กทม. สนับสนุนการตั้งชมรมผู้สูงอายุ-จัดกิจกรรมดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน เพิ่มสมรรถภาพการเคลื่อนไหว
นายสุนทร สุนทรชาติ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย (สนอ.) กทม. กล่าวถึงการพัฒนาระบบบริการด้านสาธารณสุขและส่งเสริมฟื้นฟูสุขภาพผู้สูงอายุว่า กทม. ขับเคลื่อนงานผู้สูงอายุผ่านแผนปฏิบัติการด้านผู้สูงอายุกรุงเทพมหานคร ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2566 – 2570) ซึ่งสอดคล้องกับแผนปฏิบัติการด้านผู้สูงอายุ ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2566 – 2580) ของรัฐบาล เพื่อเตรียมความพร้อมประชากรวัยเรียนและวัยทำงานก่อนเข้าสู่วัยสูงอายุ รวมถึงการดูแลผู้สูงอายุให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีครบทุกมิติ ได้แก่ สุขภาพ สังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันได้ให้การสนับสนุนการรวมกลุ่มของวัยทำงานและผู้สูงอายุในชุมชน จัดตั้งเป็นชมรมผู้สูงอายุ ดำเนินกิจกรรมด้านสุขภาพต่าง ๆ รวมถึงกิจกรรมการดูแลผู้สูงอายุระยะยาวเชิงป้องกัน (Preventive Long – Term Care; PLC) ซึ่งได้นำรูปแบบมาจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อเพิ่มสมรรถภาพด้านการเคลื่อนไหว การทรงตัว และด้านความคิดความจำ โดยปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ได้ดำเนินการใน 345 ชุมชน ผู้เข้าร่วมโครงการ 1,725 คน มีการทรงตัวดีขึ้นร้อยละ 78 ส่วนปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 และปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 จะขยายผลการฝึกอบรมให้แก่แกนนำชมรมผู้สูงอายุและบุคลากรของ กทม. สังกัดสำนักอนามัย สำนักงานเขต สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว และสำนักพัฒนาสังคม เพื่อให้แกนนำมีความรู้และสามารถถ่ายทอดความรู้ไปสู่การปฏิบัติให้กับสมาชิกชมรมได้อย่างต่อเนื่อง
สำหรับสถานพยาบาลทุกระดับในกรุงเทพฯ ได้คัดกรองความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ เน้นการป้องกันอัมพฤกษ์ อัมพาต แนะนำควบคุมอาหาร ออกกำลังกายต่อเนื่องอย่างน้อย 150 นาที/สัปดาห์ พักผ่อน นอนหลับให้เพียงพอ และรับประทานยาต่อเนื่อง เพื่อควบคุมโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูง นอกจากนี้ กทม. ได้เปิดคลินิกผู้สูงอายุครบวงจร ณ ศูนย์บริการสาธารณสุข กทม. และโรงพยาบาลในสังกัด มีการตรวจประเมินและคัดกรองกลุ่มอาการที่พบบ่อยในผู้สูงอายุโดยทีมสหสาขาวิชาชีพ เช่น ประเมินการทรงตัว สมองเสื่อม การกลั้นปัสสาวะ อุจจาระ รวมถึงโรคซึมเศร้า ให้ความรู้ คำแนะนำการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ รวมถึงการส่งต่อ เพื่อวินิจฉัยเพิ่มเติมและรับการรักษาอย่างต่อเนื่อง
เขตจตุจักรรุดตรวจสอบ-เตรียมลงโทษผู้ขับขี่รถ จยย. รับจ้าง วิน BTS ดื่มแอลกฮอล์ขณะรับส่งผู้โดยสาร
นางสาวภัทร์กร สินสุข ผู้อำนวยการเขตจตุจักร กทม. กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีผู้ใช้บริการรถจักรยานยนต์รับจ้างได้รับบาดเจ็บขณะซ้อนท้ายวินรถจักรยานยนต์จากรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีหมอชิตโดยตั้งข้อสังเกตผู้ขับขี่อาจมึนเมาว่า สำนักงานเขตจตุจักร ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีดังกล่าวพบว่า เป็นวินรถจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะวิน BTS (ลานจอดรถ) ขณะตรวจสอบไม่พบผู้กระทำความผิด ซึ่งได้รับแจ้งจากสมาชิกภายในวินว่า ผู้กระทำความผิดยังไม่ได้มาขับรถแต่อย่างใดและอยู่ระหว่างการติดตามตัวของกรมการขนส่งทางบกและสถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ
อย่างไรก็ตาม สำนักงานเขตฯ มีแนวทางการพิจารณามาตรการลงโทษผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างสาธารณะที่มีพฤติกรรมดื่มแอลกฮอล์ขณะรับส่งผู้โดยสาร ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดอุบัติและเป็นอันตรายกับผู้ใช้บริการ โดยจะนำรายชื่อผู้กระทำความผิดเข้าที่ประชุมคณะอนุกรรมการประจำกรุงเทพมหานคร เขตจตุจักร เพื่อพิจารณาดำเนินการ เนื่องจากเป็นการกระทำผิดตามประกาศคณะกรรมการประจำกรุงเทพมหานคร ข้อ 13(5) ประพฤติตนไม่เหมาะสม หรือกระทำผิดอื่นที่ส่งผลกระทบต่อสวัสดิภาพของผู้ใช้บริการรถจักรยานยนต์สาธารณะ กรณีเสพสุรา หรือเล่นการพนันบริเวณสถานที่ตั้งวิน นอกจากนั้น สำนักงานเขตฯ ได้จัดเจ้าหน้าที่เทศกิจตรวจสอบ กวดขันและกำชับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่คณะอนุกรรมการฯ กำหนดอย่างเคร่งครัดต่อไป
