กทม. เตรียมพร้อมเปิดศูนย์ปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุข-คลินิกมลพิษทางอากาศในช่วงค่าฝุ่น PM2.5 สูง
นางเลิศลักษณ์ ลีลาเรืองแสง ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ (สนพ.) กทม. กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมระบบเฝ้าระวังและประเมินความเสี่ยงกลุ่มเปราะบางในช่วงที่ค่าฝุ่น PM2.5 มีแนวโน้มสูงขึ้นว่า สนพ. ได้บูรณาการความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายในพื้นที่ให้ความรู้ข้อแนะนำแก่ประชาชนในพื้นที่โดยรอบ โดยบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขจะเน้นการเข้าถึงกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ เพื่อให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพ รวมถึงการสวมใส่หน้ากากอนามัยที่ถูกต้อง พร้อมแจกหน้ากากอนามัยให้กับกลุ่มเปราะบางในช่วงที่มีค่าฝุ่นสูง รวมทั้งรายงานสถิติผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ฝุ่นละออง ติดตามสถานการณ์ฝุ่นละออง เพื่อปฏิบัติการออกช่วยเหลือผู้ป่วยยามจำเป็น หากมีการรายงานค่าฝุ่นในพื้นที่ระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
สำหรับแผนปฏิบัติการป้องกันรองรับสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 สนพ. ได้เปิดศูนย์ปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขกรณีฝุ่น PM 2.5 เกิน 75 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) โรงพยาบาลในสังกัด เปิดคลินิกมลพิษทางอากาศ ดังนี้ โรงพยาบาลกลาง โทร . 0 2220 8000 ต่อ 30112 (วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 08.00 – 16.00 น.) โรงพยาบาลตากสิน โทร. 0 2437 0123 ต่อ 1426, 1430 (วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 09.00 – 12.00 น.) โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ โทร. 0 2289 7221 บริการตรวจคัดกรอง (วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 08.00 – 12.00 น.) บริการนัดพบแพทย์ในกลุ่มสงสัย (วันพุธ – วันพฤหัสบดี เวลา 13.00 – 15.00 น.) โรงพยาบาลหลวงพ่อทวีศักดิ์ ชุตินฺธโร อุทิศ โทร. 0 2429 3576 ต่อ 8522 (วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 08.00 – 15.00 น.) โรงพยาบาลเวชการุณย์รัศมิ์ โทร. 0 2543 1307 ต่อ 212, 082 760 2382 หรือ 08 2760 2389 บริการตรวจคัดกรอง (วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 08.00 – 12.00 น.) บริการนัดพบแพทย์ในกลุ่มสงสัย (วันอังคาร เวลา 13.00 – 15.00 น.) โรงพยาบาลนคราภิบาล โทร. 0 2326 9995 (วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 08.00 – 15.00 น.) โรงพยาบาลราชพิพัฒน์ โทร. 06 3324 1126 หรือ 09 9170 5879 (วันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 08.00 – 16.00 น.) และโรงพยาบาลสิรินธร โทร. 0 2328 6901 ต่อ 11448 (วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 08.00 – 12.00 น.) เพื่อให้คำปรึกษาแก่ประชาชน ให้บริการตรวจรักษาลดความรุนแรงของอาการที่เกิดจากฝุ่น PM2.5
นอกจากนี้ ยังได้จัดห้องปลอดฝุ่น พัดลม และแผ่นกรองอากาศ เพื่อจัดทำพื้นที่ปลอดฝุ่น (Safe Zone) ภายในศูนย์เด็กเล็กน่าอยู่คู่นมแม่ของโรงพยาบาลในสังกัดทั้ง 11 แห่ง พร้อมแจกหน้ากากอนามัย และให้คำแนะนำในการป้องกัน ดูแลสุขภาพในช่วงฝุ่นหนาแน่น สำหรับกลุ่มเปราะบางที่มีความเสี่ยงสูง เช่น เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ หอบหืด เยื่อบุตาอักเสบ หัวใจและหลอดเลือด รวมถึงผู้ที่ทำงานกลางแจ้งเป็นเวลานาน ควรเลี่ยงพื้นที่ฝุ่นสูง หรือลดระยะเวลาออกนอกอาคารให้น้อยที่สุด หากจำเป็นต้องออกนอกอาคาร ให้สวมหน้ากากป้องกันฝุ่น และงดการทำกิจกรรม หรือออกกำลังกายกลางแจ้ง รวมทั้งปิดประตูหน้าต่างให้สนิท หรืออยู่ในห้องปลอดฝุ่นและสังเกตอาการตนเอง หากมีอาการไอ แน่นหน้าอก วิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ผื่นแดง หรือมีอาการผิดปกติทางร่างกายอื่น ๆ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที หรือพบแพทย์ผ่านทาง Telemedicine แอปพลิเคชัน “หมอ กทม.” เพื่อตรวจวินิจฉัยอาการได้อย่างรวดเร็ว สามารถปรึกษาเรื่องสุขภาพ โทร 1646 สายด่วนสุขภาพ สนพ.กทม. ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
ขณะเดียวกัน ได้มอบหมายกลุ่มงานอนามัยชุมชนของโรงพยาบาลในสังกัดออกหน่วยบริการเชิงรุก โดยให้การดูแลรักษาคำแนะนำเบื้องต้น พร้อมความรู้ในการป้องกันโรคแก่ประชาชนและเครือข่ายทั้งภายในโรงพยาบาล และชุมชนบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงรอบโรงพยาบาลในช่วงสถานการณ์ค่าฝุ่น PM2.5 วิกฤตหนาแน่น รวมทั้งรณรงค์ส่วนราชการในสังกัดร่วมมือลดฝุ่น PM2.5 การเดินทาง ลดปริมาณการใช้ยานพาหนะในช่วงที่กรุงเทพฯ มีแนวโน้มปริมาณฝุ่น PM2.5 เพิ่มสูงขึ้น ร่วมลดฝุ่น PM2.5 ในรูปแบบต่าง ๆ ประกอบด้วย การเหลื่อมเวลาทำงาน การส่งเสริมให้บุคลากรใช้รถขนส่งสาธารณะมากขึ้น เพื่อลดความหนาแน่นของรถและลดการสร้างมลพิษทางอากาศ ประชาสัมพันธ์ “ดับเครื่องยนต์เมื่อจอดรถ ลดฝุ่น PM 2.5” กำชับพนักงานขับรถยนต์ดับเครื่องยนต์ทุกครั้ง เมื่อไม่ปฏิบัติงานหรือจอดรถรับ-ส่ง เพื่อลดปัญหาการเกิดมลพิษทางอากาศที่เกิดจากไอเสียของเครื่องยนต์จากยานพาหนะ ซึ่งการติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้ขณะจอดรถ ส่งผลให้ไอเสียที่ปล่อยออกมาจะมีมลพิษมากกว่ารถแล่นตามปกติถึง 5 เท่า จึงควรดับเครื่องยนต์ของยานพาหนะทุกชนิดเมื่อจอด โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในเขตชุมชน เพื่อลดปัญหาการเกิดมลพิษด้านฝุ่นละอองทางอากาศที่เกิดจากไอเสียของเครื่องยนต์จากยานพาหนะ
กทม. แจงกลุ่มบุคคลแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่เทศกิจเรียกเก็บเงินค่าจอดรถ-แผงค้างานวัดภูเขาทอง
นายอนุชิต พิพิธกุล ผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ (สนศ.) กทม. กล่าวกรณีสื่อสังคมออนไลน์โพสต์ข้อความพบผู้เรียกเก็บเงินค่ารับฝากรถและค่าแผงค้าใกล้พื้นที่จัดงานวัดภูเขาทองว่า จากการตรวจสอบการเรียกเก็บเงินค่าจอดรถงานวัดภูเขาทองในพื้นที่ถนนสาธารณะโดยไม่มีใบเสร็จและมีการแอบอ้างว่าเป็นลูกน้องของ สนท.กทม. และตำรวจนั้น พบว่า เป็นการดำเนินการของกลุ่มบุคคล โดยแอบอ้างเจ้าหน้าที่เทศกิจและเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือหากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่เทศกิจและมีการดำเนินการจริง จะต้องถูกดำเนินการทางวินัยทันที ทั้งนี้ การจอด หรือขับขี่รถบนทางเท้าสาธารณะเป็นความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง หากเจ้าหน้าที่พบการฝ่าฝืนจะดำเนินคดีและมีโทษปรับเป็นพินัยไม่เกิน 5,000 บาท ซึ่ง สนท. ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดกวดขันดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องเรียกเก็บผลประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม สนท. ได้สั่งการฝ่ายเทศกิจทั้ง 50 สำนักงานเขต กำชับเจ้าหน้าที่ดำเนินการกวดขันและปฏิบัติงานให้เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ รวมทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมาย เช่น เจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีอำนาจบังคับการตามกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก เป็นต้น เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของพื้นที่
กทม. รุดตรวจสอบผิวจราจร-การสั่นไหวสะพาน 99 พบยังอยู่ในเกณฑ์ที่ใช้งานได้ปลอดภัย
นายธวัชชัย นภาศักดิ์ศรี ผู้อำนวยการสำนักการโยธา (สนย.) กทม. กล่าวกรณีประชาชนร้องเรียนสะพาน 99 มีรอยร้าวว่า สนย. ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสะพาน 99 เขตบางซื่อ เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 67 ด้วยวิธีพินิจด้วยสายตา (Visual Inspection) พบว่า ผิวจราจรมีความเสียหายเป็นหลุมบางจุด มีรอยแตกเป็นแนวตามขวางช่วงรอยต่อสะพาน คอนกรีตราวสะพานแตกชำรุด ราวเอียงไม่ได้แนว อย่างไรก็ตาม บริเวณคอนกรีตโครงสร้างคานสะพานไม่พบรอยร้าว หรือแตกชำรุด และไม่พบสนิมในเหล็กเสริมจนดันคอนกรีตให้แตกร้าว สภาพโดยรวมของสะพานยังอยู่ในเกณฑ์ที่รถยนต์สามารถใช้สัญจรได้อย่างปลอดภัย โดย สนย. ได้ตรวจวัดหาค่าความถี่ธรรมชาติของโครงสร้างโดยเครื่องวัดความเร่ง (Accelerometer) เพื่อหาสภาพการสั่นไหวของสะพานขณะใช้งาน (Service Stage) พบว่า ความถี่ธรรมชาติของสะพานมีค่าประมาณ 10 เฮิร์ต ซึ่งค่าความถี่ธรรมชาติของสะพานข้ามคลองยาว 8 – 9 เมตร จะอยู่ในช่วง 10-15 เฮิร์ต จึงสรุปได้ว่า สะพานยังอยู่ในเกณฑ์ที่ใช้งานได้และมีความปลอดภัย ทั้งนี้ สนย. จะดำเนินการจัดซ่อมผิวจราจรและดูแลบำรุงรักษาตามกำหนดเวลาต่อไป เพื่อป้องกันอุบัติเหตุและเพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ใช้รถใช้ถนนในการสัญจร