กทม. กำชับสำนักงานเขตระมัดระวังการระบุข้อมูลประเมินเรียกเก็บภาษีที่ดินฯ ป้องกันข้อผิดพลาด
นายอนุชิต พิพิธกุล รองผู้อำนวยการสำนักการคลัง (สนค.) รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักการคลัง กทม. กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีร้องเรียนสำนักงานเขตสายไหมเรียกเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ประจำปี 2567 สูงกว่าความเป็นจริงว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่า สำนักงานเขตสายไหม ซึ่งเป็นผู้ออกหนังสือแจ้งการประเมินภาษีที่ดินฯ ดังกล่าว ได้ทำการสำรวจใหม่ โดยเจ้าหน้าที่ระบุขนาดที่ดินและสิ่งปลูกสร้างผิดพลาดจาก 140 ตารางเมตร เป็น 92,387 ตารางเมตร ทำให้มีอัตราภาษีสูงเกินความเป็นจริง ประกอบกับสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว เป็นทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น ใช้เป็นที่อยู่อาศัยบ้านหลังหลัก จึงได้รับการยกเว้นภาษีจากราคาประเมิน 50 ล้านบาทแรก ทั้งนี้ สนค. ได้ให้สำนักงานเขตสายไหม ประสานทำความเข้าใจกับผู้ร้อง ขณะเดียวกันได้เน้นย้ำทุกสำนักงานเขตให้ใช้ความระมัดระวังในการดำเนินการเกี่ยวกับการระบุข้อมูลการประเมินภาษีฯ เพื่อมิให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้นอีก
กทม. เร่งติดตั้งโคมไฟฟ้า LED ตามเป้าหมายปี 67 “กรุงเทพฯ ต้องสว่าง” 85,000 โคม
นายธวัชชัย นภาศักดิ์ศรี ผู้อำนวยการสำนักการโยธา (สนย.) กทม. กล่าวกรณีประชาชนร้องเรียนเส้นทางบริเวณถนนพระราม 4 แยกไปถนนสุรวงศ์ เขตบางรัก ไม่มีไฟฟ้าส่องสว่าง โดยเฉพาะบริเวณใต้สะพานจะมืดสนิทว่า สนย. ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบตามข้อร้องเรียน พบว่า บริเวณดังกล่าวไฟฟ้าดับเนื่องจากอุปกรณ์ฟิวส์ชำรุด จึงได้เปลี่ยนฟิวส์ตัวใหม่ทดแทน ซึ่งปัจจุบันไฟฟ้าส่องสว่างบริเวณถนนพระรามที่ 4 ไปถนนสุรวงศ์ สามารถใช้งานได้ตามปกติแล้ว
สำหรับความคืบหน้าโครงการหลอดไฟฟ้า LED ในพื้นที่กรุงเทพฯ สนย. อยู่ระหว่างดำเนินการติดตั้งโคมไฟฟ้า LED ระยะที่ 2 จำนวน 20,000 โคม ในพื้นที่สำนักงานเขตต่าง ๆ ปัจจุบันติดตั้งไปแล้ว 13,000 โคม คงเหลืออีก 7,000 โคม และอีก 10,000 โคม ที่ติดตั้งในถนนสายหลักโดยใช้โคม LED ขนาดไม่เกิน 140 วัตต์ พร้อมระบบติดตามการทำงานของโคมไฟฟ้า ปัจจุบันติดตั้งไปแล้ว 8,000 โคม คงเหลืออีก 2,000 โคม คาดว่า จะติดตั้งแล้วเสร็จภายในเดือน มิ.ย. 2567
ทั้งนี้ สนย. จะเร่งดำเนินงานต่อในระยะที่ 3 อีกจำนวน 30,000 โคม แบ่งเป็น ในพื้นที่ถนน ตรอก ซอยของสำนักงานเขต จำนวน 20,000 โคม และในถนนสายหลักสายรองที่อยู่ในความดูแลของ สนย. อีกจำนวน 10,000 โคม ซึ่งจะเริ่มกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างได้ภายในเดือน มิ.ย. 2567 โดยจะเร่งติดตั้งให้แล้วเสร็จภายในเดือน ธ.ค. 2567 ตามนโยบายกรุงเทพฯ ต้องสว่าง และตามเป้าหมายที่วางไว้ภายในปี 2567 ต้องติดตั้งแล้วเสร็จรวม 3 ระยะ ทั้งสิ้น 85,000 โคม
กทม. เน้นย้ำมาตรการส่วนบุคคลป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด 19 โรงเรียนในสังกัดรับเปิดเทอม
นายธนกร ไชยศรี ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา (สนศ.) กทม. กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ในโรงเรียนสังกัด กทม. เพื่อรองรับการเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 ว่า สนศ. ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมการเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 ของโรงเรียนสังกัด กทม. ให้ปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยของโรงเรียนในสังกัด รวมทั้งประสานสำนักอนามัยและสำนักการแพทย์ เพื่อเตรียมความพร้อมสถานพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ตลอดจนมาตรการเข้ารับวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ทั้งผู้ปกครอง นักเรียน ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษกรุงเทพมหานครและผู้ปฏิบัติงานในโรงเรียน เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดต่อในโรงเรียนสังกัด กทม.
ขณะเดียวกันได้กำชับให้สำนักงานเขตกำกับดูแลให้โรงเรียนในสังกัด กทม. ดำเนินการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่อในสถานศึกษาอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งแจ้งมาตรการและแนวทางรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ในช่วงเปิดภาคเรียน เพื่อสร้างความเข้าใจให้แก่นักเรียน ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษากรุงเทพมหานคร ผู้ปฏิบัติงานในโรงเรียน ตลอดจนผู้ปกครอง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 โดยให้โรงเรียนเน้นย้ำมาตรการส่วนบุคคลกับนักเรียน บุคลากรทุกระดับ และผู้ปกครอง ควรสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจล เว้นระยะห่าง หากต้องเข้าในที่แออัด เฝ้าระวังสังเกตอาการ หากมีอาการทางเดินหายใจ ไม่ควรมาโรงเรียนจนกว่าอาการจะดีขึ้นและตรวจหาเชื้อโควิด 19 (ATK) ตรวจคัดกรองสุขภาพนักเรียนตามมาตรฐานงานอนามัยโรงเรียน กรณีพบกลุ่มผู้ป่วยที่เป็นกลุ่มก้อน (Cluster) ให้ประสานศูนย์บริการสาธารณสุขในพื้นที่และส่งต่อเข้ารับการรักษาตามสิทธิการรักษา หากมีการติดเชื้อในสถานศึกษาให้จัด การเรียนการสอนตามความเหมาะสมโดยไม่ปิดโรงเรียน เน้นย้ำครู บุคลากรผู้เกี่ยวข้องที่ปฏิบัติงานในโรงเรียนและนักเรียนทุกคน ทุกชั้น ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ตามเกณฑ์ โดยเข้ารับบริการวัคซีนได้ที่ศูนย์บริการสาธารณสุขทั้ง 69 แห่ง และเปิดประตูหน้าต่างห้องเรียนให้อากาศถ่ายเทสะดวก กรณีใช้เครื่องปรับอากาศให้เปิดประตูหน้าต่างระบายอากาศใน ช่วงเวลาพักเที่ยง หรือช่วงเวลาที่ไม่มีการเรียนการสอน
นอกจากนี้ โรงเรียนสังกัด กทม. ยังได้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ในโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง โดยประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจและขอความร่วมมือให้นักเรียน ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษากรุงเทพมหานคร ผู้ปฏิบัติงานในโรงเรียน ตลอดจนผู้ปกครองให้ปฏิบัติตามแนวทางการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ได้แก่ การสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ การทำความสะอาด ใช้ช้อนกลางส่วนตัว รับประทานอาหารปรุงสุกใหม่ พร้อมทั้งประสานผู้ปกครองให้เฝ้าระวังและตรวจคัดกรองบุตรหลานก่อนพามาโรงเรียน หากพบว่า มีไข้ ไอ จาม หรืออาการอื่นใดให้นักเรียนหยุดเรียน เพื่อเฝ้าดูอาการที่บ้าน หรือพบแพทย์ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการรับเชื้อโรคเพิ่มขึ้น และลดการแพร่กระจายเชื้อในโรงเรียน ตลอดจนขอความร่วมมือผู้ปกครองแจ้งข้อมูลการเจ็บป่วยของนักเรียนให้โรงเรียนทราบ
กทม. ร่วมกับตำรวจตรวจสอบแก้ไขปัญหาคนเร่ร่อนในสวนลุมพินี
นายประพาส เหลืองศิรินภา ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม (สสล.) กทม. กล่าวถึงความคืบหน้าตรวจสอบและแก้ไขปัญหาคนเร่ร่อนในสวนลุมพินีว่า สสล. ได้ประสานสำนักพัฒนาสังคมลงพื้นที่ร่วมกัน เพื่อแก้ไขกรณีคนเร่ร่อนมาใช้พื้นที่สวนลุมพินีเป็นที่หลับนอน โดยใช้มาตรการตรวจสอบผู้ใช้สวนทุกคนให้ปฏิบัติตามระเบียบของสวนอย่างเคร่งครัด ห้ามนำอาวุธและสิ่งผิดกฎหมายเข้ามาในสวน รวมทั้งได้ตรวจค้นบุคคลต้องสงสัยเป็นประจำ เพื่อป้องกันและดูแลความปลอดภัยของประชาชน กรณีมีผู้ใช้บริการนอนบนม้านั่ง หากไม่ปฏิบัติตามกฎของการใช้พื้นที่สาธารณะ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะตักเตือน แต่กรณีที่นั่งพักอยู่ทั้งวันเป็นสิทธิที่สามารถพึงกระทำได้ในฐานะผู้ใช้บริการสวนสาธารณะ กรณีมีการขอรับบริจาค เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะเชิญออกนอกพื้นที่ทันที
นอกจากนั้น ยังได้ตรวจสอบบุคคลเร่ร่อน หรือผู้ที่ไม่มีที่พักอาศัยเป็นหลักแหล่งมาอาศัยหลับนอนในสวนลุมพินี พร้อมประสานสำนักพัฒนาสังคมและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมตรวจสอบบัตรประชาชน ทำประวัติ และเชิญไปฝึกอาชีพในศูนย์ฝึกอาชีพของกรุงเทพมหานครตามความสมัครใจ โดยเชิญเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมตรวจสอบด้วยทุกครั้ง กรณีเป็นชาวต่างชาติ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะตรวจสอบว่า มีใบอนุญาตทำงาน หรือพาสปอร์ตหรือไม่ หากตรวจพบว่า หลบหนีเข้าเมือง จะดำเนินคดีและผลักดันออกนอกประเทศต่อไป
กทม. เฝ้าระวังควบคุมการแพร่ระบาดโรคทางเดินหายใจ เตือนประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคต่อเนื่อง
นางเลิศลักษณ์ ลีลาเรืองแสง ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ (สนพ.) กทม. กล่าวถึงการเตรียมพร้อมมาตรการป้องกันและและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 สายพันธุ์ KP สายพันธุ์ย่อยใหม่ของสายพันธุ์ JN.1 ว่า สนพ. ได้จัดเตรียมเตียงดูแลผู้ป่วยโควิด 19 ในช่วงที่มีการแพร่ระบาด ซึ่งจำนวนเตียงปัจจุบันยังไม่ได้ขยายจำนวนเตียง หากมีผู้ป่วยมากขึ้นสามารถขยายจำนวนเตียงได้ เพื่อให้เพียงพอต่อการรองรับผู้ป่วยที่จะเข้ารับการรักษา
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สถานการณ์ยังไม่น่าเป็นห่วง อีกทั้ง กทม. ได้ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างดี พร้อมทั้งมอบหมายกลุ่มงานอนามัยชุมชนของโรงพยาบาลสังกัด กทม. ทั้ง 11 แห่ง ให้ความรู้แก่ประชาชนที่มารับบริการและประชาชนในพื้นที่โดยรอบโรงพยาบาล โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยติดเตียง ให้ตระหนักถึงการดูแลและป้องกันโรคโควิด 19
ขณะเดียวกันได้เตรียมพร้อมระบบเฝ้าระวัง ติดตาม ประเมินสถานการณ์ และควบคุมการแพร่ระบาดโรคระบบทางเดินหายใจ อาทิ ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ โรคติดเชื้อไวรัส RSV โรคโควิด 19 โรคปอดบวม หรือปอดอักเสบ รวมถึงวินิจฉัยและให้การรักษาที่ถูกต้องตามแนวทางการรักษาของโรค จัดการสำรองยาให้เพียงพอต่อการรักษาผู้ป่วย จัดเตรียมวัคซีนป้องกันควบคุมโรคตามฤดูกาล ได้แก่ โรคหัด โรคไข้หวัดใหญ่ โรคโควิด 19 และโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลันจากเชื้อไวรัสให้ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง พร้อมจัดเตรียมเวชภัณฑ์สำหรับการป้องกันและรักษาโรค ตั้งจุดคัดกรองด้านหน้าทางเข้าโรงพยาบาล ตรวจวัดอุณหภูมิ เจลล้างมือให้กับประชาขนที่มารับบริการที่โรงพยาบาล รวมทั้งรณรงค์ส่งเสริมความรู้และกระตุ้นเตือนให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรคอย่างต่อเนื่อง และรับวัคซีนโควิด 19 เพื่อช่วยลดความรุนแรงของโรคได้จริง หากมีอาการเจ็บป่วยให้รีบพบแพทย์ทันที หรือพบแพทย์ผ่าน Telemedicine ผ่านแอปพลิเคชัน “หมอ กทม.” เพื่อตรวจวินิจฉัยอาการอย่างรวดเร็ว สามารถปรึกษาเรื่องสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนสุขภาพ สำนักการแพทย์ กทม. โทร.1646 ตลอด 24 ชั่วโมง