เตรียมแนวทางถกใช้หนี้โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว
กทม.2 ดินแดง – เมื่อวันที่ 24 ก.ค. ที่อาคารไอราวัตพัฒนา นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวถึงกรณีศาลปกครองสูงสุดนัดอ่านคำพิพากษาในคดีที่บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (บีทีเอส) ยื่นฟ้องกรุงเทพมหานคร และบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) กรณีผิดสัญญาการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว เพื่อขอให้ชำระค่าตอบแทนตามสัญญาดังกล่าวในวันที่ 26 ก.ค. นี้ว่า ต้องรอฟังคำสั่งศาลในวันที่ 26 ก.ค.นี้ อีกครั้งว่าจะเป็นอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากคำตัดสินของศาลเป็นไปตามศาลชั้นต้นกรณีเรื่องของการชำระหนี้นั้นกทม.จะดำเนินการอย่างไรต่อ นายชัชชาติกล่าวว่า คงต้องรอดูคำสั่งศาลอีกครั้งว่าให้ใครจ่าย เพราะเข้าใจว่าทางเอกชนฟ้องกทม. ซึ่งต้องรอฟังคำสั่งของศาลอีกครั้ง ไม่กล้าไปก้าวล่วง และคงทำอะไรก่อนไม่ได้ เพราะอย่างที่บอกว่าตอนนี้เรื่องยังคงค้างอยู่ในศาล จะไปตัดสินจ่ายก่อนก็ไม่ได้เพราะสุดท้ายต้องรอคำสั่งจากศาล ถือเป็นเรื่องดีจะได้ชัดเจนและเดินหน้าต่อ เพราะเป็นเรื่องที่ค้างคามานาน
เมื่อถามว่า หากกทม.ต้องจ่าย มีเงินพร้อมหรือไม่ นาย ชัชชาติกล่าวว่า ต้องคุยเรื่องเงินกันอีกครั้ง ที่ผ่านมาพยายามใช้งบประมาณต่างๆ อย่างจำกัด เพื่อให้มีเงินเหลือไว้ใช้กรณีฉุกเฉินซึ่งการตั้งงบประมาณในปี 68 ยังตั้งงบประมาณเท่าเดิมคือ 9 หมื่นล้าน เนื่องจากกทม.ยังมีคดีอื่นที่ค้างอยู่ในอดีต เช่น คดีรถดับเพลิงที่ยังจอดอยู่ที่แหลมฉบังอีกประมาณ 3 พันล้าน อย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่ากทม.ต้องเตรียมงบประมาณเผื่อไว้ให้ในกรณีฉุกเฉิน
ด้านนายธรัฐพร เตชะกิจขจร กรรมการผู้อำนวยการบริษัท เคที กล่าวว่า วันที่ 26 ก.ค. ตนจะเดินทางไปศาลปกครองสูงสุด เพื่อฟังคำพิพากษา คดีที่บีทีเอสซี ฟ้องกทม.และเคที ผิดสัญญาการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าสายสีเขียว
ส่วนต่อขยายที่ 1 ตามสัญญา เดือนพ.ค.2555 และส่วนต่อขยายที่ 2 ตามสัญญา เดือนส.ค.2559 ซึ่งเป็นการฟ้องคดีครั้งที่ 1 และศาลปกครองชั้นต้น ได้ตัดสินให้ชำระเงินค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 และ 2 พร้อมดอกเบี้ยให้กับบีทีเอสซี โดยกทม.และเคที ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด
ที่มา: นสพ.ข่าวสด ฉบับวันที่ 25 ก.ค. 2567