กทม. เดินหน้าทำความสะอาด-ปรับภูมิทัศน์ริมคลอง 200 คลอง เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
นายสุราษฎร์ เจริญชัยสกุล ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ (สนน. ) กทม. กล่าวถึงความคืบหน้าการบูรณาการความร่วมมือทุกภาคส่วนร่วมดูแลทำความสะอาดคูคลอง แม่น้ำ และพื้นที่สาธารณะว่า กรุงเทพมหานคร ได้ดูแลบำรุงรักษาคลอง จำนวน 1,980 คลอง ความยาวประมาณ 2,745 กิโลเมตร ในพื้นที่รับผิดชอบของ กทม. อย่างสม่ำเสมอ และในปี 2567 สนน. ได้ร่วมกับสำนักงานเขต หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชนจัดกิจกรรมโครงการจิตอาสาทำความสะอาดคลองในพื้นที่ 50 เขต 200 คลอง เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยทำความสะอาด เก็บขยะ วัชพืช ทาสี ฉีดล้างทำความสะอาดทางเท้า และปรับภูมิทัศน์ริมคลอง เพื่อให้เป็นสถานที่ที่ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันอย่างปลอดภัย โดยความร่วมมือร่วมใจของทุกภาคส่วน รวมถึงประชาชนจิตอาสาขับเคลื่อนกิจกรรมจิตอาสาทำความดีเพื่อสังคม ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้สังคมไทยมีความรัก ความสามัคคี บ้านเมืองมีความสะอาดและปลอดภัย โดยมีพิธีเปิดและเริ่มดำเนินกิจกรรมดังกล่าวเมื่อวันที่ 21 มี.ค. 67 คาดว่า จะดำเนินการแล้วเสร็จทั้ง 200 คลอง ในช่วงต้นเดือน ก.ค. 67 แบ่งเป็นคลองที่อยู่ในความดูแลของ สนน. 32 คลอง และคลองที่อยู่ในความดูแลของสำนักงานเขตอีก 168 คลอง
นอกจากนี้ สนน. ยังได้ร่วมกิจกรรมกับหน่วยงานภายนอกโดยนำนวัตกรรมใหม่ ๆ มาสนับสนุนการดูแลบำรุงรักษาคลอง เช่น ร่วมกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) นำเรือกำจัดขยะและวัชพืชขนาดเล็กมาทดลองใช้งานที่คลองอู่ตะเภาและคลองหลวงแพ่ง เขตหนองจอก และร่วมกับภาคเอกชน นำเรือเก็บขยะอัตโนมัติมาทดลองใช้งานคลองสวนหลวง เขตปทุมวัน แก้มลิงบึงพิบูล เขตพญาไท และคูน้ำ/สระน้ำในสวนลุมพินี เป็นต้น
กทม. ร่วมดูแลต้นไม้เกาะกลางถนนวิภาวดีรังสิต
นายประพาส เหลืองศิรินภา ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม (สสล.) กทม. กล่าวกรณีประชาชนตั้งข้อสังเกตริมถนนวิภาวดีรังสิต ตั้งแต่ดินแดง-หลักสี่ มีการปรับปรุงมาเป็นเวลานาน ควรปลูกต้นไม้ให้สวยงามว่า โครงการปรับปรุงถนนวิภาวดีรังสิต เป็นพื้นที่รับผิดชอบของกรมทางหลวง (ทล.) ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการและยังไม่แล้วเสร็จ ส่วนการปลูกต้นไม้ปรับปรุงภูมิทัศน์ ทล. ได้เริ่มดำเนินการบางส่วนตามแผนงานที่กำหนดไว้ ซึ่ง สสล. รับผิดชอบดูแลต้นไม้บริเวณเกาะกลาง ตัดแต่งคัดเลือกพันธุ์ไม้ รวมถึงพิจารณาพื้นที่ตามความเหมาะสมในการปลูก ดูแล และบำรุงรักษาตามแผนการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี
กทม. กำชับผู้รับจ้างเร่งเยียวยาความเสียหายผู้ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างอาคารสำนักงานเขตลาดกระบัง
นายธวัชชัย นภาศักดิ์ศรี ผู้อำนวยการสำนักการโยธา (สนย.) กทม. กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานเขตลาดกระบังว่า จากการตรวจสอบความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ขณะนี้ได้สำรวจครบทุกหลังแล้ว โดยผลการซ่อมแซมและเยียวยาทาวน์โฮม จำนวน 16 หลัง ซ่อมแซมแล้วเสร็จ จำนวน 3 หลัง อยู่ระหว่างดำเนินการ 2 หลัง แล้วเสร็จร้อยละ 90 ส่วนผลการสำรวจรายการความเสียหายและวิธีการซ่อมแซมได้จัดทำแล้วเสร็จโดยผู้เชี่ยวชาญ แต่ผู้ที่ได้รับความเสียหายบางราย (ทาวน์โฮม 11 หลัง) ต้องการรายงานการวิเคราะห์ความเสียหายและวิธีการซ่อมจากหน่วยงานกลาง ซึ่งได้ประสานวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) เข้าดำเนินการแล้ว
จากการตรวจสอบพบว่า มีอาคารที่เสียหายหนักเชิงโครงสร้าง จำนวน 3 หลัง (ใน 11 หลัง) ผู้รับจ้างได้เจรจาขอชดเชยค่าซ่อมแซม ปัจจุบันอยู่ระหว่างการต่อรองราคา ส่วนบ้านพักอาศัย จำนวน 1 หลัง ได้เข้าตรวจสอบซ่อมแซมบางส่วนแล้ว ส่วนอะพาร์ตเมนต์คอนโดมิเนียม จำนวน 1 หลัง ความเสียหาย ได้แก่ ถังบำบัด เสาไฟ อาคารนิติบุคคล และถนน ได้เข้าซ่อมแซมถังบำบัดและเสาไฟที่เอียงแล้ว โดยถังบำบัด คาดว่า จะแล้วเสร็จภายในวันที่ 30 เม.ย. 67 และคงเหลืออาคารนิติบุคคลกับถนนที่ต้องดำเนินการสร้างใหม่ ขณะนี้รื้ออาคารนิติบุคคล เพื่อเทพื้นถนนใหม่แล้ว
ทั้งนี้ สนย. ได้ติดตาม ตรวจสอบ และกำชับผู้รับเหมาโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานเขตลาดกระบังให้ปฏิบัติตามมาตรฐานการก่อสร้างอย่างเคร่งครัด โดยกำชับผู้รับจ้างให้ปฏิบัติงานภายในเวลา 07.00 – 19.00 น. ยกเว้นหากมีงานต่อเนื่อง เช่น การเทคอนกรีต ขอให้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนบริเวณข้างเคียงทราบก่อน สำหรับมาตรการป้องกันฝุ่น ได้เร่งรัดให้ผู้รับจ้างติดผ้าใบกันฝุ่นรอบตัวอาคารให้ครบทั้ง 4 ด้านก่อนดำเนินการก่อสร้าง พร้อมทั้งหมั่นทำความสะอาดและเปิดสปริงเกอร์ลดฝุ่นตามมาตรการป้องกันฝุ่น PM2.5
กทม. เร่งช่วยเหลือชาวชุมชนพัฒนาใหม่ที่ประสบเหตุเพลิงไหม้ พร้อมปรับปรุงแผนเผชิญเหตุ เพิ่มประสิทธิภาพดับเพลิงในชุมชน
นายสุริยชัย รวิวรรณ รองผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (สปภ.) รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบสาเหตุเพลิงไหม้ในชุมชน การช่วยเหลือเยียวยาและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ผู้ประสบเหตุเพลิงไหม้ในชุมชนพัฒนาใหม่ว่า จากการตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชนภายในชุมชนพัฒนาใหม่ (คั่วพริก) ถนนสุนทรโกษา แขวง/เขตคลองเตย เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 67 ซึ่งเพลิงได้ลุกไหม้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย 15 หลังคาเรือน พื้นที่ประมาณ 244 ตารางวา โดยเบื้องต้น สปภ. ได้ร่วมกับสำนักงานเขตคลองเตยจัดตั้งศูนย์พักพิงให้กับผู้ประสบภัย พร้อมทั้งมอบเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีพในชีวิตประจำวัน จำนวน 28 ครอบครัว 74 ราย และให้คำแนะนำขั้นตอนการขอรับเงินช่วยเหลือจาก กทม.
ทั้งนี้ กทม. ได้เตรียมความพร้อมมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน โดยเฉพาะชุมชนที่มีบ้านเรือนอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น เข้าถึงยาก หรือมีข้อจำกัดทางกายภาพ โดยผู้บริหาร กทม. ได้ให้ความสำคัญและมีนโยบายให้สำนักงานเขตจัดทำแผนเผชิญเหตุอัคคีภัยในแต่ละชุมชน และกำหนดให้ฝึกซ้อมดับเพลิงและอพยพหนีไฟร่วมกับสำนักงานเขตและสถานีดับเพลิงและกู้ภัยในพื้นที่ รวมทั้งได้สนับสนุนเครื่องดับเพลิงยกหิ้วฯ ให้กับชุมชนไว้ป้องกันตนเองในเบื้องต้น แต่เนื่องจากปัจจุบันสภาพอากาศร้อนอบอ้าวทำให้การลุกลามของไฟเป็นไปอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม สปภ. ได้บูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วนสรุปบทเรียนจากเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้ เพื่อนำมาปรับปรุงแผนเผชิญเหตุและประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและกู้ภัยต่อไป รวมทั้งขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ ให้สำรวจตรวจตราอุปกรณ์ไฟฟ้า สายไฟภายในอาคารบ้านเรือน หากมีสภาพเก่า หรือชำรุดขอให้ซ่อมแซม หรือเปลี่ยนใหม่ให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานได้อย่างปลอดภัย ทั้งนี้ ประชาชนที่ประสบเหตุเพลิงไหม้ หรือสาธารณภัยอื่น ๆ สามารถแจ้งเหตุทางโทรศัพท์สายด่วน 199 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
กทม. ขออนุญาต กทพ. ปรับปรุงพื้นที่ใต้ทางด่วนแยกพงษ์พระรามเป็นสวนหย่อม
นางสาวสุขวิชญาณ์ นสมทรง ผู้อำนวยการเขตปทุมวัน กทม. กล่าวกรณีประชาชนเสนอแนะปรับปรุงพื้นที่บริเวณใต้ทางด่วนวัดดวงแข ใกล้หัวลำโพง เป็นสวนหย่อม และสถานที่ออกกำลังกายว่า พื้นที่ใต้ทางด่วนวัดดวงแข ใกล้หัวลำโพง เป็นพื้นที่ที่อยู่ในความรับผิดชอบของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) และบริเวณใกล้เคียงใต้ทางด่วนวัดดวงแขดังกล่าว มีลานกีฬา เพื่อให้บริการประชาชนอยู่แล้ว จำนวน 2 แห่ง คือ ลานกีฬาทองพูนและลานกีฬาจารุเมือง อีกทั้ง กทม. อยู่ระหว่างการขออนุญาตปรับปรุงเป็นสวนหย่อมบริเวณแยกพงษ์พระราม ซึ่งหากจะพัฒนา หรือปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณพื้นที่ใต้ทางด่วน จำเป็นต้องได้รับอนุญาตให้ใช้พื้นที่จาก กทพ. ก่อน อย่างไรก็ตาม สำนักงานเขตฯ ได้ดูแลรักษาความสะอาดทางเท้าบริเวณดังกล่าวเป็นประจำ รวมถึงกำชับเจ้าหน้าที่เทศกิจดูแลผู้ค้าหาบเร่แผงลอยบริเวณดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง