(7 ก.พ. 67) เวลา 16.00 น. : นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมกิจกรรมสนับสนุน “โครงการ รถคันนี้ #ลดฝุ่น” ซึ่งเป็นโครงการที่กรุงเทพมหานครร่วมกับบีทีเอส กรุ๊ป จัดขึ้น เพื่อเชิญชวนให้ประชาชนตรวจสอบสภาพรถยนต์ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง หรือไส้กรอง เพื่อลดฝุ่น PM2.5 ร่วมกันขับเคลื่อนสร้างเมืองสู่เศรษฐกิจสีเขียว โดยมี นายดาเนียล รอสส์ ผู้อำนวยการใหญ่สายการลงทุน และหัวหน้าฝ่ายพัฒนาเพื่อความยั่งยืน บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) นายพรพรหม วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารด้านความยั่งยืนของกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และผู้ที่เกี่ยวข้อง ร่วมพิธี ณ สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ห้าแยกลาดพร้าว
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานคร ขอบคุณ บีทีเอส กรุ๊ป ที่เข้าร่วมโครงการ “รถคันนี้#ลดฝุ่น” เป็นโครงการที่จะช่วยกันลดฝุ่น PM 2.5 ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งจริงๆ แล้วในกรุงเทพมหานครแหล่งกําเนิดหลักมาจากรถยนต์โดยเฉพาะรถยนต์ดีเซลเก่า ดังนั้นเราก็มักจะคิดว่า รถควันดําเท่านั้นที่ปล่อยฝุ่น PM2.5 แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ รถดีเซลหรือรถเบนซินถ้าได้รับการบํารุงรักษาที่ไม่ดีก็ปล่อยฝุ่น PM2.5 ถึงแม้ว่าจะผ่านการตรวจควันดําก็ตาม เรามีการทดสอบพบว่าถ้ามีการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง เปลี่ยนไส้กรองที่เหมาะสมสามารถลดฝุ่น PM2.5 ได้มากกว่า 50% ดังนั้นเพื่อเป็นการกระตุ้นให้คนไปเปลี่ยนกันจึงมีแคมเปญ “รถคันนี้#ลดฝุ่น“ ซึ่งมีหน่วยงานที่มาร่วมกันมากมายอย่างเช่นบริษัทน้ำมัน อาทิ ปตท. บางจาก เชลล์ ด้านบริษัทรถยนต์ อาทิ อีซูซุ นิสสัน โตโยต้า โดยมีส่วนลดในการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง เปลี่ยนไส้กรอง สำหรับการสนับสนุนครั้งนี้ บีทีเอส ให้ส่วนลดพิเศษเป็นบัตรกํานัล 100 บาท สามารถนำไปเติมในบัตรแรบบิท ใช้โดยสารรถไฟฟ้าหรือร้านค้าที่ร่วมรับบัตรแรบบิทได้ทั้งหมด
ทั้งนี้ เรามีเป้าหมายภายในวันที่ 29 ก.พ.67 จะมีรถเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง 300,000 คัน เชื่อว่าจะลดฝุ่นได้อย่างมาก ขณะนี้ผ่านมาประมาณ 1 เดือนกว่า เปลี่ยนไปแล้วประมาณ 168,000 คัน ก็ถือว่าทะลุเป้าที่คาดการณ์ไว้ คาดว่าสิ้นเดือนนี้น่าจะได้ 300,000 คัน หรืออาจจะมากกว่า เรื่องฝุ่นเป็นปัญหาไม่ใช่เรื่องสิ่งแวดล้อมอย่างเดียวเป็นปัญหาเชิงเศรษฐกิจด้วย หลายๆ อย่างของการปล่อยฝุ่นมาจากต้นทุนทางเศรษฐกิจ เพราะฉะนั้นถ้าเราช่วยลดต้นทุนในการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ให้มีแรงจูงใจคนที่เข้ามาช่วยลดฝุ่นแบบสมัครใจ ก็เป็นมาตรการที่ต้องช่วยกันทํา
นับเป็นนิมิตรหมายที่ดีที่ทุกคนมาร่วมมือกันเพราะเรื่องฝุ่นไม่ใช่เรื่องของคนใดคนหนึ่ง ทุกคนมีส่วนในการปล่อยฝุ่น PM2.5 เข้าสู่บรรยากาศหรือสิ่งแวดล้อมเหมือนกันต้องขอบคุณบีทีเอส และหวังว่าในอนาคตจะมีคนที่เข้ามาร่วมโครงการนี้เพิ่มเติม
นายดาเนียล รอสส์ กล่าวว่า บีทีเอส กรุ๊ปฯ รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่ง
ของโครงการนี้ และมั่นใจว่าเป็นประโยชน์ต่อคนกรุงเทพมหานครอย่างแน่นอน นอกจากการประกอบธุรกิจรถไฟฟ้าบีทีเอสแล้ว บริษัทฯ ยังมีการให้บริการธุรกิจขนส่งสาธารณะอื่น ๆ ได้แก่ รถบัส เรือด่วนเจ้าพระยา และล่าสุดที่ได้มีการเปิดตัวรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า Pinto ฯลฯ โดยบริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับการดูแลสังคม และสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการประกอบธุรกิจตามหลักธรรมาภิบาลที่ดี นับตั้งแต่การเปิดให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอสในปี 2542 เป็นต้นมา บีทีเอสได้ช่วยให้ผู้โดยสารมีส่วนร่วมในการหลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโลกร้อน ไปแล้วกว่า 2.1 ล้านตัน
คาร์บอนไดออกไซด์ เทียบเท่าจากการเดินรถไฟฟ้าจำนวนกว่า 4,000 ล้านเที่ยว ซึ่งเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ จำนวน 222 ล้านต้น ซึ่งบริษัทยังเป็นบริษัทขนส่งทางรางแห่งแรก และแห่งเดียวที่เป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) และในฐานะที่บีที่เอส กรุ๊ปฯ เป็นบริษัทขนส่งที่ยั่งยืนที่สุดในโลก เรามุ่งมั่นที่จะสนับสนุนทุกการเดินทางที่ยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางด้วยรูปแบบใดก็ตาม
สำหรับข้อกำหนด และเงื่อนไขการแลกรับบัตรกำนัล มีดังนี้ 1. เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง หรือไส้กรองกับภาคีที่เข้าร่วมโครงการ ได้แก่ Auto1, FIT Auto, Bangchak, Shell, PT, Autobacs, Cockpit, B-Quik, LIQUI MOLY, Hino, Toyota, Suzuki, Nissan, Mitsubishi Motors, Isuzu, Honda, Ford, Mazda 2. ผู้โดยสารนำใบเสร็จฉบับจริงของภาคีที่เข้าร่วมโครงการนี้มาแสดงที่ห้องจำหน่ายบัตรโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสที่เข้าร่วมโครงการ 5 สถานี ได้แก่ สถานีหมอชิต, สถานีช่องนนทรี, สถานีสยาม, สถานีอโศก และสถานีห้าแยกลาดพร้าว 3. ใบเสร็จลงวันที่ 18 ธ.ค. 66 – 29 ก.พ.67
ทั้งนี้ ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการสามารถนำใบเสร็จการตรวจสอบสภาพรถ จากภาคีที่เข้าร่วมโครงการ มาแลกรับบัตรกำนัลมูลค่า 100 บาท ได้ที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส 5 แห่งที่เข้าร่วมโครงการ เริ่มตั้งแต่วันนี้ถึง 31 มี.ค.67 หรือจนกว่าบัตรกำนัลจะหมด
————