ศาลาว่าการกทม. – เมื่อวันที่ 16 ม.ค. นายเฉลิมพล โชตินุชิต รองปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า กทม.อยู่ระหว่างทบทวน ปรับปรุง หรือแก้ไขกฎหมาย ข้อบัญญัติ ระเบียบต่างๆ ให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน โดยให้ทุกหน่วยดำเนินการตรวจสอบระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติหน้าที่ หากเห็นว่าควรมีการปรับปรุงแก้ไขหรือยกเลิก ให้ส่งความเห็นไปยังสำนักงานเลขานุการ สำนักยุทธศาสตร์และประเมินผล (สยป.) เพื่อรวบรวมนำส่งคณะกรรมการพัฒนากฎหมายตามกลุ่มภารกิจของกรุงเทพมหานครเพื่อพิจารณาต่อไป
“กทม.มีกฎหมาย ข้อบัญญัติ และระเบียบต่างๆ บังคับใช้จำนวนมากเป็นเวลานาน แต่สถานการณ์ปัจจุบันมีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้กฎหมายบางฉบับอาจไม่สอดคล้องและเอื้อต่อการปฏิบัติ ประกอบกับนโยบายของผู้ว่าฯ กทม.เกี่ยวกับการดำเนินงานด้านกฎหมาย เช่น นโยบายดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่ปล่อยมลพิษ นโยบายปรับปรุงข้อบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับผังเมืองและการควบคุมอาคารให้ทันสมัย โดยตามการเปลี่ยนแปลงนี้ ยึดตามข้อกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 77 ระบุว่า รัฐพึงจัดให้มีกฎหมายเพียงเท่าที่จำเป็น และยกเลิกหรือปรับปรุงกฎหมายที่หมดความจำเป็นหรือไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์ หรือที่เป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิตหรือการประกอบอาชีพ โดยไม่ชักช้าเพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ประชาชน และดำเนินการให้ประชาชนเข้าถึงตัวบทกฎหมายต่างๆ ได้โดยสะดวก และเข้าใจกฎหมายได้ง่ายเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้อง รวมถึง พ.ร.บ.หลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ.2562 มาตรา 5 ระบุว่า หน่วยงานของรัฐพึงจัดให้มีกฎหมายเพียงเท่าที่จำเป็น” นายเฉลิมพลกล่าว
ด้านน.ส.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยถึงการขยายบริการสิทธิเบิกจ่ายตรงโดยข้าราชการและลูกจ้างที่มีสิทธิการรักษาพยาบาลจากรัฐ (ทุกหน่วยงาน) ใช้สิทธิเบิกจ่ายตรงกรมบัญชีกลาง เข้ารับการรักษาที่ศูนย์บริการสาธารณสุข ได้ทั้ง 69 แห่ง ใน 50 เขต ที่เริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 18 ธ.ค.2566 ว่า ผลการดำเนินงานช่วงครึ่งเดือนธ.ค. พบว่ามีผู้มาใช้บริการรักษาพยาบาลที่ศูนย์สธ.ทั้ง 69 แห่ง มากกว่า 1,000 ราย โดยค้นหาศูนย์บริการสาธารณสุขทั้ง 69 แห่ง และสถานพยาบาลใกล้บ้านได้ที่ BKK Health Map https://healthmap.bangkok.go.th
ทั้งนี้ เดิมศูนย์สธ.ทั้ง 69 แห่ง จะให้บริการสิทธิเบิกจ่ายตรงเฉพาะข้าราชการและลูกจ้างของกรุงเทพมหานครเท่านั้น หากเป็นข้าราชการและลูกจ้างสังกัดอื่น เมื่อมาใช้บริการต้องสำรองจ่ายและนำใบเสร็จไปเบิกกับหน่วยงานต้นสังกัดอีกครั้ง
ที่มา: นสพ.ข่าวสด ฉบับวันที่ 17 ม.ค. 2567
