กทม. เข้มงวดโครงการก่อสร้างคอนโดฯ ในซอยสุขุมวิท 93 ปฏิบัติตามมาตรการ EIA
นายธวัชชัย นภาศักดิ์ศรี ผู้อำนวยการสำนักการโยธา (สนย.) กทม. กล่าวกรณีประชาชนที่พักอาศัยในซอยสุขุมวิท 93 เขตพระโขนง ร้องเรียนได้รับความเดือดร้อนจากการก่อสร้างคอนโดมิเนียมในพื้นที่ว่า จากการตรวจสอบโครงการคอนโดมิเนียมในซอยสุขุมวิท 93 พบว่า อาคารดังกล่าวได้ยื่นแจ้งการก่อสร้างที่สำนักงานเขตพระโขนง เป็นตึก 8 ชั้น จำนวน 2 หลัง เพื่อใช้เป็นอาคารชุดพักอาศัย ซึ่ง สนย. ได้ประสานสำนักงานเขตพระโขนงกำชับและดูแลผู้รับเหมาโครงการดังกล่าวให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการดังกล่าวอย่างเคร่งครัด
นางสายทิพย์ สุคนธ์มณี ผู้อำนวยการเขตพระโขนง กทม. กล่าวว่า สำนักงานเขตฯ ได้ตรวจสอบโครงการฯ ดังกล่าว พบการติดตั้งแผ่นป้องกันเสียงรบกวน ตามมาตรการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้ว ส่วนกรณีผู้รับเหมาโครงการฯ ทำงานเกินเวลา 17.00 น. ได้รับการชี้แจงว่า เป็นการเทปูนต่อเนื่อง ซึ่งมีการโหลดปูนมาจากแพลนท์ปูนแล้วและรถปูนมาช้าทำให้การทำงานล่าช้า อย่างไรก็ตาม สำนักงานเขตฯ ได้กำชับโครงการฯ วางแผนการทำงานให้อยู่ในระยะเวลาที่กำหนดไว้ใน EIA และปฏิบัติตามมาตรการ EIA อย่างเคร่งครัด มิเช่นนั้นจะระงับการก่อสร้างจนกว่าจะมีการแก้ไขให้เป็นไปตามมาตรการ EIA จึงจะสามารถดำเนินการก่อสร้างได้ พร้อมทั้งกำชับให้ลดเสียงในระหว่างก่อสร้าง เพื่อลดผลกระทบของประชาชนในพื้นที่ รวมถึงปฏิบัติตามมาตรการด้านความปลอดภัยบริเวณพื้นที่ก่อสร้างอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันผลกระทบจากการก่อสร้างในด้านต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชนที่พักอาศัยในบริเวณใกล้เคียง
กทม. เร่งจัดทำทางลาดเกาะกลางถนนวิทยุ ป้องกันอันตรายผู้สูงอายุ-ผู้ใช้วีลแชร์
นายธวัชชัย นภาศักดิ์ศรี ผู้อำนวยการสำนักการโยธา (สนย.) กทม. กล่าวถึงแนวทางการแก้ปัญหาเกาะกลางถนนวิทยุ เพื่อป้องกันอันตรายต่อผู้สูงอายุและผู้ใช้วีลแชร์ว่า สนย. ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณแยกวิทยุ ช่วงเกาะกลางถนนวิทยุบรรจบถนนพระราม 4 ซึ่งพบว่าทางม้าลายมีคันหินเกาะกลางยกสูงและไม่มีทางลาดสำหรับอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้วีลแชร์ จึงได้สำรวจแนวทางการดำเนินการและจัดทำทางลาดบริเวณเกาะกลางถนนวิทยุ พร้อมปรับพื้นที่เรียบ เพื่อความสะดวกปลอดภัยของผู้ใช้วีลแชร์และประชาชนผู้สัญจรในบริเวณดังกล่าว
กทม. ส่งเสริมความรู้-แนะนำโภชนาการ ลดการบริโภคเกลือและโซเดียมคนกรุงฯ
พญ. ภาวิณี รุ่งทนต์กิจ รองผู้อำนวยการสำนักอนามัย รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักอนามัย (สนอ.) กทม. กล่าวถึงการเร่งสร้างความตระหนักรู้และแนวทางส่งเสริมด้านโภชนาการ เพื่อควบคุมการบริโภคเกลือและโซเดียมของประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ ว่า สถานการณ์โรคไม่ติดต่อเรื้อรังในพื้นที่กรุงเทพฯ เช่น จำนวนผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงรายใหม่พบสูงมากขึ้นทุกปี ซึ่งผลการตรวจสุขภาพประชาชน 1 ล้านคนของ กทม. ในปี 2567 พบว่าประชาชนมีพฤติกรรมบริโภคอาหารเค็มและหมักดองเป็นประจำอย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์ สูงถึงร้อยละ 24 และพบสูงสุดในประชาชนกลุ่มอายุ 15-34 ปี สูงถึงร้อยละ 36
ทั้งนี้ กทม. ได้ดำเนินการตามยุทธศาสตร์ลดการบริโภคเกลือและโซเดียมในประเทศไทย (SALTS) และร่วมขับเคลื่อนนโยบายการลดบริโภคเกลือและโซเดียมในปีงบประมาณ 2567 โดยจัดประชุมเชิงปฏิบัติการผู้เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานเขต 50 เขต สำนักงานตลาด กทม. ผู้จัดการตลาด Premium Market และบุคลากรสาธารณสุข รวมทั้งสำรวจปริมาณโซเดียมในตัวอย่างอาหารในชุมชน โรงเรียน โรงพยาบาล และร้านจำหน่ายอาหารในพื้นที่ 50 เขต ประเมินความตระหนักรู้ของประชาชน และขยายผลไปยังตลาดอื่น ๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ รวมถึง Healthy Canteen ในโรงอาหารศาลาว่าการ กทม. 2 (ดินแดง) ตลอดจนประชาสัมพันธ์ตลาดและร้านค้าที่จำหน่ายอาหารเค็มน้อยสั่งได้ สุขภาพดีสั่งได้ ผ่านแอปพลิเคชันไลน์ “BMA Nutri Chat”
นอกจากนี้ ได้จัดกิจกรรมให้ความรู้ด้านโภชนาการแก่ประชาชนทุกกลุ่มวัยเชิงรุกในชุมชนผ่านหน่วยแพทย์และสาธารณสุขเคลื่อนที่ครอบคลุมทั้ง 50 เขต โดยมีนักโภชนาการให้คำแนะนำด้านโภชนาการ ลดหวาน มัน เค็ม สร้างความตระหนักเรื่องโซเดียม การใช้เครื่องปรุง การอ่านฉลากโภชนาการ และแนะนำการออกกำลังกายสร้างกล้ามเนื้อ อีกทั้งมีบุคลากรของศูนย์บริการสาธารณสุขเยี่ยมบ้านประเมินภาวะโภชนาการในผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ พร้อมให้คำแนะนำการบริโภคอาหารที่ถูกต้องเหมาะสมกับโรคที่เป็นอยู่
ส่วนการควบคุมปริมาณโซเดียมในอาหารเช้าและกลางวันในโรงเรียนสังกัด กทม. ได้ใช้โปรแกรม Thai School Lunch for BMA จัดอาหาร โดยกำหนดเมนูที่เหมาะสมตามแต่ละช่วงวัยของนักเรียน ซึ่งได้ทดลองคำนวณและวิเคราะห์คุณค่าสารอาหารโดยนักโภชนาการของ สนอ. เพื่อให้มีความหลากหลายและได้คุณค่าสารอาหารครบถ้วนเหมาะสมกับความต้องการของร่างกายตามวัย พร้อมทั้งขอความร่วมมือโรงเรียนในสังกัดและนอกสังกัดดำเนินการมาตรการ 9 ข้อในการส่งเสริมด้านโภชนาการในโรงเรียน รวมถึงให้นักโภชนาการลงพื้นที่ให้ความรู้ด้านโภชนาการแก่เด็กในโรงเรียนในพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อสร้างความรอบรู้ด้านโภชนาการแก่เด็กให้สามารถเลือกรับประทานอาหารและมีการออกกำลังกายอย่างเหมาะสม
นางสาวพิศมัย เรืองศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา (สนศ.) กทม. กล่าวว่า สนศ. ได้สนับสนุนระบบ Thai School Lunch for BMA ให้กับโรงเรียนในสังกัดใช้ในการจัดสำรับอาหารเช้าและอาหารกลางวันทั้ง 437 โรงเรียนในสังกัด กทม. โดยสำรับอาหารในระบบฯ กำหนดจากสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล และ สนอ. ซึ่งเมื่อโรงเรียนจัดสำรับอาหาร ระบบฯ จะคำนวณวัตถุดิบที่ต้องใช้ประกอบสำรับอาหารและคุณค่าสารอาหาร เช่น พลังงาน โปรตีน ไขมัน วิตามิน โซเดียม น้ำตาล ต่อเด็ก 1 คน ว่าสารอาหารที่ได้รับผ่าน มากเกินไป น้อยเกินไป หรือค่อนข้างมาก หากพบว่ามีโซเดียมมากเกินกำหนด ในขั้นตอนการปรุงอาหาร ผู้ปรุงจะปรับลดปริมาณวัตถุดิบให้ลดลงจากที่ระบบฯ คำนวณไว้