ประชาชนทั่วไปที่สนใจเรื่องข้อมูลทางการแพทย์ตลอดจน นศ.ที่สนใจเรียนรู้เรื่องการแพทย์ จนสามารถได้ประกาศนียบัตรรับรองความรู้แต่ละด้าน รวมทั้งการได้รับข้อมูลด้านการรักษาโรค ความรอบรู้ทางสุขภาพที่ถูกต้องจากแพทย์ตัวจริง คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้พัฒนา Online Learning Platform ภายใต้ชื่อ “MedUMORE” เพื่อด้านคลังความรู้ออนไลน์ ด้านสุขภาพการแพทย์และสาธารณสุขที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยโดยร่วมกับ 10 องค์กรการแพทย์ชั้นนำของประเทศไทยและลาว ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ผ่านแพลตฟอร์ม MedUMORE โดยมีภาคีเครือข่าย ดังนี้ แพทยสภา สถาบันการพยาบาลศรีสวรินทิรา สภากาชาดไทย สมาคมโรคตับแห่งประเทศไทย สมาคมรูมาติสซั่มแห่งประเทศไทย สมาคมความดันโลหิตสูงแห่งประเทศไทย ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย สมาคมปลูกถ่ายอวัยวะแห่งประเทศไทย สภาเทคนิคการแพทย์ Faculty of Medicine, University of Health Sciences, Lao People’s Democratic Republic. สมาคมนักสังคมสงเคราะห์ทางการแพทย์ไทย
“MedUMORE” เปลี่ยนแปลงรูปแบบการเรียนแพทย์
รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมที่จะผลักดันให้แพลตฟอร์ม MedUMORE เป็นโมเดลการเรียนการสอน ที่จะเปลี่ยนแปลงรูปแบบการศึกษาแพทย์ แบบดั้งเดิมไปสู่รูปแบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพและตอบโจทย์การพัฒนาบัณฑิตแพทย์ยุคใหม่ได้มากยิ่งขึ้น ดังนั้นการผสานความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา และองค์กรทางการแพทย์ ชั้นนำในระดับประเทศและต่างประเทศ มีส่วนช่วยให้แพลตฟอร์มการเรียนรู้อย่าง MedUMORE แข็งแกร่งและเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติและโลกอย่างมาก
แพลตฟอร์มมีผู้เข้าชมมากกว่า 2 ล้านครั้ง
ศ.พญ.นิจศรี ชาญณรงค์ รองคณบดี ฝ่ายบริการวิชาการคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยว่า นับจากเริ่มเปิดตัวเมื่อเดือน มิถุนายน ปี พ.ศ. 2565 จวบจนถึงปัจจุบัน “MedUMORE” มีผู้เข้าชมมากกว่า 2 ล้านครั้ง เห็นได้ว่าแพลตฟอร์ม MedUMORE นี้ สามารถตอบโจทย์เรื่องความรู้ทางการแพทย์ให้แก่ผู้ที่สนใจ ไม่ว่าจะเป็นนิสิตแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงประชาชนทั่วไป สามารถเข้ามาเรียนรู้ได้แบบไร้ขีดจำกัด สะดวกดูได้ทุกพื้นที่ องค์ความรู้ที่ให้บริการมีหลากหลายรูปแบบ อาทิ E-Book คลิปวิดีโอ และเทคโนโลยี เสมือนจริง AR/VR ซึ่งเร็ว ๆ นี้ จะมีการนำเทคโนโลยี AI GPT Integration และ Multi Visual Learning เข้ามาเป็นตัวช่วยการเรียนรู้ให้กับผู้เรียนด้วย
“สามารถพัฒนาให้ “MedUMORE” เป็นศูนย์กลางความรู้ออนไลน์ ด้านการแพทย์ที่ครอบคลุมที่สุด พร้อมทั้งจัดระบบองค์ความรู้ด้านการแพทย์ที่มีอยู่ในหลาย Platform ให้อยู่ในที่เดียวกัน เพื่อเชื่อมต่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงได้สะดวก รวดเร็วและปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีการจัดประชุมวิชาการในรูปแบบใหม่ โดยที่จะบูรณาการองค์ความรู้ทางการแพทย์สู่ความเป็นเลิศลดความเหลื่อมล้ำ ในการเข้าถึงระบบการศึกษา และสร้างความเท่าเทียมด้านสาธารณสุข รวมทั้งเป็นผู้นำและศูนย์กลางการเรียนรู้ ระดับนานาชาติ”
รวมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแชร์ข้อมูลถูกต้อง
ผศ.(พิเศษ) นพ.สุรินทร์ อัศววิทูรทิพย์ ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายบริการวิชาการ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เสริมว่า “MedUMORE” ได้รวบรวมคอนเทนต์ด้านการแพทย์ไว้มากกว่า 2,000 คอนเทนต์ และคอร์สเรียนออนไลน์เนื้อหา ด้านการแพทย์มากกว่า 900 คอร์สเรียน และยังมีนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ล้ำสมัยให้ความรู้เรื่องโรคภัยต่าง ๆ ซึ่งเป็นเรื่องเด่นประเด็นร้อนในสังคมผ่านคลิปวิดีโอสั้น ในช่วง “หมอขอเล่า” โดยมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านต่าง ๆ ถ่ายทอดความรู้ อย่างถูกต้อง โดย มุ่งเป้าหมายให้เกิดพฤติกรรมการแชร์ข้อมูลสุขภาพบนมาตรฐานความรู้ทางวิชาการที่ถูกต้องในสื่อโซเชียล “MedUMORE” จะมีระบบจดจำ ประวัติการเข้าเรียน สามารถแนะนำเนื้อหาให้เหมาะสมกับผู้เรียนตามความสนใจในแต่ละบุคคล เหมาะสำหรับนักเรียน นิสิตและนักศึกษาแพทย์ รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ และคอร์สชมฟรี สำหรับประชาชน และได้รับ Certificate เมื่อเรียนจบอีกด้วย
เทคโนโลยียกระดับความรู้แพทย์
พล.อ.ท.นพ.อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภากล่าวถึงบทบาทของแพทยสภา ในการกำกับมาตรฐานการศึกษาแพทย์ให้ได้คุณภาพ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดี ว่าแพทยสภา มีส่วนช่วยในการสร้างมาตรฐานการผลิตบัณฑิตแพทย์ ซึ่งมีแพทย์ที่จบ การศึกษาประมาณปีละ 3,000 คน จาก 25 มหาวิทยาลัย ดูแลประชาชนทั่วประเทศ ขณะเดียวกันแพทย์เองจะต้องเรียนรู้ทักษะด้านการรักษาเพิ่มเติมจาก 14 ราชวิทยาลัย 95 สาขาความเชี่ยวชาญ ซึ่งการฝึกฝนและการเรียนรู้ทางการแพทย์นั้นจะหยุดนิ่งไม่ได้ และเสริมว่า “วันนี้ MedUMORE ตอบโจทย์หลายอย่างมาก ๆ ให้คุณหมอหลายท่านที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ ที่ไม่มีเวลาเดินทางมาเข้าประชุมวิชาการ สามารถอัปเดตความรู้ ที่ทันสมัยอยู่เสมอ ปัจจุบันแพทยสภาได้นำองค์ความรู้หลายชุดใส่เข้าไป และให้แพทย์ เข้ามาทดลองเรียนรู้ ซึ่งเกิดประโยชน์อย่างมาก โดยเฉพาะพื้นที่ห่างไกลให้ได้รับการรักษาที่มีประสิทธิภาพ เท่าเทียมกับการรักษาในเมืองหลวง”
ด้าน รศ.ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเสริมว่า การพัฒนาการทำงานในรูปแบบแพลตฟอร์ม (Platform) สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็นลงได้ พร้อมทั้งยกตัวอย่างการที่กรุงเทพมหานคร ได้นำแพลตฟอร์มมาใช้ในการจัดการเรื่องร้องเรียน “คนมักจะร้องเรียน นอกเวลาราชการ ซึ่งมีมากถึง 60% ดังนั้นเป็นการดีที่คณะแพทย์ได้พัฒนาแพลตฟอร์มนี้ขึ้นมา เพราะเป็นการรองรับการเรียนตามอัธยาศัย” ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาระบบสาธารณสุข และการให้บริการทางการแพทย์ที่ทันสมัยต่อประชาชนในเมืองหลวง และการมีส่วนช่วยสนับสนุนนวัตกรรมใหม่ ๆ ได้อีกด้วย.
บรรยายใต้ภาพ
รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ รศ.ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร ผู้รักษาการแทนอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและ พล.อ.ท.นพ.อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา
ที่มา: นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 17 ก.ค. 2567 (กรอบบ่าย)