รองผู้ว่าฯ แจงยิบ โครงการท่อร้อยสาย
เคที มีแต่รายจ่ายไม่มีรายได้! 9.9 กม. ทำแล้วไม่มีใครเช่าสูญเงินเปล่า สั่งให้ ทบทวน / เดินเรือคลองผดุงฯ ไม่คุ้ม คิด 3 แนวทาง ก่อนทำต่อ เม.ย.นี้
วันที่ 4 ม.ค.2566 นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพ มหานคร แถลงข่าวเรื่องการเดินเรือไฟฟ้า คลองผดุงกรุงเกษม และการนำสายสื่อสารลงดิน ณ โถงชั้น 1 อาคาร ไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกทม. ดินแดง โดยกล่าวว่า โครงการเดินเรือไฟฟ้าแบบ 2
คลองผดุงกรุงเกษม เริ่มมาตั้งแต่กลางปี 2563 สิ้นสุดสัญญาแรกเมื่อเดือนกันยายน 2565 ให้บริการเดินเรือ 8 ลำ จำนวน 11 ท่า ใช้งบประมาณ ไป 106 ล้านบาท โดยได้มีการหยุดเดินเรือตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2565 เนื่องจากมีการพร่องน้ำเตรียมรองรับน้ำฝนที่ตกลงมาเพื่อการระบายน้ำ จึงไม่สามารถเดินเรือได้ และได้หยุดเดินเรือมาถึงปัจจุบัน
ทั้งนี้ สาเหตุที่ไม่เดินเรือ เนื่องจากจำนวนผู้โดยสารที่ลดลง ในปี 2565 หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ผู้โดยสารคงที่อยู่ที่ประมาณวันละ 400-500 คน หรือ 13,000-14,000 คน/เดือน เมื่อเทียบกับค่าจ้างเดินเรือที่จ้างอยู่ 2,400,000 บาท/เดือน หรือ วันละ 80,000 บาท เฉลี่ยแล้ว 171 บาท/คน จึงเป็นประเด็นว่า หากเราจะจ้างรูปแบบเดิมต่อไป เสียค่าจ้างเดือนละ 2.4 ล้านบาท ไม่รวมค่าซ่อมบำรุง จะคุ้มหรือเปล่า มีรูปแบบหรือทางเลือกอื่น หรือไม่ หรือปรับปรุงรูปแบบการให้บริการให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้บริการ จึงให้มีการทบทวนก่อนที่จะดำเนินการต่อ จริงๆ มีการตั้งงบประมาณปี 2566 ไว้แล้ว ดำเนินการแบบเดิมค่าจ้างเดินเรือรวมค่าบำรุงรักษา ระยะเวลา 5 ปี (2566-2570) วงเงิน 140 ล้านบาท อย่างไรก็ดี จะมีการเปิด ประกวดราคาหาผู้รับจ้างเดินเรือในเดือนเมษายน 2566 นี้
“ตั้งแต่ช่วงตุลาคม 2565 ถึงปัจจุบัน เราทำอะไร ก็ได้ให้ทบทวนรูปแบบการให้บริการพี่น้องประชาชนว่าควรจะทำแบบไหน เช่น อาจมีฟีดเดอร์ใช้รถชัตเติลบัสเข้ามาแทน เพราะดูจากการใช้บริการผู้โดยสารช่วงเช้า 180 คน เย็น 220 คน หากใช้รถชัตเติลบัสอาจจะถูกกว่า แต่ก็ยังไม่ปิดการเดินเรือ อาจไปเป็นเรือท่องเที่ยวได้ไหม เรือแท็กซี่ วิ่งตามผู้ใช้บริการ แทนที่จะวิ่งเรือเปล่าสูญเสียพลังงานสิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย ทั้งหมดนี้ เราไม่ได้ยุติโครงการ แต่กลับมาทบทวนการให้บริการที่คุ้มค่า ใช้ประโยชน์จากสิ่งที่มีอยู่ให้สูงสุด” นายวิศณุ กล่าว
สรุปการดำเนินการขณะนี้เดินคู่ขนาน 3 ทาง คือ 1.ดูรูปแบบฟีดเดอร์รูปแบบอื่น ศึกษาความเป็นไปได้ ดูเส้นทาง พฤติกรรมการใช้บริการ 2.การเปิดให้เอกชนที่สนใจมาเดินเรือ อาจทำเป็นเรือท่องเที่ยว ส่งเสริมการท่องเที่ยว และ 3.ทำแบบเดิม เพราะเป็นสิ่งที่ภาครัฐต้องให้บริการประชาชน แต่ต้องวิเคราะห์รูปแบบใด ความถี่ จำนวนเรือ ว่าจะเดินเรืออย่างไร ระหว่างที่ทบทวนรูปแบบและยังไม่ได้หาผู้รับจ้างใหม่ ช่วงนี้อาจจะมีการจ้างเดินเรือชั่วคราว ขึ้นอยู่กับระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง โดยให้ดูว่าสามารถนำงบประมาณที่ตั้งไว้ 140 ล้านบาท จะแบ่งส่วนหนึ่ง มาได้หรือไม่ เพื่อช่วยคนที่ใช้เส้นทางนี้เป็นประจำไปก่อน โดยอาจจ้างเดินเรือชั่วคราว หรือใช้ฟีดเดอร์แทน แต่ต้องให้สอดคล้องกับระเบียบจัดซื้อจัดจ้างด้วย
ในส่วนเรื่องค่าโดยสารยังให้บริการฟรีอยู่ แต่ก็กำลังดูอัตราค่าโดยสารที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม กทม.ก็จะสนับสนุนงบประมาณให้ แต่ต้องดูว่าจะคิดอัตราค่าโดยสารอย่างไรให้ คุ้มทุน ต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดการให้บริการที่พอเป็นไปได้ ว่าจะสนับสนุนงบประมาณอย่างไรให้คุ้มกับทุนที่ลงไป
นอกจากนี้ นายวิศณุได้กล่าวถึงโครงการนำสารสื่อสาร ลงดินที่กรุงเทพมหานคร มอบบริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) ดำเนินการ ว่า ไม่ได้ให้ยกเลิก ข้อเท็จจริงโครงการเริ่มเมื่อปี 2561 ปัจจุบันเมื่อผู้บริหารชุดนี้เข้ามาได้สอบถามที่ผ่านมาดำเนินการไปแล้วอย่างไรบ้าง โดยเคทีได้ก่อสร้างท่อร้อยสายใต้ดินไป 9.9 กม. 6 เส้นทาง 1.ถนนวิทยุ (ถนนเพชรบุรี – แยกเพลินจิต) 2.ถนนรัชดาภิเษก (MRT ศูนย์วัฒนธรรม ประตู 3 – ซอยรัชดาภิเษก 7) 3.ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ (ถนนสาทรใต้ – ซอยนราธิวาสราชนครินทร์10) 4.ถนนวิทยุ (แยกเพลินจิต – แยกสารสิน) 5.ถนนพระราม 1 (แยกปทุมวัน-แยกราชประสงค์) 6.ถนนเจริญนคร (สถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรี-สำนักงานเขตคลองสาน) วงเงิน 118 ล้านบาท
ปัญหาคือโครงการนี้มีแต่รายจ่าย ยังไม่เกิดรายได้ รูปแบบ เคทีเป็นผู้ลงทุนก่อสร้างและขายบริการให้แก่ผู้เช่า โดยคาดหวังว่าจะมีโอเปอเรเตอร์ผู้ให้บริการมาเช่าท่อ แต่ 4 ปีผ่านไป 9.9 กม. ยังไม่มีรายไหนมาใช้บริการ แปลว่าท่อที่เราสร้างไปสูญเงินเปล่า จึงให้ทบทวนว่าถ้าเรายังเดินหน้าจ้างต่อไปจะมีแต่หนี้ก่อหนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จะทำอย่างไร ขณะเดียวกันเมื่อปี 2563 ทาง ป.ป.ช. ได้ตั้งข้อสังเกตมีข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตโครงการฯ มีข้อทักท้วงหลายประเด็น ซึ่งเราก็เห็นด้วยกับ ป.ป.ช. ที่ตั้ง ข้อท้วงติงไว้ จึงได้ให้ทบทวนโครงการนี้
อย่างไรก็ดี กทม.ยังคงเดินหน้าการจัดระเบียบสายสื่อสาร มี 2 ส่วนคือ ตัดสายตายออกและลดจำนวนสายให้น้อยลง อีกส่วนคือ นำสายลงดิน มี 2 หน่วยงานรับผิดชอบ คือ กฟน. และ กสทช. การนำสายสื่อสารลงดินจะทำคู่ขนานไปกับแผนนำ สายไฟฟ้าลงดินของ กฟน. ซึ่งได้ทำไปแล้ว 62 กม. และมีแผนจะทำถึงปี 2570 เป้าหมายรวม 236 กม. ส่วน กสทช. ก็มีแผน ดำเนินการจัดระเบียบสายสื่อสารทำไปแล้ว 161 กม. ใน 37 เส้นทาง ปี 2566 จะทำอีก 442 กม. เป้าของเราจะจัดระเบียบให้ครบ 1,000 กม. โดยทำงานร่วมกันระหว่าง กสทช. กฟน. และ กทม.
บรรยายใต้ภาพ
วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯกทม.
ที่มา: นสพ.แนวหน้า ฉบับวันที่ 5 ม.ค. 2566