Search
Close this search box.
โดนไถเงินปมม.2 แทงเพื่อน

แล้วยังถูกทำร้ายสะสมตร.สอบสวนต่อหน้าแม่

แค้นโดนไถ-ทำร้าย ด.ช.วัย 14 เปิดปากปมกะซวกเพื่อนร่วมชั้นม.2 ดับสยองคาโรงเรียนกลางเมืองหลวง แต่ต้องรอผลสอบสวนจากทีมสหวิชาชีพก่อน ผู้ว่าฯ กทม.รุดที่เกิดเหตุประชุมร่วมผอ.-ตร. ยืนยันโรงเรียนมีมาตรการ ตรวจอาวุธเข้มข้นคาดลักลอบนำเข้ามาซุกซ่อนไว้ล่วงหน้า เผยเด็กที่ก่อเหตุเป็นคนเงียบขรึมไม่ค่อยสุงสิงพูดคุยกับเพื่อน ผู้ปกครองนักเรียนอื่นผวาเตรียมย้ายที่เรียนให้บุตรหลาน

เมื่อเวลา 08.40 น. วันที่ 29 ม.ค. ร.ต.อ.พยัฆสยาม ผู้มีสัตย์ รอง สว.สอบสวน สน.คลองตัน รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาท โดยใช้อาวุธมีดแทงเพื่อนนักเรียนได้รับบาดเจ็บ ภายในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ในพื้นที่แขวงและเขตสวนหลวง กรุงเทพฯ จึงรายงานผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น ก่อนนำกำลังรุดไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.วิทวัส ชินคำ ผบก.น.5 พ.ต.อ.วชิรากรณ์ วงศ์บุญ ผกก.สน.คลองตัน ผกก.สน.คลองตัน พ.ต.ต.สุริยา จั้นวันดี สว.สส. เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน และเจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณกลางลานอเนกประสงค์ของโรงเรียน พบด.ช.เอ (นามสมมติ) อายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.2/2 นอนจมกองเลือดมีบาดแผลบริเวณลำคอและท้ายทอย นายสราวุธ สวัสดิ์พล อาสาสมัครจักรยานยนต์ฉุกเฉินทางการแพทย์ กำลังปฐมพยาบาลเบื้องต้นและทำซีพีอาร์กู้ชีพ ก่อนรีบส่งรักษาต่อที่ร.พ.วิภาราม แพทย์รีบนำเข้าห้องฉุกเฉิน แต่อาการสาหัสมากเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนผู้ก่อเหตุเป็น ด.ช.บี (นามสมมติ) อายุ 14 ปี นักเรียนชั้นม.2/3 ถูกควบคุมตัวไว้พร้อมมีดปอกผลไม้ยาวประมาณ 5 นิ้ว ที่ใช้ก่อเหตุ

ทราบว่าเหตุเกิดประมาณเวลา 08.30 น. หลังเลิกแถวทำกิจกรรมหน้าเสาธง นักเรียนทั้งหมดกำลังแยกย้ายกันเข้าห้องเรียน จู่ๆ ผู้ตายวิ่งสวนทางออกมาจากอาคารเรียนในสภาพเลือดโชกร้องขอความช่วยเหลือ ก่อนจะหมดแรงล้มลงนอนจมกองเลือดบริเวณลานกิจกรรมดังกล่าว โดยมีด.ช.บีผู้ก่อเหตุวิ่งตามลงมา แต่ถูกครู ช่วยกันจับตัวไว้พร้อมอาวุธมีดของกลาง ที่ใช้ก่อเหตุ พร้อมแจ้งประสานขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย และแจ้งตำรวจสน.คลองตัน

พ.ต.อ.วชิรากรณ์เผยผลสอบสวน เบื้องต้นว่า เป็นการทะเลาะวิวาทของเด็กทั้งสองคนซึ่งใช้อาวุธมีดแทงเพื่อนร่วมโรงเรียนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยจากการซักถามและสังเกตจากตัวเด็กที่ก่อเหตุไม่พบว่าเป็นเด็กพิเศษตามที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ ต้องรอสอบถามในรายละเอียดกับทางผู้ปกครองของเด็กก่อน โดยต้องส่งตัวเด็กไปตรวจที่โรงพยาบาลและต้องนำตัวเด็กที่ก่อเหตุส่งศาลเยาวชนและครอบครัวภายใน 24 ชั่วโมง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งดำเนินคดี ใน 2 ข้อหา คือ 1.พกพาอาวุธมีด 2.ฆ่าผู้อื่น

ส่วนสาเหตุเบื้องต้น เด็กนักเรียน ผู้ก่อเหตุเล่าว่า มีปัญหาทะเลาะวิวาทกับนักเรียนผู้เสียชีวิต แต่ยังไม่ให้รายละเอียดเพิ่มเติม ขณะที่พยานเป็นเพื่อนเด็กนักเรียนในชั้นเรียนเดียวกันกับทั้ง 2 ห้อง ต่างบอกว่าทั้งสองคนไม่เคยมีปัญหาทะเลาะวิวาทกันมาก่อน อย่างไรก็ตาม ตำรวจประสานทางสหวิชาชีพและผู้ปกครองเข้าร่วมสอบปากคำเด็กผู้ก่อเหตุเพิ่มเติม

ด้านผู้ปกครองรายหนึ่งที่ไปรับลูกกลับบ้านหลังทราบเรื่องที่เกิดขึ้น เผยว่า เป็น ผู้ปกครองของนักเรียนชั้น ม.2/3 อยู่ห้องเดียวกันกับเด็กนักเรียนที่ก่อเหตุ โดยลูกชายเล่าว่า อยู่ในเหตุการณ์แล้วรู้สึกตกใจมาก วันนี้จึงรีบมารับลูกกลับบ้านก่อน เพราะกลัวว่าลูกจะเสียขวัญ หลังจากที่ทราบว่าเด็กที่ก่อเหตุเป็นใครรู้สึกตกใจมาก เพราะว่าที่ผ่านมาลูกชายเคยมาเล่าให้ฟังว่าเด็กที่ก่อเหตุมักจะไม่ค่อยพูดจาหรือสุงสิงกับใคร และดูเป็นคนเงียบผิดปกติ ที่ผ่านมามักบอกลูกเสมอว่าให้ระวังเอาไว้ เพราะไม่รู้ว่าเด็กที่ไม่พูดหรือเงียบแบบนี้ในใจคิดอะไรอยู่ แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น

หลังจากที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ปรึกษากับครอบครัวว่าอยากจะพาลูกย้ายออกจากโรงเรียนนี้ เนื่องจากมองว่ามันไม่มีความปลอดภัย โรงเรียนไม่มีการตรวจอาวุธ ทั้งที่บริเวณโดยรอบดังกล่าวมักจะมีนักเรียนหรือวัยรุ่นตีกันเป็นประจำ อย่างกรณีล่าสุดที่เห็นเหตุการณ์และเข้าไปช่วยเหลือคือเห็นนักเรียนวัยรุ่นใช้มีดจี้นักเรียนด้วยกัน ทำให้มองว่าโรงเรียนทราบปัญหานี้แล้วควรเข้มงวดเรื่องความปลอดภัยมากกว่านี้ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว

ต่อมาเวลา 12.30 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ไปยังโรงเรียนที่เกิดเหตุเข้าประชุมร่วมกับผอ.โรงเรียน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนเผยว่า ขอแสดงความเสียใจกับเหตุสลดที่เกิดขึ้นภายในโรงเรียนเป็นเหตุการณ์ไม่ควรที่จะเกิดขึ้น ที่ผ่านมาโรงเรียนมีนโยบายในการป้องกันตรวจตราอาวุธ ด้วยการตรวจกระเป๋าเด็กนักเรียน แต่เป็นการสุ่มตรวจอาจจะตรวจไม่หมด 100% จากการสอบถามผู้อำนวยการโรงเรียน พบว่าการตรวจกระเป๋าในวันนี้ไม่พบอาวุธมีด อาจจะเป็นการแอบลักลอบนำเข้ามาก่อนหน้านี้

เบื้องต้นจะเร่งฟื้นฟูเยียวยาจิตใจ นักเรียน ครูและบุคลากรในโรงเรียน ด้วยการนำนักจิตวิทยาเข้ามาฟื้นฟูทั้งหมด ส่วนตัวยอมรับว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นน่าใจหาย และน่าสลดใจอย่างมาก หลังจากนี้จะดูระเบียบการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหาย ทราบว่าโรงเรียนมีประกันอยู่ที่ให้ความช่วยเหลือครอบครัวนักเรียนผู้เสียชีวิตแล้ว แต่ยอมรับว่าจ่ายให้เท่าไหร่ก็ไม่คุ้ม เพราะชีวิตลูกทั้งคน ส่วนเรื่องการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา กทม.จะช่วยเช่นกัน

สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยหลังจากนี้จะนำบทเรียนที่เกิดขึ้นมาเป็นแนวทางเพื่อป้องกันให้ดีขึ้น ทั้งนี้ โรงเรียนมัธยมที่เปิดสอนถึงม.6 ในสังกัดกทม.มีเพียง 9 โรงเรียน ส่วนโรงเรียนมัธยมเปิดสอนถึงม.3 มีกว่า 100 โรงเรียน แต่ยอมรับว่าเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยนั้นอาจจะไม่เพียงพอ ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ในการตรวจค้นอาวุธให้เข้มข้นรัดกุมมากขึ้น การตรวจค้นกระเป๋าให้ครบทั้ง 100% เป็นไปได้ยาก เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อนเนื่องจากในแต่ละโรงเรียนนั้นก็มีทั้งเด็กผู้ชาย ผู้หญิง ที่ต้องคำนึงถึงสิทธิเด็กด้วย

ทั้งนี้ ผู้ปกครองมีข้อเสนอว่าจะมา ช่วยดูการตรวจอาวุธด้วย พร้อมสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนที่ผิดปกติ ทำอย่างไรให้นักเรียนกล้าบอกคุณครูเกี่ยวกับเรื่องผิดปกติ ทั้งยังเสริมสร้างหลักสูตร เน้นเรื่องจิตใจ ดูแลความรู้สึก บอกปัญหาต่างๆ ให้ครูฟัง ต้องลดภาระครู คืนครูให้นักเรียน

นายชัชชาติกล่าวด้วยว่า โรงเรียนนี้มีปัญหาเยาวชนจากด้านนอกมีพฤติกรรมเกเร ผู้ปกครองให้ความเห็นว่าไม่อยากให้แต่งชุดไปรเวต เพราะไม่สามารถแยกออกจากเด็กเกเร วันไหนที่โรงเรียนให้เด็กแต่งไปรเวตจะมีเด็กเกเรมาคุกคาม เป็นเรื่องบริบทโดยรอบและความปลอดภัยของเด็ก เบื้องต้นแจ้งผู้อำนวยการไปประเมิน สถานการณ์ประเด็นนี้แล้ว ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างครู ผู้ปกครอง สำนักงานเขต และตำรวจ ร่วมมือเป็นหนึ่งเดียว การแก้ปัญหาก็จะดีขึ้น ไม่ใช่ต่างคนต่างแก้

“ส่วนข่าวที่รายงานว่านักเรียนผู้ก่อเหตุเป็นเด็กพิเศษหรือเป็นเด็กที่มีภาวะพัฒนาการล่าช้านั้นขออย่าด่วนสรุป เพราะต้องนำเด็กผู้ก่อเหตุไปตรวจยืนยันทางการแพทย์ เช่นเดียวกับกรณีที่มีสื่อรายงานว่า ผู้เสียชีวิตเป็นเด็กนักเรียนที่มีพฤติกรรม บูลลี่หรือกลั่นแกล้งเด็กนักเรียนคนอื่น รวมถึงบูลลี่ผู้ก่อเหตุนั้น ไม่อยากให้ด่วนสรุปหรือใช้คำในลักษณะนี้ เพราะต้องให้ความเป็นธรรมกับนักเรียนผู้ตายด้วย ทั้งนี้ ต้องรอผลการสอบสวนจากตำรวจชุดคลี่คลายคดีก่อน” ผู้ว่าฯ กทม.กล่าว

นางบวรลักษณ์ แก้วกล้าปัญญาเจริญ ผอ.โรงเรียนที่เกิดเหตุกล่าวว่า โรงเรียนได้มีมาตรการสุ่มตรวจอาวุธนักเรียนอยู่บ่อยครั้ง แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเชื่อว่าเด็ก ผู้ก่อเหตุลักลอบนำอาวุธเข้ามาโดยการแอบเอาไว้ตามมุมต่างๆ ของโรงเรียน หรือฝากเพื่อนคนอื่นนำเข้ามาเพื่อเลี่ยงการถูกตรวจสอบ ส่วนประวัติของเด็กผู้ก่อเหตุ ไม่เคยมีประวัติการใช้ความรุนแรง และไม่มีประวัติการใช้กัญชา ส่วนเรื่องการพูดจาดูถูกกันไม่ทราบข้อมูลนี้ ที่ผ่านมาทางโรงเรียนเน้นย้ำไม่ให้ใช้ความรุนแรงกันในเด็กนักเรียน ส่วนเรื่องประวัติการรักษาว่าเป็นเด็กกลุ่มพิเศษหรือไม่ ทางโรงเรียนยังไม่เคยมีประวัติ แต่ลักษณะนิสัยของเด็กนักเรียนคนดังกล่าวเป็นเด็กที่ชอบอยู่คนเดียวและมักเล่นเพียงลำพัง

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พ.ต.อ.หญิง ฉันฉาย รัตนพานิช รองโฆษก ตร.เผยว่า ภายหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจพาตัวผู้ก่อเหตุไปที่สน.คลองตัน พร้อม ทั้งเชิญสหวิชาชีพมาสอบปากคำตามกระบวนการกฎหมาย เบื้องต้นพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่น ส่วนสาเหตุยังอยู่ระหว่างการสอบสวน หากสอบปากคำแล้วเสร็จจะพาไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล และรอผลการตรวจจากแพทย์เพื่อพิจารณาแนวทางในการดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ

หากพบว่าเป็นเด็กพิเศษจะมีขั้นตอนดำเนินการที่แตกต่างกัน โดยหากป่วยจิตเวชหรือวิกลจริตจะต้องดูว่าสามารถ เข้าสู่กระบวนการสู้คดีได้หรือไม่ หากไม่สามารถสู้คดีได้งดการสอบสวน แต่หากสามารถสู้คดีได้ต้องให้ผู้อนุบาล ข้าหลวงประจำจังหวัด หรือผู้ที่มีอำนาจรับไปดูแลรักษาอาการจนกว่าจะเห็นสมควรจึงเข้าสู่กระบวนการสอบสวนตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป โดยพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.ยังได้กำชับไปยังผบช.น.ให้เร่งรัดดำเนินการในทุกมิติภายในกรอบระยะเวลา เนื่องจากเป็นเรื่องที่ประชาชนและสังคมให้ความสนใจ และขอความร่วมมือประชาชนระมัดระวังในการส่งต่อ เผยแพร่ ภาพหรือประวัติของผู้ก่อเหตุและผู้เสียชีวิตในคดีนี้ เนื่องจากทั้งคู่ยังเป็นเยาวชน

ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้ผบ.ตร.ระบุว่า จะศึกษารวบรวมสถิติการก่อเหตุของเด็กและเยาวชนเพื่อให้กระทรวงยุติธรรมนำไปพิจารณาในการปรับแก้ข้อกฎหมายการดำเนินคดีกับเด็กที่อายุต่ำกว่า 15 ปีนั้น คาดว่าในส่วนของตร.จะดำเนินการรวบรวมข้อมูลเสร็จสิ้นภายในสิ้นเดือนนี้ เนื่องจากต้องมีการแยกข้อมูลประเภทของคดีอย่างละเอียดเพื่อให้ข้อมูลเกิดความชัดเจนก่อนจะส่งให้กระทรวงยุติธรรมต่อไป

วันเดียวกัน นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวถึงคดีดังกล่าวว่า เบื้องต้น ทราบว่ามีเหตุเกิดขึ้นที่โรงเรียนมัธยม แห่งหนึ่ง เป็นเด็กชั้น ม.2 แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าเป็นเด็กพิเศษหรือไม่ ข้อมูลเบื้องต้นทราบเพียงว่าเด็ก ม.2 ต่างห้องเรียนกันแทงกัน ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของเด็กที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น พม.จะส่งสหวิชาชีพเข้าประสานงานกับทางโรงเรียนและเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยงานในพื้นที่ต่อไป

“ผมขอฝากพี่น้องประชาชนที่บริโภคข่าว ในขณะนี้อย่าเพิ่งเร่งตัดสินว่าเด็กที่ ก่อเหตุเป็นเด็กพิเศษ ขอให้ฟังข้อเท็จจริงจากหน่วยงานราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสียก่อน เพราะขณะนี้เรายัง ไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าอะไรเป็นอะไร แต่อย่างไรก็ตามผมขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของนักเรียนที่ได้รับผลกระทบเหตุการณ์ครั้งนี้” นายวราวุธกล่าว

ต่อมา 15.50 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวเด็กผู้ก่อเหตุ พร้อมมารดาออกจาก สน.คลองตัน โดยไม่ได้ระบุว่า จะคุมตัวไปที่ไหน โดยมารดาของผู้ก่อเหตุยกมือไหว้ก่อนจะพูดสั้นๆ ว่า ขอโทษ จากนั้นก็ขึ้นรถไป

ด้านพ.ต.อ.วชิรากรณ์ เผยหลังสอบปากคำเด็กผู้ก่อเหตุและพยานทั้งคุณครูที่เห็นเหตุการณ์และแม่ผู้เสียชีวิต ว่า สำหรับสาเหตุการก่อเหตุ เกิดจากความคับแค้นใจ ที่ถูกผู้ตายมักจะมาบังคับขอเงินผู้ก่อเหตุ ในช่วงเที่ยง ครั้งละ 20 บาท โดยมักจะก่อเหตุบนอาคารเรียน อ้างว่าจะนำไปซื้อบุหรี่ และมีการชกที่ศีรษะและใบหน้า ซึ่งโดนแบบนี้ประมาณ 3-4 ครั้งในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ด้วยความคับแค้นใจจึงไปซื้อมีดพกติดตัวมาโรงเรียนในเช้าวันนี้ หลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะไปสอบปากคำพยานในโรงเรียนว่าพบเห็นพฤติกรรมแบบนี้จริงหรือไม่

“จากการสอบปากคำพบว่าพฤติกรรมของเยาวชน 14 ปี มีสติสัมปชัญญะ เต็ม 100% สามารถตอบคำถามได้ชัดเจน นักจิตวิทยาและบุคคลที่ร่วมสอบปากคำ ลงความเห็นว่าเด็กมีสภาพจิตที่ปกติ แต่ ในทางคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งผู้ก่อเหตุไปตรวจสุขภาพจิตอีกครั้ง ทั้งนี้ จากการตรวจปัสสาวะไม่พบสารเสพติดในร่างกาย แต่เจ้าตัวยอมรับว่า เคยดูดกัญชา 1 ครั้ง เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ทั้งนี้ยืนยันว่า ผู้ก่อเหตุไม่ได้มีประวัติเข้าออกสถานีตำรวจเป็นประจำตามที่เป็นกระแสข่าว” พ.ต.อ.วชิรากรณ์กล่าว

 

บรรยายใต้ภาพ

นาทีชีวิต ตำรวจและกู้ภัยช่วยกันปฐมพยาบาลเด็กชายชั้นม.2 โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ย่านสวนหลวง กรุงเทพมหานคร ที่ถูกเพื่อนชั้นเดียวกันใช้มีดปลายแหลมแทงคอและลำตัวอาการสาหัส สุดท้ายไปเสียชีวิตสลดที่โรงพยาบาล เหตุเกิดหลังเลิกแถวโรงเรียนหน้าเสาธง เมื่อเช้าวันที่ 29 ม.ค.

 



ที่มา:  นสพ.ข่าวสด ฉบับวันที่ 31 ม.ค. 2567 (กรอบบ่าย)

แชร์ข่าว:
กรุงเทพฯ มีอะไร อัพเดทข่าวสารฉับไว กิจกรรมที่น่าสนใจ และมีส่วนร่วมได้ รวมไว้ให้ที่นี่

©2022 สงวนลิขสิทธิ์ กรุงเทพมหานคร

สำนักงานประชาสัมพันธ์ สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร 173 ถนนดินสอ แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กทม. 10200