก.เขตยานนาวา เสนอญัตติด้วยวาจา เรื่อง ขอให้สภากรุงเทพมหานครตั้งคณะกรรมการวิสามัญศึกษาอำนาจและหน้าที่ของกรุงเทพมหานครในการตราข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครเพื่อลดฝุ่นควันพิษและส่งเสริมสิ่งแวดล้อมจากขนส่งสาธารณะทุกประเภท
“ปัญหาสิ่งแวดล้อมสืบเนื่องมานาน โดยปัญหามลพิษทางอากาศ พบว่าเกิดจากยานพาหนะถึง 61% การตั้งคณะกรรมการวิสามัญครั้งนี้ก็เพื่อศึกษาว่าสภากรุงเทพมหานครมีอำนาจหน้าที่ในการตราข้อบัญญัติกทม.เพื่อควบคุมระบบขนส่งสาธารณะทั้งหมดในพื้นที่กรุงเทพมหานครหรือไม่ เพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ในระยะเวลา 22 ปีที่ผ่านมา สภากทม.ไม่เคยยื่นร่างข้อบัญญัติเลย การยื่นญัตติครั้งนี้จะทำให้เห็นว่าส.ก.ที่เป็นตัวแทนประชาชนมีความตั้งใจทำงานเพื่อประชาชน โดยร่วมแก้ปัญหาตั้งแต่ต้นทาง ควบคุมมลพิษในอากาศไม่ให้เกินเกณฑ์ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน” นายพุทธิพัชร์ กล่าว
นายเอกกวิน โชคประสพรวย ส.ก.เขตราชเทวี กล่าวว่า ที่ต้องศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการเปลี่ยนรถแมล์เป็น EV เนื่องจากปัจจุบันมีการจดทะเบียนรถเมล์เป็นรถ EV ประมาณ 1,000 คัน และมีรถที่จะเข้าสู่การเปลี่ยนเป็นรถเมล์ไฟฟ้าในปี 66 อีกกว่า 3,000 คัน ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่น้อยมาก ทั้งนี้การเปลี่ยนเป็นรถเมล์ไฟฟ้าจะสามารถทำรายได้จากคาร์บอนเครดิตได้ถึง 2,160-3,600 ล้านบาท ต่อปี กรุงเทพมหานครจึงควรมีการตั้งคณะกรรมการวิสามัญเพื่อเป็นจุดเริ่มต้นให้กรุงเทพมหานครมีรถเมล์ไฟฟ้าวิ่ง 100% เพื่อประโยชน์ของคนกทม. และให้สภากรุงเทพมหานครได้ร่วมกันเปลี่ยนแปลง
นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ส.ก.เขตจอมทอง กล่าวว่า สภาต้องร่วมกับฝ่ายบริหารดูว่ากฎหมายฉบับใดที่ล้าหลัง สามารถแก้ไขได้หรือไม่ เพื่อให้คนกรุงเทพฯปลอดภัยจากมลพิษและควบคุมผู้ประกอบการที่ปล่อยมลพิษ โดยขับเคลื่อนกฎหมายให้บรรลุ
นางสาวภัทราภรณ์ เก่งรุ่งเรืองชัย ส.ก.เขตบางซื่อ กล่าวว่า ปัญหามลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะ PM2.5 ได้พูดกันมานานหลายปี โดยส่งผลต่อสุขภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาว และยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ซึ่งพี่น้องประชาชนไม่ควรต้องมารับภาระจากการไม่เอาจริงเอาจังในการควบคุมมลพิษของภาครัฐ จากการตรวจสอบค่าฝุ่นละออง ปัจจุบันกรุงเทพมหานครอยู่ในลำดับเมืองที่มีอากาศปนเปื้อนสูงอันดับ 11 ของโลก และปัญหาPM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร กว่าครึ่งหนึ่งมาจากการขนส่งทางถนน ซึ่งเป็นรถโดยสารประจำทางถึง 10% หากข้อบัญญัตินี้ผ่านการอนุมัติจากสภากทม. เราจะสามารถเปลี่ยนรถเมล์ให้เป็นรถไฟฟ้าได้ทั้งหมดภายใน 7 ปี และสามารถลด PM2.5 ได้อย่างน้อย 10%
นอกจากนี้สมาชิกสภากรุงเทพมหานครได้ร่วมกันอภิปรายเพื่อสนับสนุนญัตตินี้ ประกอบด้วย นายสัญห์สิทธิ์ เนาถาวร ส.ก.เขตวัฒนา นางสาวนิภาพรรณ จึงเลิศศิริ ส.ก.เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย นายฉัตรชัย หมอดี ส.ก.เขตบางนา นางสาวรัตติกาล แก้วเกิดมี ส.ก.เขตสายไหม นายวิรัช คงคาเขตร ส.ก.เขตบางกอกใหญ่ และนายณรงค์ศักดิ์ ม่วงศิริ ส.ก.เขตบางบอน
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การตั้งคณะกรรมการวิสามัญฯจะทำให้เราเห็นมุมมองที่กว้างขึ้น ซึ่งปัญหาอาจรวมถึงรถในระบบขนส่งที่ไม่ใช่สาธารณะด้วย รถสาธารณะอาจมีจำนวนแค่ 10% แต่ยังมีรถประเภทอื่นอีก อาทิ รถบรรทุก จึงขอให้คณะกรรมการวิสามัญชุดนี้ได้พิจารณารถประเภทอื่นให้ครอบคลุม
ทั้งนี้สภากรุงเทพมหานครได้มีมติเห็นชอบตั้งคณะกรรมการวิสามัญศึกษาอำนาจและหน้าที่ของกรุงเทพมหานครในการตราข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครเพื่อลดฝุ่นควันพิษและส่งเสริมสิ่งแวดล้อมจากขนส่งสาธารณะทุกประเภท จำนวน 23 ท่าน และกำหนดการศึกษาให้แล้วเสร็จภายใน 7 วันทำการ
——————–