นายกฯ รอรับรายงานเยียวยาเหตุเพลิงไหม้ ตรอกโพธิ์ เยาวราช ย้ำมาตรการดูแลความปลอดภัยพื้นที่ท่องเที่ยวตลอด”ผู้ว่าฯชัชชาติ” ลงตรวจพื้นที่ไฟไหม้เยาวราช ยัน “ถังดับเพลิง-ประปาหัวแดง” มีเพียงพอ แต่ช่วงไฟไหม้มีอุปสรรค เร่งถอด บทเรียนล้อมคอก 256 ชุมชนซอยแคบ รวมถึง “พาหุรัด-สำเพ็ง-ราชวงศ์” ขณะ ตร.พิสูจน์หลักฐานยังไม่สรุปสาเหตุไฟไหม้ตรอกโพธิ์ ไม่ตัดประเด็น ทั้งเรื่อง วางเพลิง-ไฟฟ้าลัดวงจร รอผลตรวจนิติวิทยาศาสตร์
เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงเหตุเพลิงไหม้ตรอกโพธิ์ ย่านเยาวราช เขตสัมพันธวงศ์ กทม. เมื่อวันที่ 6 ก.ค. เป็นเหตุให้มี ผู้ได้รับบาดเจ็บ และมีทรัพย์สินเสียหายเป็นจำนวนมาก รัฐบาลจะมีมาตรการเยียวยาผู้เสียหายอย่างไรว่า “เดี๋ยว ขอรับทราบรายงานก่อนซึ่งตอนนี้ยัง ไม่ทราบรายงาน”เมื่อถามว่ามีความเป็นห่วงเนื่องจากเยาวราชเป็นพื้นที่ท่องเที่ยว แต่กลับไม่มีเรื่องการรักษาความปลอดภัยเลย จะต้องกำชับอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ไม่จริงมั้ง เรื่องความไม่ปลอดภัย และไม่ใช่เรื่องเราไม่ทำ เราให้การดูแลโดยตลอด”
วันเดียวกัน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.)ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุเพลิงไหม้ชุมชนตรอกโพธิ์ เยาวราช ได้กล่าวถึง ที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าประปาหัวแดง มีเพียงพอที่จะใช้ระงับเหตุเพลิงไหม้ ในชุมชนหรือไม่ โดยผู้ว่าฯ กทม. ยืนยันว่า ประปาหัวแดงมีเพียงพอ โดยประปาหัวแดงจุดแรก อยู่หน้าบ้านต้นเพลิง ทำให้เมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ เจ้าหน้าที่ไม่สามารถมาต่อสายฉีดน้ำที่ประปาหัวดังกล่าวได้ เพราะเป็นอันตราย ส่วนอีกหัวอยู่ฝั่งซอยเยาวราช 7 ห่างจากต้นเพลิง ประมาณ 50 เมตร แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถลากสายยางมาถึงจุดต้นเพลิงได้ เพราะมีหลังคาพังถล่มลงมาระหว่างทาง
นายชัชชาติกล่าวอีกว่า สำหรับถังดับเพลิงมีอยู่ประมาณ 20 ถัง ในชุมชนนี้ มี 65 ครัวเรือน ถือว่า ถังดับเพลิงมีจำนวนมากพอ จากปกติอัตราส่วนจะมีถังดับเพลิง 1 ถังต่อ 5 ครัวเรือน แต่คาดว่านาทีที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ประชาชนส่วนใหญ่เน้นวิ่งหนีเอาตัวรอดก่อน เพลิงลุกลามอย่างรวดเร็วในระยะเวลา สั้นๆ ยังนับว่าเป็นเคราะห์ดีอยู่ เพราะ ชุมชนนี้เพิ่งผ่านการฝึกอพยพหนีไฟ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ปีนี้ กทม.ได้จัดซ้อมอพยพหนี้ภัยไปแล้ว 375 ชุมชน
“อุปสรรคที่เกิดขึ้น คือชุมชนเป็นบ้านไม้ ทางเข้าเป็นซอยแคบ และมีอาคารล้อมรอบ ทำให้เพลิงลุกลามรวดเร็ว และรถดับเพลิงเข้าถึงได้ยาก ดังนั้นกรุงเทพมหานครก็ต้องไปถอด บทเรียน เพื่อหาแนวทางไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก เพราะในพื้นที่กรุงเทพฯมีชุมชนที่เป็นซอยแคบลักษณะนี้อีก 256 ชุมชน และมีชุมชนที่มีตึกล้อมรอบลักษณะนี้อีก 3 แห่ง ในบริเวณใกล้เคียง คือชุมชนพาหุรัด สำเพ็ง และราชวงศ์” ผู้ว่าฯ กทม.กล่าว
ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวอีกว่า ในอนาคต อาจมีการจัดสรรอุปกรณ์ดับเพลิงที่สามารถแบกได้และเครื่องปั๊มน้ำที่จะสามารถสูบน้ำจากแหล่งน้ำในชุมชนมาฉีดได้ โดยไม่ต้องพึ่งประปาหัวแดง รวมถึงต้องจัดระเบียบรถอาสาสมัครกู้ภัยและรถดับเพลิงให้เป็นระบบมากกว่านี้
ในส่วนของสาเหตุเพลิงไหม้ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานยังอยู่ระหว่างตรวจสอบ เมื่อตรวจสอบเสร็จแล้วจึงจะให้ประชาชนเข้าไปตรวจดูทรัพย์สินที่บ้านโดยเร็วที่สุด แต่ก็ต้องพิจารณาความปลอดภัยเป็นหลัก
สำหรับมาตรการเยียวยา หากเป็นเจ้าของอาคาร จะได้เงินเยียวยากว่า 40,000 บาท แต่ประชาชนที่ได้รับ ผลกระทบส่วนใหญ่เป็นผู้เช่า ไม่ใช่เจ้าของ ก็จะได้เพียงชดเชยค่าเช่าประมาณ 30,000 บาท ส่วนชาวต่างชาติที่ไม่ใช่คนไทย ก็ต้อง ขอไปดูข้อกฎหมายว่าจะชดเชยเยียวยาอย่างไรได้บ้าง แต่เบื้องต้นก็มีอาหารและที่พักชั่วคราวให้ก่อน
ด้าน พ.ต.อ.วิทวัส เข่งคุ้ม ผกก.สน.พลับพลาไชย 2 เปิดเผยความ คืบหน้าเหตุไฟไหม้ชุมชนตรอกโพธิ์ว่า ขณะนี้ได้เรียกสอบปากคำพยานทั้ง ผู้ประสบภัยและผู้อาศัยรวมกว่า 100 ปาก พร้อมทั้งรับแจ้งความจากผู้ประสบภัย เพื่อประเมินความเสียหายให้ได้รับ การเยียวยา ส่วนการสืบสวนหาสาเหตุ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้าเก็บพยานหลักฐาน และ ตรวจสอบจุดที่คาดเป็นต้นเพลิงอย่างละเอียดซ้ำอีกครั้ง โดยจุดที่คาดว่า เป็นต้นเพลิงมีลักษณะเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น แบ่งให้เช่าเป็นห้องและมีผู้พักอาศัย แต่ขณะนี้ไม่สามารถสรุป ได้ว่าต้นเพลิงเกิดจากจุดใด
สำหรับแนวทางการสืบสวน ยังไม่ได้ประเด็นใดทิ้งทั้งเรื่องวางเพลิง ไฟฟ้าลัดวงจรหรือประเด็นที่คาดว่า ไฟไหม้เกิดจากร้านค้าต่างๆ ซึ่งจะต้องรอผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ จากเจ้าหน้าที่ พิสูจน์หลักฐาน เพื่อทำให้ข้อเท็จจริงปรากฏก่อนรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดี ส่วนอาคารสูง ที่ล้อมรอบชุมชนตรอกโพธิ์ พบว่ามีบางส่วนได้รับความเสียหาย แต่ตรวจสอบโครงสร้างอาคาร เบื้องต้นพบว่า ยังอยู่อาศัยได้ นอกจากนี้มี เจ้าหน้าที่ฝ่ายโยธา สำนักงานเขตสัมพันธวงศ์ กทม. เร่งตรวจสอบพื้นที่ รวมทั้งความปลอดภัยให้กับคนในละแวกใกล้เคียง เพื่อคืนพื้นที่ให้กับผู้ประสบภัยเข้าตรวจสอบทรัพย์สินและบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย
ที่มา: นสพ.แนวหน้า ฉบับวันที่ 9 ก.ค. 2567
