น.ส.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯกทม. กล่าวระหว่างปาฐกถา หัวข้อชีวิตสูงวัยในสังคมความไวสูง ในโครงการ LIFETIME PROGRAM หลักสูตรพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ เพื่อให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดีมีความสุข มีความพึงพอใจ สามารถดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างมีความสุขและการมีคุณค่าในตนเอง สามารถทำประโยชน์ให้แก่สังคม และมีความสุขในบั้นปลายของชีวิต ของโรงเรียนผู้สูงอายุแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (สว.มธ.) รุ่นที่ 11 ว่า ปัจจุบันจำนวนผู้สูงอายุใน กทม. มีจำนวนเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะใน เขต กทม. ชั้นใน
ดังนั้น แนวทางการดูแลผู้สูงอายุคือการช่วยเหลือให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพชีวิตที่ดี สามารถดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างมีความสุข โดยจัดบริการสวัสดิการและการส่งเสริม สุขภาพ เช่น ปรับปรุงศูนย์บริการสาธารณสุข (ศบส.) ที่ถือว่าอยู่ใกล้ประชาชนในระดับปฐมภูมิให้ดีขึ้น การออกหน่วยตรวจสุขภาพบ่อยขึ้น เพิ่มการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพ
ทั้งนี้ ในปี 67 ตั้งเป้าตรวจสุขภาพ 1 ล้านคน นำการบริการสาธารณสุขเข้าไปให้บริการในห้างสรรพสินค้า มี HealthTech คลินิกบริการสุขภาพ ดิจิทัล ที่สามารถตรวจสุขภาพ พบหมอได้ผ่านระบบออนไลน์ รับยาใกล้บ้านที่ร้านขายยา เป็นต้น
รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวต่อว่า การดูแลผู้สูงอายุใน กทม. มีหลายมิติมาก ทั้งการดูแลสุขภาพโดยตรงเป็นมิติของการใช้ชีวิต มิติของการอยู่ในชุมชน มิติของการสร้างงานสร้างอาชีพ ซึ่งโดยรวมนโยบายการดูแลผู้สูงอายุเป็นสิ่งที่ กทม.ให้ความสำคัญ ส่วนการฝึกทักษะอาชีพ กทม.มีโรงเรียนฝึกอาชีพ 10 แห่ง มีโปรแกรมให้ผู้สูงอายุเลือกฝึกอาชีพ เช่น นวดแพทย์แผนไทย ทำอาหาร ทำขนม ตัดเย็บเสื้อผ้า Care giver และชมรมผู้สูงอายุ ซึ่งมีกว่า 400 ชมรม
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมต่าง ๆ เช่น กิจกรรมสุขภาพ หัตถการ คหกรรม มีศูนย์บริการผู้สูงอายุดินแดง ศูนย์ประสานงานธนาคารสมองที่ถ่ายทอดทักษะภูมิปัญญาผู้สูงอายุ กทม. ให้คนรุ่นหลัง สิ่งเหล่านี้คือการทำให้ผู้สูงอายุไม่รู้สึกชรา ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน และทำให้ผู้สูงอายุมีสังคมไม่ติดบ้าน มีโอกาสสร้างรายได้เพิ่มขึ้นด้วย.
ที่มา: นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 19 ม.ค. 2567
