พณ.ดันซีรีส์วายซอฟต์พาวเวอร์หมื่นล้าน จับมือ ‘Be On Cloud’ หนึ่งใน ค่ายผู้ผลิตสู่ตลาดโลกคิกออฟ 31 ม.ค.นี้ รัฐบาลเอ็มโอยูกทม.โครงการต้นกล้ามวยไทยนำร่องสอน 20 โรงเรียน
ดันซีรีส์วายซอฟต์พาวเวอร์หมื่นล.
เมื่อวันที่ 29 มกราคม แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยถึงความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์ กับ Be On Cloud หนึ่งในค่ายผู้ผลิตซีรีส์ ในวันที่ 31 มกราคมนี้ ที่กระทรวงพาณิชย์ ซีรีส์วายถือเป็นเครื่องมือช่วยส่งเสริมและยกระดับสินค้าไทยสู่ตลาดโลก ตามแนวคิดขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ไทยสู่ตลาดโลก ผ่านการส่งเสริมการใช้สินค้าและบริการ ในงานสร้างสรรค์และบันเทิง โดยเฉพาะตลาดภาพยนตร์ไทยที่ผลักดันออกสู่ตลาดโลกต่อปี ทำรายได้เข้าประเทศไม่น้อยกว่า 5 พันล้านบาท และในนั้นเป็นแนวซีรีส์วายประมาณ 1 พันล้านบาท หากรวมกับการเป็นที่รู้จักในสินค้าและบริการไทยผ่านภาพยนตร์ของคนไทยที่ไปต่างประเทศ หรือผู้สร้างต่างประเทศมาใช้สถานที่ สินค้า หรือบริการ เป็นส่วนในเนื้อหาของภาพยนตร์นั้นๆ และยังเป็นการต่อยอดถึงสินค้าที่หลากหลาย ทั้งอาหาร เสื้อผ้า แฟชั่น สถานที่ท่องเที่ยว เป็นต้น คาดว่าจะสร้างมูลค่าโดยตรงและโดยอ้อม คิดเป็นมูลค่าอาจถึง 1 หมื่นล้านบาท
“ความร่วมมือระหว่างกันในวันที่ 31 มกราคมนี้ เป็นการคิกออฟ ดึงบันเทิงภาพยนตร์มาผนวกกับโครงการซอฟต์พาวเวอร์ ไม่แค่ค่าย Be On Cloud ตอนนี้มีผู้ผลิตภาพยนตร์และกลุ่มความบันเทิงไทยจะเข้าโครงการอีกจำนวนมาก จะเปิดตัวในระยะถัดไป เหมือนอินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) ให้กับการโปรโมตและผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ไทย เชื่อว่าหลังการเปิดตัวและเพิ่มจำนวนผู้เข้าโครงการจะช่วยให้สินค้า บริการ หรือสถานที่ไทยเป็นที่รู้จักและสร้างรายได้เข้าประเทศอีกหลายเท่าตัวจากนี้” แหล่งข่าวกล่าวพณ.ชี้ไทยเจ้าแรกจัดฟอรั่มฯ
แหล่งข่าวยังกล่าวถึงการจัดงานประชุมนานาชาติด้านซอฟต์เพาเวอร์ (Soft Power Forum) ช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคมนี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ มอบหมายให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศรับผิดชอบเวทีหลัก ว่า เป้าหมายเพื่อแสดงศักยภาพไทยในทุกมิติ เตรียมเชิญผู้นำจากทั่วโลกในแต่ละวงการ หรือนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จระดับแนวหน้าของโลกมาร่วมงาน ให้รับรู้แนวคิดและนโยบายของไทยต่อการขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ไทยสู่ตลาดโลก เน้นให้เกิดการสร้างความคิดสร้างสรรค์ และครีเอทีฟที่ผนวกเรื่องความเป็นไทยเข้าไปด้วย ไม่อาจระบุในเวลานี้ได้ว่าจะเป็นรูปแบบใดและเชิญใครบ้าง แต่คงมุ่งใน 11 กลุ่มเป้าหมายตามที่คณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์กำหนดไว้
“ไทยน่าจะเป็นประเทศแรกของโลกที่จะจัดฟอรั่มแสดงศักยภาพด้านซอฟต์พาวเวอร์แบบภาพรวมประเทศ ก่อนหน้านี้จะเป็นการโปรโมตเฉพาะกลุ่ม อย่างอังกฤษ เน้นทำการตลาดและส่งเสริมการค้า แต่เราจัดใหญ่ระดับประเทศที่มีรัฐบาลให้การสนับสนุน ทั้งนี้ ในการประชุมคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์ในต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ก็จะหารือกันอีกครั้ง น่าจะชัดเจนในเรื่องรูปแบบก่อนลงในรายละเอียด” แหล่งข่าวกล่าวรบ.เอ็มโอยูกทม.’มวยไทย’
ที่ห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) นายพิมล ศรีวิกรม์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านกีฬา เป็นประธานในพิธีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเชิงปฏิบัติการ “โครงการต้นกล้ามวยไทย” โดยมีนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) และนาย ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เป็นผู้ลงนามร่วมกัน
สำหรับพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเชิงปฏิบัติการ “โครงการต้นกล้ามวยไทย” ในครั้งนี้ เป็นไปตามโรดแมปข้อตกลงระหว่างกรุงเทพมหานครกับการกีฬาแห่งประเทศไทย เพื่อเป็นการส่งเสริม สนับสนุน พัฒนากีฬามวยไทยให้เป็นเอกลักษณ์ของชาติที่มั่นคงและยั่งยืน ตลอดจนเพื่อเป็นการสร้างฐานกีฬามวยไทยให้เป็นที่นิยม และเข้มแข็งสู่อนาคตด้วยกลไกการขับเคลื่อนมวยไทยในสถานศึกษาและชุมชนท้องถิ่น โดยการกีฬาแห่งประเทศไทยจะดำเนินงานในด้านการเรียนการสอนมวยไทยในโรงเรียนระดับชั้นประถมศึกษาและระดับมัธยมศึกษา ด้วยการส่งครูมวยไทยที่จบหลักสูตรมาตรฐานผู้ฝึกสอนกีฬามวยไทย ทำการฝึกสอนมวยไทยขั้นพื้นฐานในโรงเรียนที่สนใจเข้าร่วมโครงการ เป็นการพัฒนามาตรฐานทางด้านกีฬามวยไทยระดับพื้นฐานไปสู่เยาวชนของชาติ และเป็นการต่อยอดอาชีพครูมวยไทยที่จบหลักสูตรมาตรฐานผู้ฝึกสอนกีฬามวยไทยให้สามารถสร้างอาชีพได้ต่อไป
นายพิมลกล่าวว่า โครงการต้นกล้ามวยไทย เกิดขึ้นจากนโยบายด้านซอฟต์พาวเวอร์ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก กทม.เป็นอย่างดี มีการคุยกันแค่ไม่ถึง 10 วัน ก็บรรลุเป้าหมายแล้ว คาดว่าจะคิกออฟได้ในเดือนพฤษภาคมหรือเทอมแรกของการเรียนปีการศึกษาหน้า ทางคณะอนุกรรมการจะเตรียมครูมวยและอุปกรณ์ให้ ส่วนทางโรงเรียนก็เตรียมเรื่องของสถานที่ไป นอกเหนือจากนี้ยังเป็นการสร้างรายได้ให้กับครูมวย เพราะเริ่มต้นจะต้องมีการจ้างครูมวยอย่างน้อย 20 คน และจะมีเพิ่มอีกในอนาคต อีกทั้งนักเรียนเหล่านี้อนาคตก็สามารถต่อยอดขึ้นมาเป็นนักมวยหรือครูมวยในอนาคตได้ หวังว่าจะได้ช่วยกันผลักดันให้มันเกิดขึ้นจริงในอนาคต
“สิ่งที่คาดหวังคืออยากจุดประกายให้นักเรียนในโรงเรียนมีโอกาสเข้าถึงมวยไทย ไม่ใช่แค่เตะต่อยกัน ต้องเข้าใจวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และจริยธรรมของมวยไทยด้วย ไม่ใช่แค่เก่งแต่หมัดมวยเท่านั้น ต้องมีจริยธรรมและมีค่านิยมที่ดี” นายพิมลกล่าวสอนใน20ร.ร.กทม.นำร่อง
นายชัชชาติกล่าวว่า ทาง กทม.ได้ทำเอ็มโอยูเรื่องของต้นกล้ามวยไทยร่วมกับ กกท.ในการผลักดันมวยไทยเป็นซอฟต์พาวเวอร์ จะต้องปลูกฝังตั้งแต่ระดับเยาวชนให้เข้าใจสปิริตของมวยไทย ซึ่งครั้งนี้นับว่าเป็นรูปธรรมมากขึ้น กทม.มี 437 โรงเรียน ดังนั้น 20 โรงเรียนนี้จะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น จะมีการขยายผลต่อไปในอนาคต
“ซอฟต์พาวเวอร์นั้นถือเป็นเรื่องสำคัญ เป็นการใช้ศิลปวัฒนธรรมประจำชาติในการดึงดูดโน้มน้าวใจให้คนมาสนใจ มวยไทยก็ถือเป็นซอฟต์พาวเวอร์อย่างหนึ่ง โครงการนี้จะช่วยหล่อหลอมจิตวิญญาณมวยไทยให้อยู่คู่กับเยาวชนไทยทุกคน” นายชัชชาติกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การผลักดันโครงการนี้จะช่วยการลดปัญหานักเรียนตีกันในโรงเรียนได้หรือไม่นั้น ผู้ว่าฯกทม.กล่าวว่า การให้เด็กได้ออกกำลังกายและปลูกฝังเรื่องการรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัยไปด้วย น่าจะช่วยให้เด็กๆ หายเครียด และรักกันมากขึ้น น่าจะช่วยลดปัญหาการตีกันได้
นายชัชชาติกล่าวในตอนท้ายว่า สำหรับ 20 โรงเรียนเริ่มต้น จะเลือกในส่วนที่เป็นโรงเรียนมัธยมก่อน แล้วค่อยขยายผลต่อในระดับประถมต่อไป
นายก้องศักดกล่าวว่า ทาง กกท.มีพันธกิจในการพัฒนากีฬาโดยใช้มวยไทย ซึ่งโชคดีที่รัฐบาลให้การสนับสนุนมวยไทยเป็นซอฟต์พาวเวอร์และผลักดันนโยบายนี้ขึ้นมา ดีใจอย่างยิ่งที่โครงการนี้ได้เกิดขึ้น ทาง กกท.มีความพร้อมอยู่แล้ว เพราะเรามีไลเซนส์ของครูมวย ที่จะสร้างมาตรฐานครูมวยที่จะทำงานร่วมกับ กทม. จะเป็นครูมวยที่มีคุณภาพ สอนเด็กๆ ในเรื่องของพื้นฐานและประเพณีต่างๆ ของมวยไทยได้
“ครั้งนี้นับเป็นความสำคัญเป็นความก้าวหน้าของคณะกรรมการ ที่จะได้ร่วมมือกับ กทม.นำร่องโครงการนี้ ไม่ใช่แค่กว่า 400 โรงเรียนใน กทม. แต่จะต้องขยายผลไปทั่วประเทศ สะท้อนให้เห็นว่าให้ความสำคัญเรื่องมวยไทยตั้งแต่เด็กๆ” ผู้ว่าการ กกท.กล่าว
บรรยายใต้ภาพ
เซ็นเอ็มโอยู – นายพิมล ศรีวิกรม์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านกีฬา เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเชิงปฏิบัติการ “โครงการต้นกล้ามวยไทย” โดยมีนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. และ นายก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ลงนามร่วมกัน ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 29 มกราคม
ที่มา: นสพ.มติชน ฉบับวันที่ 31 ม.ค. 2567 (กรอบบ่าย)