กทม. – นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวภายหลังประชุมหารือข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเส้นทางจักรยานและจักรยานไฟฟ้าว่า ได้ประชุมร่วมกับ นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล ผู้อำนวยการศูนย์นิติศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) คณะผู้บริหารสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) และตัวแทนจากกรมการขนส่งทางบก กองบังคับการตำรวจจราจร สำนักการโยธา สำนักเทศกิจ สำนักงานกฎหมายและคดี สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และตัวแทนจากภาคีจักรยานเมืองกรุงเทพฯ (BUCA)
นายศานนท์กล่าวว่า ในการประชุมดังกล่าวได้ร่วมพิจารณากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเส้นทางจักรยาน สิทธิการใช้จักรยาน บนถนน และสิทธิการใช้จักรยานบนทางเท้า ซึ่งจากข้อมูลที่ สำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) รายงานพบว่าการสำรวจ เส้นทางปั่นจักรยานของแต่ละเขต ในระยะทาง 10 กิโลเมตรนั้น เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยมีรูปแบบการใช้งานร่วมกัน ทั้งการใช้งานร่วมกับรถยนต์และการใช้งานร่วมกับคนเดินเท้า ซึ่งกทม. ได้ลดขนาดช่องจราจรลง และขีดสีตีเส้นกำหนดทางเท้าชั่วคราว เพื่อเพิ่มทางเลือกในการสัญจรแก่ประชาชน โดยนำร่องแล้ว 7 เส้นทาง ได้แก่ ถนนตะนาว ถนนดินสอ ถนนมหรรณพ ถนนบำรุงเมือง ซอยสำราญราษฎร์ ถนนราชบพิตร ถนนเฟื่องนคร
แต่กลับพบปัญหารถจอดไม่เป็นระเบียบ ทางเท้าแคบ หลายย่านยังจำเป็นต้องมีจุดจอดรถริมถนน และมีการสัญจรทางเท้าควบคู่ไปด้วย เช่น ถนนมหรรณพ แหล่งพาณิชยกรรม มีร้านอาหารจำนวนมาก หรือถนนราชบพิตร เป็นย่านที่มีโรงเรียนและตลาดตรอกหม้อ มักมีการตั้งสิ่งกีดขวางทางเท้า จึงต้องตีเส้นกำหนดจุดจอดและทางเท้าเพิ่มเติมเพื่อความปลอดภัย เนื่องจากมีนักเรียนและประชาชนเดินเท้าจำนวนมาก รวมถึงมีการกำหนดจุดห้ามจอด เช่น ถนนราชบพิตรเข้าถนนเฟื่องนคร บางช่วง ถนนแคบ ไม่มีทางเดินเท้า กทม.จึงยกเลิกจุดจอดเดิม เพื่อใช้เป็นทางเท้าทดแทน
นายศานนท์กล่าวว่า จากนี้ต้องมาศึกษาว่าเส้นทางใดบ้างที่มีการประกาศข้อบังคับเจ้าพนักงานจราจรไปแล้ว แต่กลับไม่มีความเหมาะสมในการใช้งาน จึงจะพิจารณายกเลิก ขณะเดียวกัน สจส.ต้องประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติก่อนเพื่อพิจารณาว่าเส้นทางใดที่จะประกาศข้อบังคับเจ้าพนักงานจราจร เพื่อทำให้เส้นทางจักรยานนั้นปลอดภัยและเป็นไปตามมาตรฐาน ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มอบหมายให้สจส.ไปประสานกับสำนักงานเขตทั้ง 50 เขต ในการกำหนดเส้นทางจักรยานในเขตพื้นที่รับผิดชอบก่อนเสนอตร. พิจารณา เพื่อให้การเกิดเส้นทางจักรยานที่สะดวกและปลอดภัยสำหรับคนกรุงเทพฯ ต่อไป
ที่มา: นสพ.ข่าวสด ฉบับวันที่ 1 เม.ย. 2567