ดร.สุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา สมาชิกสภากรุงเทพมหานครเขตลาดกระบัง เปิดเผยว่า ในขณะนี้ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่เขตลาดกระบังซึ่งได้รับผลกระทบจากการเผาหญ้าและฟางข้าวของเกษตรกรเป็นจำนวนมาก โดยชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบส่วนมากจะเป็นผู้ที่อยู่ใกล้กับพื้นที่ที่ทำการเกษตร หลายครั้งที่มีผู้ลักลอบเผาในช่วงเวลากลางคืน ส่งผลกระทบทั้งเรื่องเขม่าควัน เศษฟางข้าวที่ลอยมาและกลิ่นรบกวน รวมทั้งยังเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้ลุกลามก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินอีกด้วย
“วิธีการเผานาข้าวหลังจากการทำนาเสร็จ เป็นวิธีการที่เกษตรกรรุ่นเก่าใช้กัน และยังมีการใช้วิธีนี้ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ซึ่งการเผาเป็นสาเหตุสำคัญของมลพิษในขณะนี้ การที่ปัญหาทวีความรุนแรงขึ้นอาจเนื่องมาจากหลายสาเหตุ อาทิ มาตรการกำกับดูแลที่ไม่เข้มข้นเพียงพอ บทลงโทษที่ไม่รุนแรง การขาดแคลนเจ้าหน้าที่ในการตรวจตราผู้กระทำความผิด พื้นที่เกิดเหตุอยู่ห่างไกลไม่มีกล้องCCTV รวมถึงการที่เกษตรกรและชาวบ้านยังขาดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง โดยปัจจุบันฝ่ายพัฒนาชุมชนและสวัสดิการสังคม ของสำนักงานเขตพื้นที่ ได้มีการนำเทคโนโลยีการสลายฟางข้าวโดยใช้ EM และการฝังกลบมาใช้เพื่อแก้ปัญหานี้ ถึงแม้จะไม่รวดเร็วทันใจเกษตรกร แต่เป็นวิธีการที่ได้ผล ปลอดภัยและไม่ก่อให้เกิดมลภาวะกับสภาพแวดล้อมแน่นอน” ดร.จอห์น ส.ก.ลาดกระบัง กล่าว
จากการติดตามแนวทางการแก้ไขปัญหาเหตุเผาไหม้ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงนี้ พบว่า เจ้าหน้าที่เทศกิจสำนักงานเขตจะเร่งลงพื้นที่เพื่อตรวจตรา ให้คำแนะนำและขอความร่วมมือจากประชาชน ในเบื้องต้นหากพบผู้กระทำผิดจะว่ากล่าวตักเตือน แต่หากพบว่ามีการทำความผิดซ้ำจะดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องทันที สำหรับประชาชนหรือเกษตรกรที่สนใจใช้วิธีการสลายฟางข้าวโดยใช้ EM สามารถติดต่อได้โดยตรงที่ฝ่ายพัฒนาชุมชนและสวัสดิการสังคม สำนักงานเขตลาดกระบัง และหากพบเหตุเผาไหม้หญ้า/ฟางข้าวสามารถแจ้งได้ทันทีที่สำนักงานเขต หรือแจ้งได้กับส.ก.เพื่อเร่งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาเพื่อลดกระทบกับพี่น้องประชาชนโดยเร่งด่วนต่อไป
——————–