รอครม.อนุมัติ-กทม.ยันจ่ายหนี้เอกชน2หมื่นล้าน
ศาลาว่าการกทม. – เมื่อวันที่ 16 ม.ค. นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยว่า ในการประชุมสภากรุงเทพมหานคร (สภากทม.) สมัยประชุมสามัญ วันที่ 17 ม.ค.นี้ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ได้เสนอวาระต่อที่ประชุมเพื่อขอความเห็นชอบโครงการรับมอบงานทรัพย์สินระบบการเดินรถ (ไฟฟ้าและเครื่องกล) หรือมูลหนี้ E&M โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 2 หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และแบริ่ง-สมุทรปราการ มูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท หากได้รับอนุมัติรับมอบทรัพย์สินส่วนนี้ กทม.จะต้องส่งเรื่องไปยังกระทรวงมหาดไทย (มท.) เพื่อเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาตามลำดับ
ทั้งนี้ เนื่องจากมูลหนี้อีแอนด์เอ็ม เป็นส่วนหนึ่งในการเจรจาขยายสัมปทาน ตามคำสั่งมาตรา 44 ซึ่งมีมูลหนี้ทั้งหมด 3 ส่วนประกอบด้วย ค่างานโครงสร้างพื้นฐาน หรือ งานโยธา ค่าจ้างบริหารจัดการเดินรถ หรือ โอแอนด์เอ็ม และค่าติดตั้งระบบหรือ อีแอนด์เอ็ม ซึ่งผู้รับสัมปทานต้องรับผิดชอบหนี้สินทั้ง 3 ส่วน หากได้รับอนุมัติให้รับมอบทรัพย์สินและมูลหนี้อีแอนด์เอ็ม กทม.จะเสนอต่อที่ประชุมสภากทม. เพื่อขออนุมัติงบประมาณสำหรับจ่ายมูลหนี้อีแอนด์เอ็ม ต่อไป
“ก่อนหน้านี้ กทม.ได้ส่งหนังสือถึง มท. ครั้งล่าสุด ขอให้รัฐบาลสนับสนุนค่าโครงสร้างพื้นฐานและค่าอีแอนด์เอ็ม แต่ทางมหาดไทยตอบกลับมาว่าขอให้กทม.ช่วยเหลือตัวเองก่อน อะไรที่จ่ายได้ก็จ่ายไปก่อน จึงส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการศึกษาฯ สภากรุงเทพมหานคร และได้เชิญสำนักการคลัง กทม. มาหารือเรื่องเงินสะสมมีจำนวนเท่าไหร่ เพียงพอที่จะจ่ายค่าอีแอนด์เอ็ม มูลค่า กว่า 20,000 ล้านบาท หรือไม่ ซึ่งสำนักการคลังยืนยันว่ามีเงินเพียงพอจ่ายมูลหนี้ส่วนหนี้ ทางฝ่ายบริหารจึงเสนอสภากรุงเทพมหานครทันที” นายวิศณุกล่าว
สำหรับมูลหนี้อีแอนด์เอ็มนั้น นายวิศณุกล่าวว่า กทม.ได้มอบให้บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด หรือเคที เจรจากับเอกชนเพื่อพักหนี้ในส่วนของดอกเบี้ยผิดนัดชำระไว้ก่อน ส่วนดอกเบี้ยเงินต้นเดินหน้าตามปกติ ตั้งแต่เดือนส.ค.2566 ถึงเดือนม.ค.2567 ล่าสุดได้มีการเจรจาขอขยายเวลาพักหนี้ส่วนนี้ออกไปอีกจนถึง เดือนเม.ย.2567 ส่วนจะทันการอนุมัติจ่ายหนี้หรือไม่ต้องรอดู หากไม่ทันอาจต้องเจรจาขอขยายเวลาเพิ่ม เรื่องนี้น่าจะเจรจากันได้ เพราะกทม.ตั้งใจจะจ่ายหนี้ ขณะที่ทุกขั้นตอนต้องใช้เวลาอาจล่าช้าไปบ้าง แต่อยากให้ดูที่เจตนามากกว่า
ที่มา: นสพ.ข่าวสด ฉบับวันที่ 17 ม.ค. 2567
