(29 พ.ย.66) เวลา 09.00 น. นายพรพรหม ณ.ส. วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และ Chief Sustainability Officer (ผู้บริหารด้านความยั่งยืนกรุงเทพมหานคร) เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมความร่วมมือการจัดการขยะมูลฝอย “ไม่เทรวม” กลุ่มเขตกรุงเทพตะวันออก ณ โรงเรียนลำพะอง (ราษฎร์จำเริญบำรุง) ถนนฉลองกรุง เขตลาดกระบัง
สำนักงานเขตลาดกระบัง มีพื้นที่ทั้งหมด 123 ตารางกิโลเมตร แบ่งเป็น 6 แขวง ได้แก่ แขวงลาดกระบัง แขวงคลองสองต้นนุ่น แขวงคลองสามประเวศ แขวงลำปลาทิว แขวงทับยาว และแขวงขุมทอง มีจำนวนประชากร 179,646 คน เป็นเขตที่กำลังขยายตัว ทำให้เกิดปัญหาขยะล้นถัง ขยะตกค้าง และการลักลอบทิ้งขยะ ซึ่งปริมาณขยะมูลฝอยที่ต้องจัดเก็บเฉลี่ย 274 ตัน/วัน หรือ 8,339 ตัน/เดือน เพื่อลดปัญหาดังกล่าว สำนักงานเขตลาดกระบัง ร่วมกับ บริษัทสถานีรีไซเคิล วงษ์พาณิชย์สุวรรณภูมิ จำกัด ดำเนินการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้การจัดการขยะมูลฝอยในปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ได้แก่ ศูนย์เรียนรู้การจัดการขยะมูลฝอย (ขยะเบียก) บริเวณใต้ทางด่วนมอเตอร์เวย์ ถนนหลวงแพ่ง และศูนย์เรียนรู้การจัดการขยะมูลฝอย (ขยะแห้ง) บริเวณสถานีรีไซเคิล วงษ์พาณิชย์สุวรรณภูมิ และดำเนินการพัฒนานวัตกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของหน่วยงานโครงการลดขยะโดยการใช้แอปพลิเคชัน Waste Buy เพื่อสร้างมูลค่าสู่ชุมชน สถานศึกษา และสถานประกอบการ โดยได้รับความร่วมมือจาก ดร.อิทธิกร ศรีจันบาล ประธานกรรมการบริษัท สถานีรีไซเคิล วงษ์พาณิชย์สุวรรณภูมิ จำกัด สนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมด้วย Waste Buy แอปพลิเคชัน “การซื้อขยะถึงบ้าน” ทำให้ปริมาณขยะลดลง รวมถึงสร้างรายได้ให้กับประชาชน ประกอบกับนโยบาย “ไม่เทรวม” ของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จึงเกิดความร่วมมือในการจัดการขยะมูลฝอยของกลุ่มเขตกรุงเทพตะวันออก จำนวน 9 เขต ได้แก่ เขตลาดกระบัง เขตหนองจอก เขตประเวศ เขตบางกะปิ เขตคลองสามวา เขตสะพานสูง เขตมีนบุรี เขตบึงกุ่ม และเขตคันนายาว ซึ่งมีความเห็นชอบร่วมกัน ดังนี้ 1.ส่งเสริม สนับสนุนการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการขยะมูลฝอยในพื้นที่กลุ่มเขตกรุงเทพตะวันออกตามนโยบาย “ไม่เทรวม” ของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร 2.ส่งเสริม สนับสนุนให้เกิดต้นแบบการคัดแยกขยะในพื้นที่สมบูรณ์ครบวงจร ตามหลัก 3R การลดใช้ (Reduce) การใช้ซ้ำ (Reuse) และการนำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) เพื่อลดปัญหาขยะตกค้าง และสร้างสภาพแวดล้อมของเมืองที่ดีอย่างยั่งยืน 3.ส่งเสริม สนับสนุนการใช้นวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาขยะล้นเมือง ขยะตกค้าง การลักลอบทิ้งขยะในที่รกร้างที่ว่างริมทางเชิงรุก เข้าใจเมือง เข้าถึงบ้าน รับซื้อขยะด้วย Waste Buy Delivery ช่วยลดปัญหาขยะ และสร้างรายได้ให้กับประชาชนในการคัดแยกขยะ
ที่ปรึกษาฯ พรพรหม กล่าวว่า ที่ผ่านมากรุงเทพมหานครได้รับความร่วมมือจากทุกเขต และหน่วยงานภาคเอกชนที่ร่วมส่งเสริมการคัดแยกขยะจากต้นทาง ปีที่ผ่านมาขยะของกทม. ก็ลดลงเฉลี่ยวันละ 200-500 ตัน ทำให้ลดงบประมาณไป 141 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้สามารถนำไปสนับสนุนในด้านอื่น ๆ เช่น การศึกษา สาธารณสุข ถือเป็นผลสำเร็จอย่างยิ่งไม่ใช่แค่ของกทม. แต่เป็นของทุกภาคส่วนที่ร่วมรณรงค์การแยกขยะด้วยกัน ถามว่าท่านผู้ว่าฯ ชัชชาติ กำหนดนโยบาย “ไม่เทรวม” ขึ้นมาทำไม หลักคิดไม่เทรวมง่าย ๆ คือ แยกขยะ 2 ประเภท คือ “เปียก” กับ “แห้ง” เพราะชีวิตเราอาจไม่ได้มีเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นที่ตั้งสำคัญที่สุด แต่มีเรื่องอื่น ๆ อีกมากมายให้ต้องคิด การขอให้แยกขยะอย่างละเอียดอาจจะไม่ใช่เรื่องสะดวกสำหรับทุกคน การแยกขยะเปียก เศษอาหารกับขยะแห้งจึงเป็นเรื่องทำได้ง่ายที่สุด ซึ่งแค่การแยกขยะเปียกออกไปแล้ว ที่เหลือเป็นขยะแห้งที่สามารถแยกไปทำประโยชน์ต่อได้อีกมากมายซึ่งมีมูลค่าทางเศรษฐกิจด้วย วันนี้ดีใจอย่างยิ่งที่กลุ่มเขตกรุงเทพตะวันออกได้สานต่อจากแค่ในมิติของการแยกขยะเปียกออกมา ต่อยอดสู่การจัดการขยะแห้งให้กลับคืนสู่ระบบ จัดการอย่างถูกวิธีและเข้าสู่กระบวนการเศรษฐกิจหมุนเวียน และโครงการนี้ยังตรงกับแนวคิดผู้ว่าฯ ชัชชาติ คือ เราเริ่มก่อนจาก 1 เขต ว่าได้ผลดีหรือไม่อย่างไร จากนั้นค่อยขยายต่อไปสู่กลุ่มเขตและจะได้ขยายไปสู่ทั้ง 50 เขตของกรุงเทพมหานครต่อไป
ในการนี้มี นางสาวกาญจนา ภูพิพัฒน์ผล ผู้ช่วยปลัดกรุงเทพมหานคร นายประพาส เหลืองศิรินภา ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม นายชัชชญา ขำจันทร์ ผู้อำนวยการเขตลาดกระบัง และประธานกลุ่มเขตกรุงเทพตะวันออก ดร.อิทธิกร ศรีจันบาล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สถานีรีไซเคิล วงษ์พาณิชย์สุวรรณภูมิ จำกัด พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกลุ่มเขตกรุงเทพตะวันออก ผู้อำนวยการสถานศึกษาโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตลาดกระบัง ผู้ประกอบการร้านค้า ประธานกรรมการชุมชน คณะครูและนักเรียนจากโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตลาดกระบัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกิจกรรม
#สิ่งแวดล้อมดี
—–