นายกฯถกผู้ว่าชัชชาติ ป้องกัน’ท่วมกทม.’

ขอให้ดูแลพิเศษพื้นที่เปราะบาง

‘นายกฯ เศรษฐา’รุดตรวจสำนักการระบายน้ำ ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่กทม. พร้อมประสานส่วนกลาง ร่วมมือแก้ปัญหาน้ำท่วมเต็มที่ เน้นย้ำเตรียมพร้อมดูแลพื้นที่เปราะบาง สั่งดูงบประมาณสร้างเขื่อนที่ปทุมธานีรับมือน้ำเหนือ ยันไม่ได้มาจับผิด ด้านผู้ว่าฯ ชัชชาติรายงาน 2 แนวทางป้องกันน้ำท่วมกรุง เร่งระบายทั้งในแม่น้ำเจ้าพระยาและคูคลองสาขาย่อย แม่ฮ่องสอนอ่วม น้ำจากแม่น้ำแม่สะงาไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรตำบลหมอกจำแป่-ปางหมูกว่าพันไร่ รวมถึงใต้สะพานซูตองเป้แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังก็จมด้วย ขณะที่ถนนหลายสายมีดินสไลด์ลงปิดทับเส้นทาง ไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 1 ส.ค.ที่ศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วม สำนักการระบายน้ำ เขตดินแดง กรุงเทพฯ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อม การป้องกันและรับมือน้ำท่วม โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่งว่า ความจริงแล้ววันนี้มาให้กำลังใจ เพราะเข้าสู่ฤดูฝนแล้ว และหน้าฝนปีนี้มาเร็ว ทุกคนก็ทำงานได้เป็นอย่างดี ไม่เป็นปัญหามากกับพี่น้องประชาชน แต่เนื่องจากว่าปีนี้ปรากฏการณ์ลานีญา ทำให้ปีนี้มีฝนมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนและภาคอีสานมีปริมาณน้ำที่จะไหลลงสู่กรุงเทพมหานครในเดือน ส.ค.จนถึงเดือนพ.ย. ช่วงลอยกระทง รัฐบาลและกรุงเทพมหานครจึงต้องเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์น้ำที่กำลังจะเกิดขึ้น เพื่อป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนและพื้นที่ทางด้านเศรษฐกิจที่สำคัญ

นายเศรษฐากล่าวว่า ขอให้หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกรุงเทพมหานคร เตรียมการเฝ้าระวัง และการประกาศเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยง พร้อมช่วยเหลือ พี่น้องประชาชนในเหตุการณ์เฉพาะหน้าเรื่องปัญหาน้ำท่วมและการระบายน้ำ เตรียมพื้นที่แก้มลิง รองรับน้ำรอการระบาย และเตรียมพร้อมรับมือน้ำเหนือหลาก และน้ำทะเลหนุนด้วย รวมถึงการควบคุมปริมาณน้ำในคลองต่างๆ ต้องให้เกิดความเหมาะสม หากฝนตกน้ำทะเลหนุนก็ถือเป็นเรื่องใหญ่

“การขุดลอกระบายน้ำปัจจุบันได้กำชับกรมราชทัณฑ์ ซึ่งยินดีที่จะช่วยอยู่แล้ว ขณะเดียวกันฝ่ายความมั่นคงก็ช่วยในเรื่องของการขุดลอกคลอง การกำจัดขยะวัชพืชตามท่อระบายจุดต่างๆ ทั้งนี้ ขอให้ทางกรุงเทพมหานครร่วมงานกับฝ่ายปกครอง กรมชลประทาน และกรมทรัพยากรน้ำ ในการจัดการทุกมิติอย่างเต็มที่ และขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ เพราะงานนี้ไม่ใช่งานง่าย ประกอบกับปีนี้น้ำเยอะ จึงขอฝากด้วย แล้วกัน” นายกฯ ระบุ

ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ปริมาณน้ำที่จะไหลลงสู่ กทม.มีทั้งหมด 4 สาย ประกอบด้วย น้ำเหนือ น้ำฝน น้ำทะเลหนุน และน้ำตามทุ่ง หากมาพร้อมกันก็จะเป็นปัญหา เหมือนที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2554 ส่วนการป้องกันจะมี 2 แนวทางคือ เส้นเลือดใหญ่และเส้นเลือดฝอย ที่จะช่วยเรื่องของการระบายน้ำ โดยเส้นเลือดใหญ่คือแม่น้ำเจ้าพระยา ส่วนเส้นเลือดฝอยจะเป็นการระบายน้ำตามคูคลองสายย่อยต่างๆ ที่จะต้องขุดลอกคูคลองรอรับการระบาย

นายเศรษฐาได้สอบถามว่า พื้นที่สุ่มเสี่ยงที่น้ำท่วมมีเยอะในเขตพื้นที่ กทม. แต่มีบางพื้นที่ที่เป็นชุมชนแออัดและเปราะบาง ประชาชนเดือดร้อนแน่ๆ ถึงแม้ฝนไม่ได้ตกมาเยอะ แต่เรารู้แน่ว่าพื้นที่ตรงนี้มีปัญหา เช่น ชุมชนบ่อนไก่ที่เกิดปัญหาเป็นประจำ และเคยลงพื้นที่มาแล้ว ตรงนี้จะยืนยัน ได้หรือไม่ว่าจะจัดการแบบโปรแอ๊กทีฟ

ผู้ว่าฯ กทม.ชี้แจงว่า นายกฯ สั่งการแล้วให้ดูแลพื้นที่ชุมชนเปราะบางเป็นอันดับแรกของการแก้ไขปัญหาพื้นที่น้ำท่วม ในกรุงเทพฯ และตนได้สั่งการในทุกเขต รวมถึงได้ลงพื้นที่ชุมชนเปราะบางแล้ว และได้นำเครื่องสูบน้ำไปไว้ในพื้นที่ชุมชนเปราะบางดังกล่าวด้วย

ด้านนายกฯ กล่าวทิ้งท้ายว่า หากมีโอกาสตนจะร่วมลงพื้นที่ไปตรวจสอบด้วย และที่ถามเรื่องพื้นที่ชุมชนเปราะบาง ไม่ใช่เป็นการจับผิด แต่เพื่อเป็นการไปช่วยกันทำงาน

จากนั้นนายเศรษฐาเยี่ยมชมนิทรรศการโครงการตามแนวพระราชดำริด้านการป้องกันและแก้ไขน้ำท่วมในเขตกรุงเทพมหานคร และเยี่ยมชมการทำงานของศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพมหานคร โดยนายกฯ ได้สอบถามการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่มีการปฏิบัติหน้าที่ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งสามารถสื่อสารได้ทั้งทางวิทยุและโทรศัพท์ พร้อมทั้งสอบถามแนวเขื่อนกันน้ำในพื้นที่ปทุมธานีที่ยังไม่มี โดยได้เรียกทีมงานมาเก็บข้อมูลเพื่อหาทางแก้ปัญหา

นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ว่าวันนี้มาให้กำลังใจและพูดคุยกับเจ้าหน้าที่กทม. ถึงการดำเนินการรองรับพื้นที่เปราะบางและมาตรการดูแลประชาชนในสถานการณ์ น้ำท่วม ในเรื่องเขื่อนที่ปทุมธานีที่ยังไม่มีการสร้าง ได้สั่งให้ทีมงานไปดูว่าเอางบประมาณตรงไหนมาทำได้บ้างอย่างรวดเร็ว

เวลา 06.00 น. วันเดียวกัน นายสังคม คัดเชียงแสน นายอำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ได้รับรายงานจากนายประหยัด ธรรม ยอดเยี่ยม ผู้ใหญ่บ้านกุงไม้สัก ต.ปางหมู อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ว่าได้เกิดน้ำในแม่น้ำแม่สะงา ได้หลากเข้าท่วมที่นา และพื้นที่การเกษตร ในพื้นที่ตั้งแต่ ตำบลหมอกจำแป่ และตำบลปางหมู ทำให้มีนาข้าวของราษฎรได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมจำนวนไม่ต่ำกว่า 1,000 ไร่ และที่สวนอีกจำนวน 60 ไร่ โดยเฉพาะที่บริเวณแหล่งท่องเที่ยว สะพานซูตองเป้ น้ำได้ท่วมนาข้าวใต้สะพานเป็นบริเวณกว้าง ทั้งนี้ผู้ประกอบการจำหน่ายสินค้าและอาหารบริเวณแหล่งท่องเที่ยวสะพาน ซูตองเป้ เร่งขนย้ายสิ่งของในร้านออกจากพื้นที่ เนื่องจากสถานการณ์น้ำยังคงเพิ่มระดับสูงขึ้นอย่างน่าวิตก

ทางด้าน ร.ท.สุรชาติ ปัญญาเทพ หน.ชป.กร.307 กองกำลังนเรศวร ร่วมกับหน่วย ฉก.สิงหนาท โดยร้อย.ร.1743 พร้อมด้วยร่วมกับผู้ใหญ่บ้านกุงไม้สัก และคณะกรรมการหมู่บ้าน ร่วมตรวจสอบความเสียหายภายในหมู่บ้าน เนื่องจากวันที่ 31 ก.ค. เกิดฝนตกหนักน้ำป่าไหลหลาก ในบ้านกุงไม้สัก หมู่ 2 ต.ปางหมู อ.เมือง ได้เกิดฝนตกหนักติดต่อกันหลายชั่วโมง ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่บ้านกุง ไม้สัก ทำให้น้ำแม่สะงาล้นตลิ่งท่วมที่นาและที่ทำกินของชาวบ้าน รายละเอียดความเสียหาย ดังนี้ 1.ที่นาของชาวบ้านทั้งหมดประมาณ 1,000 ไร่, 2.พืชผลทางการเกษตรประมาณ 60 ไร่ และ 3.ส่วนตัวสะพาน ซูตองเป้ยังมีความแข็งแรง เพราะได้รับการซ่อมแซมเมื่อปีที่แล้ว ยังมีความแข็งแรง ที่ทนต่อกระแสน้ำที่ไหลแรง ทั้งนี้ในส่วนทางชุด ชป.กร.307 กกล.นเรศวร และผู้นำช

มชนและราษฎรในหมู่บ้าน จะได้เฝ้าติดตามสถานการณ์ และได้ติดต่อประสานงาน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อช่วยเหลือต่อไป

นอกจากเกิดน้ำท่วมพื้นที่สะพาน ซูตองเป้ แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของแม่ฮ่องสอน แล้วยังพบว่า ที่ดอยกิ่วหก ถนนเส้นทางระหว่างบ้านนาปลาจาด-บ้านห้วยทรายขาว ต.ห้วยผา ได้เกิดดินภูเขาสไลด์ลงปิดทับเส้นทาง ทำให้ไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ โดยถนนเส้นดังกล่าวเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าไปยังชายแดน เพื่อส่งออกไปยังประเทศ เมียนมา ซึ่งเมื่อวันที่ 31 ก.ค. เกิดดินสไลด์ลงปิดทับ เส้นทางมาแล้ว 1 แห่ง และวันเดียวกันนี้เพิ่มอีก 1 แห่ง รวมเป็น 2 แห่ง ทำให้ ผู้ประกอบการค้าชายแดนและประชาชนในพื้นที่ ไม่สามารถเดินทางผ่านเส้นทางดังกล่าวได้ ส่งผลกระทบต่อประชาชนและการค้าชายแดนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ถนนสายบ้านหัวน้ำแม่สะกึด-บ้านห้วยปูลิง บริเวณดอยสันฟ้า ได้เกิดดินและหินสไลด์ลงปิดทับเส้นทาง ทำให้ราษฎรไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้เช่นกัน

เมื่อเวลา 00.00 น. วันเดียวกัน ที่ ต.แม่ระมาด อ.แม่ระมาด จ.ตาก นายพิษณุ ระหว่างปี ประธานมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ จุดแม่ระมาด พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่อาสาสมัครหน่วยกู้ชีพ-กู้ภัย มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ จุดแม่ระมาดและแม่สอด เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่อำเภอแม่ระมาด เข้าไปช่วยเหลือบ้านเรือนประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมขังระบายไม่ทัน เนื่องจากฝนตกติดต่อกันเป็นเวลานาน และได้ขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์อุทกภัย พร้อมเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ซึ่งระดับน้ำในพื้นที่ได้เพิ่มขึ้น เนื่องจาก ฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน

 



ที่มา:  นสพ.ข่าวสด ฉบับวันที่ 2 ส.ค. 2567

แชร์ข่าว:
กรุงเทพฯ มีอะไร อัพเดทข่าวสารฉับไว กิจกรรมที่น่าสนใจ และมีส่วนร่วมได้ รวมไว้ให้ที่นี่

©2022 สงวนลิขสิทธิ์ กรุงเทพมหานคร

สำนักงานประชาสัมพันธ์ สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร 173 ถนนดินสอ แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กทม. 10200