(30 พ.ย. 66) นายเอกวรัญญู อัมระปาล ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และโฆษกของกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงมาตรการภาพรวมการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ว่า กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ดำเนินมาตรการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการกำจัดต้นตอให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งได้ตรวจแหล่งกำเนิดฝุ่นอย่างต่อเนื่องทุกวัน หลีกเลี่ยงการตรวจรถบนถนนเนื่องจากจะทำให้รถติด
“เรารู้ว่ารถที่เข้ามาในกรุงเทพฯ อาทิ รถบรรทุกต้องมีที่มาที่ไป เช่น มาจากแพลนท์ปูน หรือไปไซต์ก่อสร้าง รวมทั้งอู่รถเมล์ ท่าเรือคลองเตย และนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ จึงเน้นการไปตรวจที่ต้นกำเนิดแทน ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 65 ถึงวันที่ 29 พ.ย. 66 มีการตรวจสถานประกอบการโรงงาน 11,864 ครั้ง สั่งปรับปรุงแก้ไข 8 แห่ง สถานที่ก่อสร้าง 4,301 ครั้ง สั่งปรับปรุงแก้ไข 34 แห่ง แพลนท์ปูน 1,152 ครั้ง สั่งปรับปรุงแก้ไข 17 แห่ง ถมดิน/ท่าทราย 267 ครั้ง รถยนต์ 140,548 คัน ไม่ผ่าน 2,199 คัน รถประจำทางและไม่ประจำทาง 37,247 คัน ไม่ผ่าน 117 คัน รถบรรทุก 93,783 คัน ไม่ผ่าน 533 คัน ส่วนเรื่องการตรวจสอบข้อมูลจุดความร้อน (hotspot) ผ่านดาวเทียม จากหน่วยงาน NASA ในวันนี้ไม่พบค่าความร้อนสูงผิดปกติในบริเวณพื้นที่กรุงเทพฯ โดยกรุงเทพมหานครได้มีการพูดคุยกับเกษตรกรทั้งหมดในกรุงเทพฯ แล้ว ทั้งในพื้นที่เขตมีนบุรี หนองจอก และคลองสามวา ซึ่งหากพบจุดความร้อนในเขตกรุงเทพฯ จะรีบสั่งการให้เทศกิจของเขตนั้น ๆ ลงพื้นที่ ณ จุดเกิดเหตุ เพื่อป้องกันต่อไป”
โฆษกของกรุงเทพมหานคร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับวันนี้ปริมาณฝุ่น PM2.5 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีการระบายอากาศไม่ดี ลมอ่อน ตรวจวัดได้ 33.3-70.7 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร เกินค่ามาตรฐาน 62 พื้นที่ ประชาชนควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น ถ้ามีอาการทางสุขภาพ เช่น ไอ หายใจลำบาก ตาอักเสบ แน่นหน้าอก ปวดศีรษะ หัวใจเต้นไม่เป็นปกติ คลื่นไส้ อ่อนเพลีย ควรปรึกษาแพทย์