เอี่ยวทุจริตซื้อเครื่องออกกำลัง7โครงการศูนย์ฟิตเนส
กทม.2ดินแดง – เมื่อวันที่ 31 ก.ค. ที่อาคารไอราวัตพัฒนา นางวันทนีย์ วัฒนะ ปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายสำหรับศูนย์กีฬาและศูนย์นันทนาการของกรุงเทพ มหานคร จำนวน 7 โครงการ ได้สรุปผลออกมาว่าพบส่อไปในทางทุจริต โดยมีเจ้าหน้าที่ กทม.ที่เกี่ยวข้องจำนวน 25 รายนั้น ขณะนี้ได้เสนอรายชื่อคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามกฎ ก.ก.ว่าด้วยการดำเนินการทางวินัย พ.ศ.2565 ให้กับนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. เป็นผู้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการในเร็วๆ นี้ ซึ่งคณะกรรมการจะสอบสวนวินัยเจ้าหน้าที่ กทม.ทั้ง 25 ราย ในทุกระดับ
ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวถึงการชำระหนี้การเดินรถให้กับบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซี ว่า กทม.ต้องทำตามคำสั่งศาล โดยวันที่ 1 ส.ค.นี้ จะมีการประชุมใหญ่ในเรื่องการใช้หนี้บีทีเอสซี เพราะในคำสั่งศาลมีรายละเอียดมากถึง 100 หน้า
“ค่อนข้างหนักใจ เพราะเรื่องนี้มีผลกระทบกับประชาชนมาก เป็นการใช้เงินจำนวนมหาศาล ทำให้ส่งผลกระทบต่อโครงการ อื่นๆ อีกมากมาย ทั้งโรงเรียน การศึกษา รวมถึงผลกระทบในระยะยาว เนื่องจากค่าจ้างของส่วนต่อขยายที่ 1 และที่ 2 ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเฉลี่ยอยู่ที่ปีละ 8 พันล้านบาท ขณะที่รายได้อยู่ที่ประมาณ 2 พันล้านบาทต่อปี จึงต้องหาเงินส่วนต่างถึง 6 พันล้านมาจ่ายสัญญาที่ทำไว้ในอนาคต จึงถือเป็นเรื่องที่หนักสำหรับกทม. เนื่องจาก กทม.ได้รับงบประมาณเพียงปีละ 9 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ ในส่วนของวิธีแก้ไขส่วนต่างที่เกิดขึ้น โดยการปรับขึ้นค่าโดยสารก็ไม่สามารถที่จะผลักภาระไปให้ประชาชนได้ จึงต้องพิจารณาให้ละเอียดครั้ง” นายชัชชาติกล่าว
ส่วนการชำระหนี้เกือบ 4 หมื่นล้านบาท ตามที่เอกชนแถลงหรือไม่ นายชัชชาติกล่าวว่า ในการจ่ายหนี้นั้นต้องว่าไปตาม คำสั่งศาลคดีแรกก่อน ส่วนคดีที่ค้างอยู่ในศาลจะต้องหารือกันอีกครั้งว่าจะมีการจ่ายหนี้อย่างไร และดูฐานะทางการเงินของ กทม.ประกอบด้วย ยืนยัน กทม. พยายามจะทำให้ดีที่สุด และที่ผ่านมา กทม. ได้จ่ายหนี้ค่าอีแอนด์เอ็ม จำนวน 2.3 หมื่นล้านบาทไปแล้ว ดังนั้น เมื่อมีคำสั่งศาลมาจึงต้องดำเนินการหนี้ ก้อนแรกก่อน ส่วนหนี้ก้อนอื่นๆ ต้องพิจารณาและจะทยอยจ่ายให้เอกชนต่อไป
ที่มา: นสพ.ข่าวสด ฉบับวันที่ 1 ส.ค. 2567