นายพรพรหม ณ.ส. วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารด้านความยั่งยืนของกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า สถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 มีแนวโน้มสูงขึ้นจนเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน กรุงเทพมหานครมีความห่วงใยในสุขภาพของประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนกลุ่มเปราะบาง ได้แก่ เด็ก สตรีมีครรภ์ ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัวโดยเฉพาะโรคทางเดินหายใจ ได้กำหนดมาตรการเพื่อเฝ้าระวังและป้องกันฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชนที่มีความเสี่ยงได้รับผลกระทบจากฝุ่น PM2.5 ประกอบด้วย 1. ปลูกฝังความรู้เรื่อง ฝุ่น PM 2.5 ให้กับนักเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานครกว่า 250,000 คน ด้วยการให้เด็กเปลี่ยนสีธงเพื่อแสดงค่าฝุ่น PM 2.5 ที่โรงเรียนในแต่ละวัน เพื่อให้เกิดความตระหนักรู้ถึงอันตราย สาเหตุ และการป้องกันตนเอง รวมถึงเป็นการส่งต่อความรู้ไปสู่ครอบครัวและชุมชน ซึ่งสำนักสิ่งแวดล้อมได้ประสานความร่วมมือขยายผลไปยังชุมชนและสำนักงานเขต 2. จัดให้มีห้องปลอดฝุ่นในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครแล้ว 758 ห้อง ครอบคลุมในชั้นอนุบาล 1 ทั้งหมด ซึ่ง กทม. มีห้องเรียนอนุบาลทั้งหมด 1,743 ห้อง และในปีนี้จะดำเนินการต่อเนื่องขยายผลไปในชั้นอนุบาล 2 และ 3 ซึ่งหากฝุ่นมีค่าสีแดง ให้ผู้อำนวยการโรงเรียนพิจารณาปิดการเรียนการสอนได้โดยให้พิจารณาเป็นกรณีไป 3. งดการเข้าแถวเคารพธงชาติหน้าเสาธงและปรับเปลี่ยนรูปการณ์เรียนการสอนเป็นแบบออนไลน์

ทั้งนี้ หากเด็กและเยาวชนหรือประชาชนได้รับปัญหาสุขภาพจากฝุ่น สามารถเข้ารับคำปรึกษาได้ที่คลินิกมลพิษทางอากาศที่มีการให้บริการทั้งสิ้น 8 แห่ง ได้แก่ รพ.กลาง รพ.ตากสิน รพ.เจริญกรุงประชารักษ์ รพ.หลวงพ่อทวีศักดิ์ ชุตินฺธโร อุทิศ รพ.เวชการุณย์รัศมิ์ รพ.ลาดกระบังกรุงเทพมหานคร รพ.ราชพิพัฒน์ และ รพ.สิรินธร หรือสามารถพบแพทย์ผ่านทาง Telemedicine แอปพลิเคชัน “หมอ กทม.” เพื่อตรวจวินิจฉัยอาการได้อย่างรวดเร็ว และสามารถปรึกษาเรื่องสุขภาพ โทร HOTLINE 1646 สายด่วนสุขภาพ สำนักการแพทย์ ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง โดยควรใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น ใส่หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร จำกัดระยะเวลาในการทำกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก และควรสังเกตอาการ เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา หากพบอาการผิดปกติรุนแรงควรรีบพบแพทย์