กทม. เฝ้าระวัง-ประเมินความเสี่ยงต้นไม้ใหญ่หักโค่นจากพายุลมแรง
นายประพาส เหลืองศิรินภา ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม (สสล.) กทม. กล่าวถึงการเตรียมพร้อมรองรับสถานการณ์ฝนตกหนักและลมพายุว่า สสล. ได้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ที่อาจเกิดผลกระทบจากพายุ หรือลม โดยแจ้งเตือนสถานการณ์อิทธิพลพายุในช่วงต่าง ๆ ไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลพื้นที่สีเขียวของ กทม. ทั้งการดูแลและระวังต้นไม้ใหญ่ในที่สาธารณะที่อาจได้รับผลกระทบจากลมพายุ โดยให้สำนักงานเขต 50 เขต ที่รับผิดชอบดูแลต้นไม้บนถนนสายหลัก สายรอง ทางเท้า และสวนหย่อม สวน 15 นาที สวนสาธารณะขนาดใหญ่ รวมทั้งหน่วยงานในสังกัดที่รับผิดชอบสวนสาธารณะและต้นไม้บนถนนสายสำคัญให้จัดส่งเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบออกตรวจตราพื้นที่ในความรับผิดชอบ ตรวจสอบความสมบูรณ์แข็งแรงของต้นไม้บนถนน ทางเท้า และที่สาธารณะ หากพบความเสี่ยงต่อการหักโค่น หรือพายุลมกระโชกแรงให้ตัดแต่งกิ่งแห้ง กิ่งผุ ตรวจสอบลำต้น หาร่องรอยการเข้าทำลายของแมลง และตัดแต่งต้นไม้ตามหลักวิชาการและงานรุกขกรรม
ขณะเดียวกันให้เร่งสำรวจประเมินความเสี่ยงของต้นไม้เพิ่มเติมกรณีอาจมีพายุลมแรง โดยตัดแต่งกิ่งต้นที่ทรงพุ่มหนาทึบต้านลม เพื่อแก้ไขทรงพุ่มต้นไม้ใหญ่โดยตัดสางโปร่งให้ลมพัดผ่านได้ ลดการฉีกหัก โค่นล้ม รวมทั้งจัดเตรียมหน่วยเคลื่อนที่เร็ว (หน่วย BEST) พร้อมแก้ไขเหตุต้นไม้หักโค่นกีดขวางถนนสายสำคัญในความรับผิดชอบและแจ้งให้สำนักงานเขต 50 เขต จัดหน่วยเร่งด่วนและเจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุต้นไม้หักโค่น 24 ชั่วโมง พร้อมเครื่องมือและยานพาหนะออกปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ต้นไม้หักโค่นกีดขวางถนน หรือหักโค่นทับบ้านเรือนประชาชนทันทีที่เกิดเหตุ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนได้เร็วที่สุด ตลอดจนซักซ้อมแผนการช่วยเหลือฉุกเฉินและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันปฏิบัติการ เช่น สถานีตำรวจพื้นที่ สถานีดับเพลิง และสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หากเกิดเหตุต้นไม้หักโค่นจากพายุลมแรงกีดขวางถนน หรือที่สาธารณะ หรือในย่านชุมชน
ทั้งนี้ หากประชาชนพบต้นไม้อยู่ในสภาพเสี่ยงที่จะหัก โค่นล้ม สามารถแจ้งข้อมูลและพิกัดต้นไม้ได้ในระบบ Traffy Fondue ทาง https://citydata.traffy.in.th/ เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตัดแต่งต้นไม้ กิ่งไม้ รวมถึงเก็บกวาดกิ่งไม้ หรือต้นไม้ที่หักโค่นกีดขวางในที่สาธารณะ และหากมีความประสงค์ขอรับบริการตัดแต่งต้นไม้ในบ้าน สามารถติดต่อได้ที่ฝ่ายรักษาความสะอาดและสวนสาธารณะ สำนักงานเขตพื้นที่ที่บ้านเรือนตั้งอยู่ ซึ่งมีอัตราค่าบริการตามระเบียบที่ กทม. กำหนด
กทม. เร่งสำรวจกำหนดตำแหน่งทางม้าลายหน้าซอยลาดพร้าว 46 อำนวยความสะดวกผู้สัญจร
นายไทภัทร ธนสมบัติกุล ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) กทม. กล่าวกรณีประชาชนขอให้จัดทำทางม้าลายหน้าซอยลาดพร้าว 46 เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้สูงอายุว่า ผลจากโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ทำให้กายภาพของพื้นที่บริเวณดังกล่าวเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก สจส. จึงเร่งสำรวจตรวจสอบและกำหนดตำแหน่งการทำทางข้าม (ทางม้าลาย) ใหม่พร้อมอุปกรณ์ประกอบให้ทางข้ามมีความปลอดภัยแก่ผู้สัญจร รวมทั้งรณรงค์สร้างจิตสำนึกให้แก่ผู้ใช้รถใช้ถนนให้มีวินัย มีน้ำใจ และเคารพกฎหมายจราจร นอกจากนั้น จะได้ประสานขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่เทศกิจมาอำนวยความสะดวกการข้ามถนนในช่วงเวลาเร่งด่วน
นายโครงการ เจียมจีรกุล ผู้อำนวยการเขตวังทองหลาง กทม. กล่าวว่า สำนักงานเขตวังทองหลางได้สำรวจบริเวณดังกล่าว เพื่อจัดทำทางข้ามและเกาะกลางให้ปลอดภัย ซึ่งจากการตรวจสอบบริเวณหน้าซอยลาดพร้าว 46 ถนนลาดพร้าว อยู่ในความดูแลของ สจส. ซึ่งสำนักงานเขตฯ ได้มีหนังสือประสาน สจส. ขอให้พิจารณาทำทางข้ามในบริเวณดังกล่าว
กทม. ประสาน กฟน. ปิดฝาบ่อชั่วคราวบนผิวจราจรถนนรัชดาภิเษกลดความเสี่ยงอุบัติเหตุ
นายธวัชชัย นภาศักดิ์ศรี ผู้อำนวยการสำนักการโยธา (สนย.) กทม. กล่าวถึงความคืบหน้าการประสานความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขแผ่นเหล็กบนผิวจราจรบริเวณถนนรัชดาภิเษก ใกล้แยกวงศ์สว่าง เขตบางซื่อ ซึ่งมีผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สะดุดล้มได้รับบาดเจ็บว่า สนย. ได้ตรวจสอบพบว่า บริเวณดังกล่าวอยู่ระหว่างการก่อสร้างวางท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดิน ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) จึงได้ประสาน กฟน. ดำเนินการแก้ไขโดยให้ปิดฝาบ่อชั่วคราวให้อยู่ในสภาพที่เรียบร้อยแล้ว รวมทั้งให้ประสานผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ เพื่อเยียวยารับผิดชอบค่าเสียหายที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ สนย. ได้บูรณาการความร่วมมือหน่วยงานสาธารณูปโภคต่าง ๆ สำรวจตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยของโครงการก่อสร้างต่าง ๆ บนทางเท้าและผิวจราจรในพื้นที่ก่อสร้าง โดยกำชับให้ตรวจสอบเป็นประจำทุกวัน หากมีจุดที่ไม่เรียบร้อยให้แก้ไขโดยด่วน เพื่อความปลอดภัยของผู้สัญจรและลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
กทม. กำชับ BTSC เพิ่มมาตรการดูแลความปลอดภัยผู้โดยสารบริเวณสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสทุกสถานี
นายไทภัทร ธนสมบัติกุล ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) กทม. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีเกิดเหตุลวนลามและจี้ชิงทรัพย์ผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส บริเวณสถานีเคหะสมุทรปราการ ถนนสุขุมวิท ขณะขึ้นบันไดเลื่อนว่า สจส. ได้ประสานบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC เพื่อติดตามความคืบหน้ากรณีดังกล่าว ทราบว่า พ.ต.อ.นพดล ช่างเรือน ผกก.สภ.เมืองสมุทรปราการ และฝ่ายสืบสวน ร่วมกันจับกุมชาย อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาข้อหา “กระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปี ขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายกระทำต่อหน้าธารกำนัล, กระทำการอันควรขายหน้าต่อหน้าธารกำนัลโดยกระทำการลามกอย่างอื่น, ทำร้ายร่างกาย, ลักทรัพย์” โดยพบของกลางโทรศัพท์มือถือ เงินสด 1,050 บาท และกระเป๋าสะพายข้างสีเทา จึงรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอนุมัติหมายจับและเข้าจับกุมตัวไว้ได้ ซึ่งจากการตรวจสอบประวัติผู้ก่อเหตุพบมีประวัติคดีลักทรัพย์มา 2 ครั้ง เพิ่งพ้นโทษเมื่อเดือน ก.พ. 2567 โดยผู้ก่อเหตุยอมรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา อ้างทำลงไปเพราะเมายากล่อมประสาทที่เพิ่งเสพมา
ทั้งนี้ สจส. ได้มีหนังสือแจ้ง บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (KT) ให้กำกับ BTSC ในฐานะผู้รับจ้างเดินรถ ให้พิจารณาเพิ่มมาตรการดูแลความปลอดภัยบริเวณสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสทุกสถานี ตามมาตรการและขั้นตอนด้านความปลอดภัยในการรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจจะเกิดขึ้น โดยถอดบทเรียน เพื่อตรวจสอบสาเหตุ ทบทวนเหตุการณ์เกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยในกรณีนี้ เพื่อหามาตรการป้องกันแก้ไขลดโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดเหตุขึ้นซ้ำในอนาคต พร้อมทั้งจัดให้มีเจ้าหน้าที่กำกับดูแลรักษาความปลอดัยในพื้นที่อย่างเข้มงวดตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนผู้ใช้บริการต่อไป
กทม. เร่งสำรวจความเสียหาย-ซ่อมคานเหล็กกั้นจำกัดความสูงสะพานข้ามแยกพญาไท
นายธวัชชัย นภาศักดิ์ศรี ผู้อำนวยการสำนักการโยธา (สนย.) กทม. กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบความปลอดภัยและโครงสร้างสะพานข้ามแยกพญาไท หลังเกิดเหตุรถบรรทุก 6 ล้อและรถกระบะกั้นคอกสูง ชนกับคานเหล็กกั้นจำกัดความสูงบริเวณเชิงสะพานว่า คานเหล็กกั้นจำกัดความสูงบริเวณเชิงสะพานข้ามแยกพญาไท มีฐานรากและโครงสร้างแยกออกมาจากตัวสะพาน ดังนั้น สะพานข้ามแยกจึงยังมีความมั่นคงแข็งแรง ไม่ได้รับผลกระทบจากการชนดังกล่าว ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงบันทึกประจำวันและเปรียบเทียบปรับผู้กระทำผิดแล้ว ทั้งนี้ สนย. จะเข้าสำรวจความเสียหายและจัดซ่อมคานเหล็กกั้นจำกัดความสูงดังกล่าวโดยเร็ว รวมถึงประเมินราคาค่าเสียหาย เพื่อแจ้งความดำเนินคดีและเรียกค่าเสียหายต่อผู้กระทำผิด
อย่างไรก็ตาม สนย. จะประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจให้กวดขันรถบรรทุกและรถที่มีระดับความสูงห้ามฝ่าฝืนใช้สะพานข้ามแยก หรือสะพานยกระดับในพื้นที่กรุงเทพฯ พร้อมทั้งแจ้งสำนักการจราจรและขนส่ง เพื่อพิจารณาเพิ่มป้ายและสัญญาณไฟกระพริบแจ้งเตือน หรือพิจารณาติดไฟเตือนไซเรนที่มีเสียงดังและมีเซนเซอร์จำกัดความสูงต่อไป
เขตบางเขนแจ้งเจ้าของบ้านเคลื่อนย้ายแผ่นเหล็กล้ำผิวจราจรซอยพหลโยธิน 59 ป้องกันอันตรายผู้สัญจร
นางสาวอัญชนา บุญสุยา ผู้อำนวยการเขตบางเขน กทม. กล่าวกรณีประชาชนร้องเรียนในซอยพหลโยธิน 59 เขตบางเขน มีแผ่นเหล็กความยาวกว่า 2 เมตร ปูทางเข้าตึกแถว ล้ำผิวจราจร และสูงกว่าระดับถนน เกรงจะเกิดอันตรายกับผู้สัญจรว่า สำนักงานเขตฯ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่า บริเวณหน้าบ้านมีการนำแผ่นเหล็กมาวางล้ำผิวจราจรตามที่มีการร้องเรียน แต่ไม่พบมีบุคคลใดอยู่ในบ้าน เจ้าหน้าที่จึงได้โทรศัพท์ประสานเจ้าของบ้านจากหมายเลขโทรศัพท์ที่ติดอยู่หน้าบ้าน พร้อมอธิบายให้ทราบถึงเรี่องร้องเรียนที่ได้รับและแจ้งให้เจ้าของบ้านเคลื่อนย้ายแผ่นเหล็กออกจากหน้าบ้าน เพื่อไม่ให้กีดขวางทางสัญจร รวมทั้งป้องกันอันตรายซึ่งอาจเกิดจากแผ่นเหล็ก โดยเจ้าของบ้านได้รับทราบและยินยอมเคลื่อนย้ายแผ่นเหล็กออก แต่ขอระยะเวลาในการเคลื่อนย้ายแผ่นเหล็กออกจากบริเวณดังกล่าว ทั้งนี้ สำนักงานเขตฯ จะได้จัดเจ้าหน้าที่กวดขันและติดตามอย่างต่อเนื่องต่อไป