Search
Close this search box.
กทม. ชี้แจงข่าวร้องเรียน ประจำวันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม 2567

กทม. เข้มมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด 19 ในกลุ่มเด็กเล็ก-ผู้สูงอายุ

นายแสนยากร อุ่นมีศรี ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาสังคม (สพส.) กทม. กล่าวถึงมาตรการป้องกันการติดเชื้อโรคโควิด 19 ในศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนและสถานสงเคราะห์คนชราที่อยู่ในความดูแลของ กทม. ว่า สพส. ได้จัดบริการสวัสดิการสังคมในกลุ่มเด็กและผู้สูงอายุ ได้แก่ ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนในชุมชน ศูนย์บริการผู้สูงอายุดินแดง และบ้านผู้สูงอายุบางแค 2 ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีการรวมตัวของกลุ่มคนจำนวนมาก โดยได้จัดทำมาตรการเชิงรุกป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การแจ้งสำนักงานเขตถึงแนวทางการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดในศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียน การประชุมออนไลน์อาสาสมัครผู้ดูแลเด็ก เพื่อประชาสัมพันธ์เน้นย้ำให้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันโรค อาทิ กำหนดจุดคัดกรองเด็ก วัดอุณหภูมิร่างกาย ให้เด็กล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ สังเกตอาการป่วยของเด็ก หากพบเด็กป่วยด้วยอาการระบบทางเดินหายใจให้ตรวจคัดกรองด้วยชุดตรวจ ATK และแยกเด็กป่วยออกจากเด็กปกติ โดยแจ้งผู้ปกครองมารับและพาไปพบแพทย์ ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด 19 DMHT ได้แก่ เว้นระยะห่างระหว่างบุคคล สวมหน้ากากอนามัย ทำความสะอาดห้องเรียน พื้นผิวสัมผัส หรือพื้นที่ใช้งานร่วมกัน จัดสถานที่ให้มีการระบายอากาศที่ดี
ส่วนมาตรการป้องกันโรคโควิด 19 สำหรับผู้สูงอายุในศูนย์บริการผู้สูงอายุดินแดง และบ้านผู้สูงอายุบางแค 2 ศูนย์บริการผู้สูงอายุดินแดงมีภารกิจด้านการจัดบริการให้แก่ผู้สูงอายุกลุ่มติดสังคมในหลายรูปแบบกิจกรรม ได้แก่ สโมสรผู้สูงอายุ บริการส่งเสริมอาชีพ กายภาพบำบัด ธาราบำบัด และได้ดำเนินงานตามมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 เช่น ทำความสะอาดพื้นผิวที่มีการสัมผัสบ่อย ๆ โต๊ะ เก้าอี้ อุปกรณ์ออกกำลังกาย อุปกรณ์และเครื่องมือกายภาพบำบัด รวมถึงห้องสุขาและกำจัดขยะมูลฝอยทุกวัน จัดจุดบริการล้างมือด้วยสบู่เหลว หรือแอลกอฮอล์เจล หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค จัดให้มีระบบระบายอากาศทุกอาคารกิจกรรม ห้องสุขา โดยทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศ และจัดการฆ่าเชื้อโรคอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงประชาสัมพันธ์ให้สมาชิกศูนย์ฯ ทราบและถือปฏิบัติตามแนวทางการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคของศูนย์ฯ

สำหรับบ้านผู้สูงอายุบางแค 2 ซึ่งมีภารกิจด้านการสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้สูงอายุในลักษณะแบบพักอาศัยอยู่ประจำ 24 ชั่วโมง สพส. ได้ดำเนินการตามมาตรการเชิงรุกป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 เช่น จัดเตรียมหน้ากากผ้า หรือหน้ากากอนามัย และแอลกอฮอล์ หรือแอลกอฮอล์เจล เพื่อให้บริการแก่ผู้สูงอายุ ผู้มาติดต่อ และเจ้าหน้าที่ โดยให้เจ้าหน้าที่และผู้สูงอายุทุกคนสวมอุปกรณ์ป้องกันตนเองขณะปฏิบัติงาน การบันทึกข้อมูลสุขภาพพื้นฐาน คัดกรองผู้สูงอายุและจัดทำทะเบียนประวัติ เพื่อจัดบริการที่เหมาะสมแก่สุขภาพของผู้สูงอายุ รวมถึงจัดให้มีพื้นที่สำหรับเยี่ยมญาติแยกจากห้องพักผู้สูงอายุด้านนอกอาคาร หรือบริเวณที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวกแทนการใช้ห้องปรับอากาศ และไม่อนุญาตให้ญาติเข้าไปในบริเวณที่พักผู้สูงอายุ กรณีผู้สูงอายุถูกส่งต่อมาจากโรงพยาบาล หรือที่บ้าน ต้องมีใบรับรองแพทย์ หรือผลการตรวจโควิด 19 การจัดเตรียมห้องแยกสำหรับผู้สูงอายุหลังกลับจากโรงพยาบาล และงดการพาผู้สูงอายุออกนอกสถานที่ เว้นแต่กรณีพบแพทย์ตามแผนการรักษา


 

เขตสัมพันธวงศ์พร้อมจัดระเบียบพื้นที่-ดูแลความปลอดภัยย่านเยาวราช

นายวัลลภ เกียรติศรีวรกุล ผู้อำนวยการเขตสัมพันธวงศ์ กทม. กล่าวถึงการจัดสิ่งอำนวยความสะดวกและดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อยในพื้นที่เยาวราชว่า สำนักงานเขตสัมพันธวงศ์ได้จัดระเบียบพื้นที่โดยแก้ไขปรับปรุงทางเท้าและถนนที่ชำรุด ดูแลความสะอาด เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยว ขณะเดียวกันได้ตั้งวางแผงเหล็กกั้นทั้งสองข้างทาง เพื่อความปลอดภัย จัดให้มีจุดจอดรถบริการสาธารณะและทดลองปิดถนนแปลงนาม เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจร นอกจากนี้ ได้จัดเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทศกิจและฝ่ายรักษาความสะอาดและสวนสาธารณะร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจนครบาล (สน.) พลับพลาไชย 2 และ สน. จักรวรรดิปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว โดยจัดระเบียบ ดูแลความสะอาดเรียบร้อยพื้นที่ย่านเยาวราช โดยเฉพาะการตั้งวางแผงค้าและสิ่งของไม่ให้กีดขวางบนทางเท้า กวดขันการจราจรและการจอดรถบนผิวจราจรบริเวณถนนเยาวราช
ขณะเดียวกันยังได้ตรวจเฝ้าระวังสุขลักษณะคุณภาพอาหารของผู้จำหน่ายอาหารริมบาทวิถีบริเวณถนนเยาวราช ดูแลรักษาความสะอาดและความเรียบร้อยของพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ตั้งวางถังขยะให้เพียงพอ โดยจัดเก็บมูลฝอย รอบบ่าย ตั้งแต่เวลา 13.00 – 21.00 น. จำนวน 3 รอบ รอบกลางคืน ตั้งแต่เวลา 21.00 – 05.00 น. ของวันรุ่งขึ้น จำนวน 2 รอบ และร่วมกับผู้ประกอบการร้านค้าถนนเยาวราชล้างทำความสะอาดผิวจราจรและทางเท้าบริเวณจุดทำการค้าถนนเยาวราช พร้อมทั้งทำความสะอาดรางระบายน้ำเป็นประจำทุกวันจันทร์ เพื่อความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของพื้นที่


 

กทม. เร่งตรวจสอบสาเหตุเครนล้มในโครงการก่อสร้างโรงกำจัดมูลฝอยอ่อนนุช

นายดิชา คงศรี ผู้อำนวยการเขตประเวศ กทม. กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบสาเหตุเครนก่อสร้างไซต์งานโครงการกำจัดมูลฝอยอ่อนนุชล้มว่า สำนักงานเขตประเวศ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุทาวเวอร์เครนล้มภายในบริเวณโครงการก่อสร้างโรงกำจัดมูลฝอยด้วยวิธีการเผาไหม้ เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้า ขนาด 1,000 ตัน ที่ซอยอ่อนนุช 86 แยก 2 แขวงประเวศ เขตประเวศ โดยที่เกิดเหตุพบฐานคอนกรีตทาวเวอร์เครน ขนาดกว้างยาว 3×3 เมตร โครงเหล็กสูง 20 เมตร แขนเครนยาว 70 เมตร ล้มทับสำนักงานชั่วคราวได้รับความเสียหาย มีผู้เสียชีวิต 2 ราย รายแรกเป็นพนักงานบังคับเครน รายที่ 2 เป็นพนักงานโฟร์แมนที่นั่งทำงานในสำนักงานที่เครนล้มทับ และมีผู้บาดเจ็บนำส่งโรงพยาบาลนพรัตน์ 3 ราย

ในเบื้องต้นสำนักงานเขตฯ ได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ออกคำสั่งให้บรรเทาเหตุที่อาจก่อให้เกิดอันตราย ตามมาตรา 46 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 แจ้งบริษัทผู้ควบคุมงานก่อสร้างและบริษัทผู้ดำเนินการกำจัดมูลฝอยให้แก้ไขและห้ามใช้ทาวเวอร์เครนดังกล่าว นอกจากนั้น สำนักสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการฯ ได้ประสานวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) เพื่อตรวจสอบสาเหตุของทาวเวอร์เครนที่ล้ม รวมถึงแจ้งบริษัทที่ดำเนินการฯ ให้หยุดการก่อสร้างโครงการดังกล่าว เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยและดำเนินการแก้ไข

นายธวัชชัย นภาศักดิ์ศรี ผู้อำนวยการสำนักการโยธา (สนย.) กทม. กล่าวว่า สนย. ได้ประสานความร่วมมือตรวจสอบสาเหตุเครนที่อยู่ระหว่างก่อสร้างบริเวณโครงการกำจัดขยะมูลฝอยด้วยวิธีการเผาไหม้ผลิตพลังงานไฟฟ้าศูนย์กำจัดมูลฝอยอ่อนนุช ร่วมกับ วสท. สำนักสิ่งแวดล้อม และกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน สาเหตุคาดว่า สลักยึดข้อต่อช่วงกลางแขนเครนขาด ทำให้แขนเครนหักพับลงมา ตัวเครนเสียสมดุลเอียงและล้มมาด้านหลังเป็นการวิบัติแบบพลิกคว่ำ (overturning) ซึ่งระหว่างการตรวจสอบสาเหตุ โครงการฯ ได้กั้นบริเวณที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่อันตรายและห้ามบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องผ่านเข้าไปยังพื้นที่ดังกล่าว ขณะเดียวกัน สนย. จะได้ประสานสำนักสิ่งแวดล้อม กำชับให้ผู้รับจ้างปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยระหว่างการก่อสร้างอย่างเคร่งครัด

ทั้งนี้ สนย. ได้เพิ่มความเข้มงวดตรวจสอบมาตรการควบคุมการใช้ปั้นจั่นหอสูง หรือเครนก่อสร้างที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 67 ออกตามความใน พ.ร.บ. ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 ซึ่งผู้ดำเนินการต้องตรวจสอบความแข็งแรงและความปลอดภัยของปั้นจั่นหอสูงและเดอริกเครนที่ใช้สอยอยู่เป็นประจำ ตามคู่มือผู้ผลิตอย่างเคร่งครัด โดยบันทึกผลการตรวจสอบและลงลายมือชื่อไว้ทุกเดือน เพื่อลดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นและเพื่อความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

แชร์ข่าว:
กรุงเทพฯ มีอะไร อัพเดทข่าวสารฉับไว กิจกรรมที่น่าสนใจ และมีส่วนร่วมได้ รวมไว้ให้ที่นี่

©2022 สงวนลิขสิทธิ์ กรุงเทพมหานคร

สำนักงานประชาสัมพันธ์ สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร 173 ถนนดินสอ แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กทม. 10200