ถอดบทเรียนไหม้เยาวราช

กรณีเหตุเพลิงไหม้ชุมชนตรอกโพธิ์ย่านเยาวราชแหล่งธุรกิจชาวไทยเชื้อสายจีน แขวงและเขตสัมพันธวงศ์ กทม. เพลิงเผาบ้านเรือนประชาชนปลูกติดกันเสียหายประมาณ 60 หลังคาเรือน ลุกลามไหม้ร้านอาหารและโรงแรมใกล้เคียงเสียหาย มีผู้บาดเจ็บรวม 5 คน ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบหาสาเหตุเพลิงไหม้ ความคืบหน้าเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 8 ก.ค. เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานกลางลงพื้นที่ชุมชนตรอกโพธิ์ตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้งหลังจากเกิดเหตุเพลิงไหม้วันที่ 6 ก.ค. รุ่งขึ้นวันที่ 7 ก.ค. เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเพียงเบื้องต้นจากมุมสูงและตีกรอบจุดที่คาดเป็นต้นเพลิง เนื่องจากไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้เพราะเจ้าหน้าที่ฉีดน้ำเลี้ยงไม่ให้ไฟปะทุขึ้นอีก จากการตรวจสอบบริเวณจุดต้นเพลิงห่างซอยทางเดินประมาณ 50 เมตร พบว่า สภาพบ้านถูกเพลิงไหม้ทั้งหมดเหลือเสาบ้านกลายเป็นตอสีดำเจ้าหน้าที่ถ่ายภาพกล่องควบคุมไฟฟ้าเก็บรายละเอียดไปวิเคราะห์หาสาเหตุเพลิงไหม้

นางอัมพร เพลัมพุสุทธิ์ อายุ 41 ปี หนึ่งในผู้ที่อาศัยอยู่ในชุมชนกล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนและสามีได้ยินเสียงคล้ายพลุ หรือประทัดดังขึ้น มองออกไปเห็นบ้านในชุมชนเกิดเพลิงไหม้แล้ว รีบพาคนในครอบครัวหนีออกจากบ้าน พอออกมาหันไปดูอีกทีไฟลามมาถึงบ้านตน ตอนแรกช่วยกันเอาน้ำสาดสกัดเพลิง แต่มีเพื่อนบ้านตะโกนบอกว่าระวังถูกไฟดูด ไม่กล้าสาดประกอบกับควันไฟเริ่มมากขึ้นเพลิงลุกแดงฉานร้อนทำอะไรไม่ได้แล้ว จำใจต้องออกมาทั้งที่ห่วงและเสียดายทรัพย์สินที่อยู่ภายในบ้าน หลังเกิดเหตุอยากเข้าไปดูว่าบ้านเป็นอย่างไร ตนไม่ทราบแน่ชัดว่าต้นเพลิงอยู่หลังไหน จุดที่มองเห็นเกิดเพลิงไหม้จุดแรกอยู่ในโซนห้องเช่าไม่ใช่ร้านคาเฟ่ ร้านขนมหรือร้านที่ทำใหม่ เชื่อว่าไม่ใช่การเผาไล่ที่เพราะระยะเวลาที่เช่าบ้านอยู่ไม่เคยมีปัญหาอะไรหรือถูกขอให้ย้ายออกแต่อย่างใด

ด้าน พ.ต.อ.วิทวัส เข่งคุ้ม ผกก.สน.พลับพลาไชย 2 กล่าวว่า ยังไม่ได้ข้อสรุปสาเหตุเพลิงไหม้ต้องรอผลการตรวจสอบเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานกลางแนวทางการสอบสวนยังไม่ตัดประเด็นอะไรทิ้ง โดยเฉพาะประเด็นที่ประชาชนตั้งข้อสันนิษฐานว่าเป็นการลอบวางเพลิงเพื่อนำที่ดินไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์หรือเผาไล่ที่แต่คาดว่าเป็นเพียงแค่ข่าวลือมากกว่าด้านคดีสอบปากคำผู้ที่เห็นเหตุการณ์และพักอาศัยในชุมชนไปแล้วกว่า 100 ปาก ส่วนใหญ่ให้การว่าได้ยินเสียงตะโกนว่าไฟไหม้รีบวิ่งหนีออกมาจากการสอบปากคำพยานจะนำไปประกอบสำนวนคู่กับผลการตรวจพิสูจน์จากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และผลทางนิติวิทยาศาสตร์เพื่อสรุปสาเหตุเพลิงไหม้ให้ชัดเจน ขณะนี้ประสานงานเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานเร่งตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียดและให้รวดเร็วที่สุดเพื่อส่งมอบคืนพื้นที่ให้ประชาชนที่ได้รับความเสียหายเข้าไปตรวจสอบทรัพย์สิน รวมทั้งกำชับเจ้าหน้าที่เฝ้าคอยตรวจตราป้องกันคนร้ายฉวยโอกาสเข้าไปลักทรัพย์สินหากพบเบาะแสหรือบุคคลต้องสงสัยแจ้งได้ที่ สน.พลับพลาไชย 2

ต่อมานายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุเพลิงไหม้ กล่าวถึงกระแสข่าวกรณีประปาหัวแดงมีไม่เพียงพอใช้ระงับเหตุเพลิงไหม้ว่า ประปาหัวแดงมีเพียงพอ จุดแรกอยู่หน้าบ้านต้นเพลิงเจ้าหน้าที่ไม่สามารถต่อสายฉีดได้ เพราะเป็นอันตราย อีกจุดอยู่ฝั่งซอยเยาวราช 7 ห่างจากต้นเพลิงประมาณ 50 เมตร เจ้าหน้าที่ไม่สามารถลากสายมาได้ เพราะมีหลังคาพังถล่มระหว่างทางส่วนถังดับเพลิงพอประมาณ 20 ถัง ในชุมชนมี 65 ครัวเรือน จากปกติอัตราส่วนถังดับเพลิง 1 ถังต่อ 5 ครัวเรือน คาดว่านาทีที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ประชาชนส่วนใหญ่วิ่งหนีเอาตัวรอดก่อน เพลิงลุกลามอย่างรวดเร็วในระยะเวลาสั้นๆ นับว่าโชคดีอยู่เพราะชุมชนนี้เพิ่งผ่านการฝึกอพยพเหตุเพลิงไหม้เมื่อต้นปีถอดบทเรียนจากเหตุเพลิงไหม้ชุมชนบ่อนไก่ ทำให้ไม่มีผู้เสียชีวิต กทม.ปีนี้ได้จัดซ้อมอพยพหนีภัยไปแล้ว 375 ชุมชน

นายชัชชาติกล่าวว่า จากเหตุการณ์นี้พบอุปสรรค คือ ชุมชนเป็นบ้านไม้ ทางเข้าเป็นซอยแคบมีอาคารล้อมรอบ และรถดับเพลิงเข้าถึงได้ยากทำให้เพลิงลุกลามรวดเร็ว ต้องไปถอดบทเรียนหาแนวทางไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกเพราะในพื้นที่กรุงเทพฯมีชุมชนที่เป็นซอยแคบลักษณะนี้อีก 256 ชุมชน และมีชุมชนที่มีตึกล้อมรอบลักษณะนี้อีก 3 แห่งในบริเวณใกล้เคียง ได้แก่ พาหุรัด สำเพ็ง และราชวงศ์ ดังนั้น อนาคตอาจจัดสรรอุปกรณ์ดับเพลิงที่สามารถแบกได้ เครื่องปั๊มน้ำสามารถสูบน้ำจากแหล่งน้ำในชุมชนมาฉีดได้ ไม่ต้องพึ่งประปาหัวแดง รวมถึงต้องจัดระเบียบรถอาสาสมัครกู้ภัยและรถดับเพลิงให้เป็นระบบมากกว่านี้ กรณีการเยียวยาหากเป็นเจ้าของอาคารจะได้เงินเยียวยา 40,000 บาท ประชาชนที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่เป็นผู้เช่าไม่ใช่เจ้าของได้เพียงชดเชยค่าเช่าประมาณ 30,000 บาทต่อเดือน ส่วนชาวต่างชาติที่ไม่ใช่คนไทย ต้องขอไปดูข้อกฎหมายว่าจะชดเชยเยียวยาอย่างไรได้บ้าง เบื้องต้นมีอาหารและที่พักชั่วคราวให้ก่อน

ด้าน พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษก ตร.กล่าวว่า จากกรณีเหตุเพลิงไหม้ภายในชุมชนตรอกโพธิ์เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและทรัพย์สินเสียหายเป็นจำนวนมาก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. มีความห่วงใยสั่งการให้ประชาสัมพันธ์วิธีการข้อควรปฏิบัติป้องกันเหตุเพลิงไหม้ เพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยง 6 วิธี ดังนี้ 1.การติดตั้งและดูแลรักษาระบบไฟฟ้าควรตรวจสอบระบบไฟฟ้าภายในบ้านให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ และเลือกใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ได้มาตรฐานโดยเฉพาะปลั๊กพ่วงและแบตเตอรี่ 2.การใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างถูกต้อง ควรปิดเมื่อไม่ได้ใช้งาน และเลี่ยงใช้ปลั๊กพ่วงเกินกำลังไฟที่รองรับ 3.การจัดการกับสิ่งของที่ติดไฟได้เก็บกวาดวัสดุที่อาจติดไฟได้ง่าย ออกจากบริเวณบ้านหรือที่เสี่ยงเกิดเพลิงไหม้ 4.เตรียมอุปกรณ์ดับเพลิง เช่นถังน้ำ ถังทรายและถังดับเพลิงติดบ้านไว้ 5.การเตรียมพร้อมรับมือ ศึกษาเส้นทางในการอพยพการใช้อุปกรณ์ดับเพลิง และฝึกซ้อมรับมือเหตุเพลิงไหม้ และ 6.ไม่กีดขวางการดับเพลิงวางสิ่งของหรือจอดรถยนต์กีดขวาง เป็นอุปสรรคการทำงานของเจ้าหน้าที่หากพบเห็นเหตุเพลิงไหม้แจ้งสายด่วนดับเพลิง 199 สายด่วน 191 หรือสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ตลอด 24 ชม.

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุการณ์เพลิงไหม้ที่เยาวราช รัฐบาลมีมาตรการเยียวยาอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ว่า ต้องขอรับทราบรายงานก่อน ตอนนี้ยังไม่ทราบเรื่อง เมื่อถามว่ามีความเป็นห่วงเนื่องจากเยาวราชเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวแต่กลับไม่มีเรื่องการรักษาความปลอดภัยเลยจะต้องกำชับอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ นายกฯตอบว่า “ไม่จริงมั้ง เรื่องความไม่ปลอดภัย และไม่ใช่เรื่องเราไม่ทำ เราให้การดูแลโดยตลอด”

 



ที่มา:  นสพ.ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 10 ก.ค. 2567 (กรอบบ่าย)

แชร์ข่าว:
กรุงเทพฯ มีอะไร อัพเดทข่าวสารฉับไว กิจกรรมที่น่าสนใจ และมีส่วนร่วมได้ รวมไว้ให้ที่นี่

©2022 สงวนลิขสิทธิ์ กรุงเทพมหานคร

สำนักงานประชาสัมพันธ์ สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร 173 ถนนดินสอ แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กทม. 10200