มท.1 สั่งย้ำทุกผวจ. นำทีมลุยแก้ฝุ่น

ลงพื้นที่ด้วยตัวเอง48จังหวัดยังวิกฤต

มท.1 ‘อนุทิน’ ย้ำผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด ต้องลงพื้นที่นำแก้ฝุ่นพิษด้วยตัวเองตามข้อสั่งการนายกฯ ลดกิจกรรมต้นตอก่อมลพิษ เชียงดาวระดมดับไฟอีก พบจุดความร้อนในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ส่งจนท.ขึ้นดอยดับไฟ ด้านเขามะค่า เขตป่าสงวนฯ ครบุรี โคราช ส่งจนท.แบกเป้ขนน้ำขึ้นไปดับไฟบนภูสูงชัน หลังมีกลุ่มมือมืดลอบจุดไฟลุกลามเป็นแนวยาวกว่า 1 ก.ม. กำนันคาดน่าจะขึ้นมาหาของป่ากัน ช่วงนี้ผักหวานกำลังแตกยอดอ่อน วอนหยุดเผาป่าหาได้แล้ว ครั้งนี้รอบที่สาม รวมแล้วกว่าครึ่งพันไร่ จนท.ต้องขึ้น-ลงภูดับไฟจนเหนื่อยล้ามาก อีกทั้งป่าก็เสียหาย ต้องใช้เวลาฟื้นฟูอีกนาน

เมื่อวันที่ 16 ก.พ. น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย (มท.) กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูลรองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ได้มีข้อกำชับถึง ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศให้ความสำคัญลำดับต้นๆ กับการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่ขณะนี้ถือเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพของพี่น้องประชาชน และเรื่องนี้เป็นนโยบายที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.คลังให้ความสำคัญอย่างยิ่ง โดยนายอนุทินได้กำชับผู้ว่าฯ ทุกคนให้ช่วยเน้นลงพื้นที่ และสั่งการให้มีการลดการกระทำกิจกรรมใดๆ ที่ก่อให้เกิดมลภาวะฝุ่นพิษตามนโยบายและข้อสั่งการของนายกฯ ขอให้มีการออกมาตรการตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ให้เห็นเป็นรูปธรรม ว่าทาง มท.ได้ขับเคลื่อนเรื่องการป้องกันฝุ่นพิษอย่างจริงจัง โดยอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกำลังทำหนังสือเวียนเพื่อทำความเข้าใจและหลักปฏิบัติภายในวันเดียวกัน

น.ส.ไตรศุลีกล่าวว่า ที่ผ่านมานายอนุทินได้เป็นประธานประชุมมอบนโยบาย และติดตามการปฏิบัติราชการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยที่ อ.เมือง จ.เชียงราย โดยมีหัวหน้าส่วนราชการมท. หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทยประจำ จ.เชียงราย ผู้บริหารองค์กรส่วนท้องถิ่น (อปท.) และนายอำเภอทั้ง 18 อำเภอของ จ.เชียงราย เข้าร่วม โดยปัญหาฝุ่นละอองข้ามแดนเป็นหนึ่งในประเด็นที่นายอนุทินกำชับให้ผู้บริหารส่วนราชการในพื้นที่ให้ความสำคัญ เนื่องจากเป็นเรื่องเร่งด่วนและกำลังส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนมากขึ้นทุกปี

ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะรอง ผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (รอง ผอ.รมน.) เป็นประธานในพิธีวันคล้ายวันสถาปนากองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ณ กอ.รมน. (ส่วนกลาง) สวนรื่นฤดี โดยมีส่วนราชการ และหน่วยงานภาคีเครือข่าย เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง

พล.อ.เจริญชัยกล่าวถึงบทบาทการทำหน้าที่ของ กอ.รมน. และเรื่องที่นายเศรษฐา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการดำเนินการในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ว่า นายกฯ ได้กล่าวชมเชย จ.เชียงใหม่ ที่บูรณาการเรื่องป้องกันไฟป่า ซึ่งนายกฯ ในฐานะ ผอ.รมน.ได้มอบหมายให้ ผอ.รมน. ภาค 3 หรือแม่ทัพภาค 3 เป็นผู้บังคับบัญชาที่จะบูรณาการทุกหน่วยงาน ก็เป็นที่ประจักษ์ว่าปัจจุบันนี้งานต่างๆ ที่ทำใน จ.เชียงใหม่เป็นผล และเห็นเป็นรูปธรรม จึงให้เป็นแนวทางแก่ทุกภาคส่วนราชการ ว่าแต่ละงานต้องมีเจ้าภาพ ซึ่งแล้วแต่ว่าใครจะเป็น แต่ กอ.รมน.จะเป็นผู้ประสานงาน อำนวยการ และบูรณาการกับทุกภาคส่วนให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ส่วนจังหวัดกาญจนบุรี ที่นายกฯ มีความเป็นห่วง ทั้งเรื่องของจุดความร้อนที่เพิ่มขึ้น และปัญหาของเถื่อนต่างๆ นั้น พล.อ.เจริญชัยกล่าวว่า ทราบว่าที่ จ.กาญจนบุรีได้ดำเนินการคู่ขนานกันไป เพียงแต่บางอย่างไม่ได้ขับเคลื่อนเป็นไปตามเป้าหมาย แต่ ผวจ.และส่วนราชการในพื้นที่ได้ร่วมมือกัน ประสานกับพื้นที่ใกล้เคียง และไปถึงประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งต้องใช้ความพยายามต่อไป

พล.อ.เจริญชัยกล่าวว่า นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังสั่งการบังคับบัญชา และมอบนโยบายให้ กอ.รมน. เป็นไปในแนวทางเดียวกับที่รัฐบาลขับเคลื่อน ใช้กลไก กอ.รมน.ดำเนินการ ทุกคนก็จะเห็นผลงานเป็นที่ประจักษ์ และวันที่ 19 ก.พ.นี้ นายกฯ จะไปมอบที่ดินให้กับประชาชนที่ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี ซึ่งจะเป็นต้นแบบให้กับโครงการต่อๆ ไป

วันเดียวกัน กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์ประจำวันว่า ฝุ่นละอองในระยะนี้ ประเทศไทยตอนบนมีการสะสมของฝุ่นละออง หมอกควันอยู่ในเกณฑ์ปานกลางถึงสูง เนื่องจากลมที่พัดปกคลุมมีกำลังอ่อน นอกจากนี้ จากบริเวณ ความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง ทำให้ประเทศ ไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้นอีกเล็กน้อย กับมีหมอกในตอนเช้า และมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยภาคเหนือยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้า ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางมีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง รวมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอก ขณะที่ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคกลางตอนล่าง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงที่อาจจะเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย

สำหรับลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 1 เมตร ห่างฝั่งและบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองด้วย

ส่วนสถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่ต่างๆ ที่สถานีควบคุมไฟป่าเชียงดาวรายงานสถานการณ์การเกิดไฟป่า วันเดียวกัน ว่า ได้รับแจ้งจากวอร์รูม สบอ.16 (เชียงใหม่) ส่งรายงานจุดความร้อน (Hotspot) ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ เวลา 01.47 น. พบจุดความร้อนในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ จำนวน 2 จุด ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว บริเวณบ้านหัวทุ่ง หมู่ 14 ต.เชียงดาว อ.เชียงดาว ซึ่งเป็นกลุ่มไฟบริเวณเดียวกัน จึงเข้าตรวจสอบและดับไฟ

ขณะที่ จ.นครราชสีมา ได้เกิดเหตุไฟป่าขึ้นที่บริเวณเขามะค่า ซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าครบุรี ท้องที่บ้านตะกุดใหญ่ ต.โคกกระชาย อ.ครบุรี ทางนายละเอียด ห้ากระโทก กำนันตำบลโคกกระชาย จึงนำกำลังอาสาสมัครป้องกันควบคุมไฟป่า จิตอาสา สนธิกำลังร่วมกับทางเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่านคร นม.6 กว่า 50 นายเข้าดับไปอย่างเร่งด่วน พร้อมประสานรถดับเพลิงจากองค์การบริหารส่วนตำบลโคกกระชายให้การช่วยเหลืออีกทางหนึ่ง

ด้วยความที่สภาพพื้นที่เขามะค่านั้นเป็นภูเขาสูงชัน เป็นป่าไผ่ผสมกับป่าหนาม จึงทำให้การเข้าระงับเพลิงทำได้ลำบาก จึงต้องให้วิธีให้คนแบกเป้บรรจุ น้ำขึ้นไปดับบนภูเขาและใช้รถดับเพลิงฉีดน้ำเลี้ยงสกัดด้านล่าง จำกัดพื้นที่ให้ไฟอยู่ในวงจำกัดไม่ลุกลามเพิ่มเติม โดยไฟได้ลุกลามตามแนวเขาระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลานานกว่า 4 ชั่วโมงจึงสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ในที่สุด

นายละเอียด กำนันตำบลโคกกระชาย กล่าวว่า ไฟป่าที่เขามะค่าครั้งนี้เกิดขึ้นครั้งที่ 3 แล้วในรอบสัปดาห์ ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อกลางดึกวันที่ 9 ก.พ. บนยอดเขามะค่าทางด้านทิศตะวันตก สร้างความเสียหายให้กับพื้นที่ป่านับ 500 ไร่ ต่อมาเกิดขึ้นบนยอดเขาด้านทิศใต้เมื่อวันที่ 12 ก.พ. เสียหายอีกกว่า 100 ไร่ และล่าสุดเป็นยอดเขาด้านทิศตะวันออก คาดว่าน่าจะมีพื้นที่เสียหายเพิ่มอีก 10 ไร่ สาเหตุน่าจะมาจากการลักลอบจุดไฟเผาป่าเพื่อหาของป่า โดยเฉพาะผักหวานที่กำลังจะแตกยอดอ่อนในช่วงนี้ จึงอยากวิงวอนให้คนกลุ่มนี้หยุดพฤติกรรมเสีย เพราะตอนนี้เจ้าหน้าที่เหนื่อยล้ากันมาก และความเสียหายที่เกิดขึ้นกับพื้นที่ป่าก็ได้รับความเสียหายจำนวนมากเช่นกัน ซึ่งต้องใช้เวลาอีกนานในการฟื้นฟู

ด้านสถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี โดยดาวเทียม SUOMI NPP ระบบ VIIRS ตรวจพบจุดความร้อนในพื้นที่ จำนวน 96 จุด ประกอบด้วยพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ 50 จุด เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ 7 จุด อุทยานแห่งชาติไทรโยค 10 จุด อุทยานแห่งชาติลำคลองงู 11 จุด เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก 12 จุด อุทยานแห่งชาติเอราวัณ 3 จุด และเขตห้ามล่าสัตว์ป่าศรีสวัสดิ์ 3 จุด

ขณะที่นายอุทัย ขันทอง รักษาการหัวหน้าปภ.กาญจนบุรี ได้รายงานสถานการณ์ไฟป่า ตั้งแต่วันที่ 10-15 ก.พ. และการดำเนินการเข้าดับไฟ ให้ร.ท.ทศพล ไชยโกมินทร์ ผวจ.กาญจนบุรี ทราบ ตั้งแต่วันที่ 10-15 ก.พ. ว่า ตลอด 6 วันที่ผ่านมา ปภ.ได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รุ่น KA-32 ที่มีประสิทธิภาพสูง จำนวน 1 ลำ มาร่วมปฏิบัติการดับไฟป่ากับเฮลิคอปเตอร์จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่มีอยู่อีก 1 ลำ โดยวันที่ 15 ก.พ.เฮลิคอปเตอร์ ทส.ได้บินทิ้งน้ำดับไฟป่าบริเวณป่าอนุรักษ์พื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ และอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ รวม 11 เที่ยว เที่ยวละ 500 ลิตร ได้ปริมาณน้ำ จำนวน 5,500 ลิตร บินทิ้งน้ำสะสม 42 เที่ยวบิน ได้ปริมาณน้ำ 21,000 ลิตร ภายใน 6 วัน ฮ.บินทิ้งน้ำสะสม 54 เที่ยว ได้ปริมาณน้ำดับไฟป่า สะสม 162,000 ลิตร โดยมีเจ้าหน้าที่ชุดเสือไฟเดินเท้าเข้าดับไฟป่าภาคพื้นดิน 100 นาย

ส่วนเจ้าหน้าที่ชุดเสือไฟเข้าควบคุมจุดความร้อน จำนวน 2 ชุดใหญ่ รวม 260 นาย การปฏิบัติภารกิจเข้าดับไฟป่าภาคพื้นดินเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากสภาพพื้นที่เป็นป่าและภูเขาสลับซับซ้อน อีกทั้งเจ้าหน้าที่พบกับช้างป่า ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเพิ่มความระมัดระวังเพิ่มขึ้น โดยวันเดียวกันจะออกปฏิบัติภารกิจดับไฟป่าเหมือน ทุกวันที่ผ่านมา

ด้านนายวสันต์ สุนจิรัตน์ กำนันตำบลช่องสะเดา อ.เมือง จ.กาญจนบุรี กล่าวว่า เวลา 18.00 น. วันที่ 15 ก.พ.ตนพร้อมด้วยนางละออ ภู่ประดิษฐ์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 บ้านท่าทุ่งนา ตำบลช่องสะเดา ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบช้างป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระเป็นจำนวนมากออกมาเล่นน้ำในฝายของหมู่บ้านในพื้นที่ หมู่ 5 ต.ช่องสะเดา ดังนั้นจึงรีบไปตรวจสอบเพื่อเฝ้าระวัง เมื่อไปถึงพบช้างป่าประมาณ 30 ตัว กำลังลงเล่นน้ำเพื่อคลายความร้อนจากอากาศและความร้อนที่เกิดจากไฟป่าอยู่ โดยฝายที่ช้างป่าเล่นน้ำอยู่ห่างจากหมู่บ้านเพียงแค่ประมาณ 200 เมตร เท่านั้น ดังนั้นตนจึงรีบประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านระมัดระวังตัวหากไม่จำเป็นอย่าออกจากบ้านโดยเด็ดขาดโดยเฉพาะเด็กและคนชรา เพราะเกรงว่าทุกคนอาจจะได้รับอันตราย เนื่องจากสภาพอากาศอาจทำให้ช้างป่ามีอาการหงุดหงิดได้ง่าย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเดียวกัน สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมจังหวัดกาญจนบุรี ได้รายงานสถานการณ์คุณภาพอากาศของจังหวัดกาญจนบุรี ประจำวันที่ 16 ก.พ. โดยสถานีตรวจวัด ต.บ้านเหนือ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี วัดค่าฝุ่นพีเอ็ม2.5 ได้ 117.0 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศมีผลกระทบต่อสุขภาพ แนะนำให้ประชาชนชาวกาญจนบุรีทุกคนควรหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีมลพิษทางอากาศสูง และหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง ควรสวมใส่หน้ากากกันฝุ่น

สำหรับจุดความร้อน ที่พบในพื้นที่จ.กาญจนบุรี วันเดียวกัน พบ 352 จุด อยู่ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 195 จุด ป่าสงวน 77 จุด เขต ส.ป.ก.5 จุด พื้นที่เกษตร6 ริมทางหลวง 2 จุด และพื้นที่อื่นๆ 67 จุด

ด้านศูนย์สื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ ทส. รายงานการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศภาพรวมปริมาณฝุ่นพีอ็ม 2.5 ว่า พบเกินค่ามาตรฐานใน 48 จังหวัด รวมกรุงเทพฯ จ.ปทุมธานี จ.นนทบุรี จ.นครปฐม จ.สมุทรสาคร จ.สมุทรปราการ จ.เชียงราย จ.น่าน จ.พะเยา จ.ลำพูน จ.ลำปาง จ.แพร่ จ.อุตรดิตถ์ จ.สุโขทัย จ.พิษณุโลก จ.ตาก จ.กำแพงเพชร จ.พิจิตร จ.เพชรบูรณ์ จ.นครสวรรค์ จ.อุทัยธานี จ.ชัยนาท จ.สิงห์บุรี จ.ลพบุรี จ.สระบุรี จ.สุพรรณบุรี จ.พระนคร ศรีอยุธยา จ.กาญจนบุรี จ.ราชบุรี จ.สมุทรสงคราม จ.เพชรบุรี จ.นครนายก จ.ปราจีนบุรี จ.สระแก้ว จ.ฉะเชิงเทรา จ.ระยอง จ.หนองคาย จ.เลย จ.อุดรธานี จ.หนองบัวลำภู จ.มุกดาหาร จ.ขอนแก่น จ.กาฬสินธุ์ จ.ชัยภูมิ จ.ยโสธร จ.นครราชสีมา จ.บุรีรัมย์ และ จ. สุรินทร์ โดยค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่าฝุ่นไม่เกิน 37.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.)

ภาคเหนือ เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 15.3 – 84.9 มคก. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 26.9 – 67.6 มคก. ภาคกลางและตะวันตก เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 34.0 – 120.2 มคก. โดยพื้นที่ต.ย่านซื่อ อ.เมือง จ.อ่างทอง มีค่าฝุ่นสูงสุดในไทย ภาคตะวันออก เกินค่ามาตรฐาน 5 พื้นที่ ตรวจวัดได้ 24.8 – 69.5 มคก.

ภาคใต้ ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดี ตรวจวัดได้ 12.8 – 24.9 มคก.

ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยสถานีตรวจวัดของ คพ. ร่วมกับ กทม. เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 13.2 – 64.8 มคก.

สำหรับผลการคาดการสถานการณ์ฝุ่นละออง 7 วันข้างหน้า ระหว่างวันที่ 17- 23 ก.พ.พื้นที่กทม. ปริมณฑล และ 17 จังหวัดภาคเหนือ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นระหว่างวันที่ 17-18 ก.พ. ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นระหว่างวันที่ 17-20 ก.พ. ภาคตะวันออก มีแนวโน้มลดลงระหว่างวันที่20-23 ก.พ. ส่วนภาคใต้ ดีอย่างต่อเนื่อง

ที่ศาลาว่าการกทม. น.ส.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยว่า กทม. จากสถานการณ์ผู้ป่วยที่เข้ารับบริการที่คลินิกมลพิษทางอากาศ ทั้ง 8 แห่ง ระหว่าง วันที่ 1 – 14 ก.พ. พบว่ามีจำนวนผู้ป่วยรวม 113 ราย เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกันมากกว่าร้อยละ 100 โดยพื้นที่ที่มีผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบสูงสุดที่เขตบางคอแหลม รองลงมา ได้แก่ หนองแขม บางแค หนองจอก ยานนาวา และบางขุนเทียน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับผล กระทบจากค่าฝุ่นสูงเกินมาตรฐานมาอย่างต่อเนื่อง

 

บรรยายใต้ภาพ

ไฟป่า จนท.เร่งดับไฟป่าจำนวนหลายจุดในจ.เชียงใหม่ โดยพบจุดความร้อนในอ.ฮอด อ.เชียงดาว อ.สันป่าตอง อ.อมก๋อย และ อ.แม่แจ่ม ส่วนใหญ่เป็นเขตป่าอนุรักษ์ ป่าสงวนแห่งชาติ และ พื้นที่ส.ป.ก. เมื่อวันที่ 16 ก.พ.

 



ที่มา:  นสพ.ข่าวสด ฉบับวันที่ 18 ก.พ. 2567 (กรอบบ่าย)

แชร์ข่าว:
กรุงเทพฯ มีอะไร อัพเดทข่าวสารฉับไว กิจกรรมที่น่าสนใจ และมีส่วนร่วมได้ รวมไว้ให้ที่นี่

©2022 สงวนลิขสิทธิ์ กรุงเทพมหานคร

สำนักงานประชาสัมพันธ์ สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร 173 ถนนดินสอ แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กทม. 10200