กทม.ตั้งจุดจับปรับขับขี่บนทางเท้าสี่แยกพรานนก พร้อมส่งข้อมูลจากกล้อง CCTV แบบ AI ให้บริษัท Rider
นายศุภกฤต บุญขันธ์ ผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ (สนท.) กทม. กล่าวกรณีประชาชนร้องเรียนบริเวณทางเท้าสี่แยกพรานนก เขตบางกอกน้อย พบไรเดอร์รับ-ส่งอาหารขับขี่รถจักรยานยนต์บนทางเท้าและจอดรถในที่ห้ามจอด สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนที่สัญจรว่า สนท.ได้ประสานสำนักงานเขตบางกอกน้อยเพิ่มความเข้มงวดกวดขันจับ-ปรับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ขับขี่บนทางเท้าบริเวณแยกพรานนก โดยให้จัดเจ้าหน้าที่เทศกิจตั้งจุดจับ-ปรับรถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์จอด หรือขับขี่บนทางเท้าในบริเวณพื้นที่ หากตรวจพบผู้ฝ่าฝืนกระทำความผิดให้จับกุมและดำเนินคดีทันที รวมทั้งประสานความร่วมมือการจัดทำเสากั้นรถจักรยานยนต์ขับขี่บนทางเท้าและพิจารณาติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) พร้อมระบบ AI (Artificial Intelligence) ตรวจจับผู้กระทำผิดบริเวณดังกล่าว
นอกจากนี้ กทม.ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับบริษัทผู้ให้บริการรับ-ส่งอาหารและสินค้า (Rider) เพื่อแก้ไขปัญหาพนักงาน หรือคนรับ-ส่งอาหารและสินค้า (Rider) นำรถจักรยานยนต์มาขับขี่บนทางเท้า หรือฝ่าฝืนสัญญาณจราจรอันเป็นการกระทำผิดกฎหมาย โดย กทม.จะจัดส่งข้อมูลจากการใช้เทคโนโลยีวิเคราะห์ภาพจากกล้อง CCTV แบบ AI ภาพผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์บนทางเท้า และอ่านหมายเลขป้ายทะเบียน พร้อมแยกประเภทของพนักงาน หรือคนรับ-ส่งอาหารและสินค้า (Rider) ตามลักษณะการแต่งกายที่ปรากฏตามภาพให้กับบริษัท เพื่อให้บริษัทตรวจสอบและกวดขัน กำกับดูแล หรือดำเนินการตามความเหมาะสมไม่ให้พนักงาน หรือคนรับ-ส่งอาหารและสินค้า (Rider) กระทำผิดกฎหมายซ้ำอีก หรือดำเนินมาตรการที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว อันเป็นมาตรการเพื่อความปลอดภัยของประชาชนและสังคมที่เกิดประโยชน์ต่อสาธารณะ
ทั้งนี้ สนท.ได้ดำเนินโครงการกวดขันรถยนต์ รถจักรยานยนต์จอด หรือขับขี่บนทางเท้า เพื่อดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนผู้ใช้ทางเท้า โดยให้สำนักงานเขตบังคับใช้กฎหมาย ห้ามไม่ให้รถจอด หรือขับขี่บนทางเท้าโดยเด็ดขาด อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 17 (2) แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 และให้เจ้าหน้าที่เทศกิจออกตรวจตรา กวดขัน เฝ้าระวังไม่ให้มีการกระทำผิด และตั้งโต๊ะจับ-ปรับรถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์จอด หรือขับขี่บนทางเท้าในบริเวณพื้นที่ที่มีผู้ฝ่าฝืนจำนวนมาก หรือในจุดซึ่งประชาชนร้องเรียนเป็นประจำ โดยให้พิจารณาดำเนินการในช่วงเวลาเร่งด่วน ซึ่งที่ผ่านมาระหว่างเดือน ก.ค.61 – 8 พ.ย.66 กวดขันจับกุมผู้กระทำความผิด 55,530 ราย ปรับเป็นเงิน 62,257,000 บาท
กทม.แนะดูแลสุขภาพเด็กเล็ก-ผู้สูงอายุจากเชื้อ hMPV และ RSV ช่วงปลายฝนต้นหนาว
นายสุนทร สุนทรชาติ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย (สนอ.) กทม. กล่าวถึงแนวทางป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อ Human Metapneumovirus (hMPV) และเชื้อไวรัส RSV ว่า เชื้อ Human Metapneumovirus : hMPV คือ ไวรัสชนิดหนึ่งซึ่งอยู่ในกลุ่มเดียวกับ RSV ที่ทำให้เกิดอาการติดเชื้อในทางเดินหายใจแบบเฉียบพลัน มักพบการระบาดในช่วงปลายฤดูฝนถึงต้นฤดูหนาว ส่วนใหญ่พบในกลุ่มเด็กเล็กอายุน้อยกว่า 5 ปี และผู้สูงอายุ ส่วนในผู้ใหญ่และเด็กโตที่มีภูมิต้านทานดีหากติดเชื้อดังกล่าวอาจมีอาการเหมือนเป็นไข้หวัดธรรมดา หรือไม่มีอาการ โดยเชื้อนี้สามารถติดต่อผ่านทางน้ำมูก น้ำลาย ไอ หรือจาม ซึ่งการตรวจหาเชื้อทำได้โดยวิธีการ Swab ป้ายจมูกแล้วส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่นเดียวกับการตรวจหาเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ และ RSV ด้านการรักษายังไม่มียารักษาเฉพาะเจาะจง จะรักษาแบบประคับประคองตามอาการของผู้ป่วยเป็นหลัก
สำหรับแนวทางการป้องกันและควบคุมโรค สนอ.ได้ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออนไลน์และแผ่นพับรณรงค์ส่งเสริมความรู้ให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง และผู้ดูแลผู้สูงอายุเกี่ยวกับวิธีดูแลสุขภาพและสังเกตอาการของบุตรหลาน โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็กและผู้สูงอายุในครอบครัวที่มีความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจ โดยเน้นย้ำการดูแลสุขอนามัย หมั่นล้างมือให้สะอาด รวมถึงการสวมหน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธีเมื่ออยู่ในสถานที่ที่มีคนมาก หลีกเลี่ยงการเดินทางไปที่ที่มีคนอยู่หนาแน่น เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยในช่วงที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง พร้อมทั้งให้สุขศึกษาในโรงเรียนโดยพยาบาลอนามัยโรงเรียน เน้นย้ำให้คัดกรองเด็กทุกคนก่อนเข้าโรงเรียนทุกวัน หากมีอาการไข้ ไอ มีน้ำมูกให้ผู้ปกครองมารับกลับบ้าน เพื่อตัดวงจรการแพร่กระจายเชื้อและหมั่นเช็ดถูทำความสะอาดบริเวณพื้นที่ผิวสัมผัสร่วมอย่างสม่ำเสมอทั้งในโรงเรียนและสถานดูแลผู้สูงอายุ
กทม.กำชับหน่วยงานสาธารณูปโภคเข้มตรวจสอบมาตรการความปลอดภัยงานก่อสร้างป้องกันอุบัติเหตุ
นายธวัชชัย นภาศักดิ์ศรี ผู้อำนวยการสำนักการโยธา (สนย) กทม. กล่าวถึงแนวทางการป้องกันอุบัติเหตุจากถนนทรุดว่า กรุงเทพมหานคร โดย สนย.ได้ประสานความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยของถนนในพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อตรวจสอบป้องกันและซ่อมแชมก่อนเกิดอันตราย โดยการก่อสร้างโครงการต่าง ๆ ของหน่วยงานสาธารณูปโภคบนผิวถนนในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้ประชุม เพื่อประสานและกำกับหน่วยงานที่รับผิดชอบมาโดยตลอด กรณีการเกิดเหตุฝาบ่อกลางถนนสุขุมวิททรุดตัวยุบลึกเมื่อวันที่ 8 พ.ย.66 โดยมีรถบรรทุกดินตกลงบ่อ กทม.ได้เชิญหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างในพื้นที่ผิวจราจร เช่น การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) การประปานครหลวง (กปน.) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ร่วมกันหารือแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยกำชับทุกหน่วยงานให้ควบคุมการใช้รถบรรทุกไม่ให้บรรทุกน้ำหนักเกินมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด ขณะเดียวกันให้ทุกหน่วยงานเข้มงวดตรวจสอบมาตรการด้านความปลอดภัยของโครงสร้างชั่วคราวงานก่อสร้างให้มีความมั่นคงแข็งแรง หากพบว่า มีความเสี่ยงให้ดำเนินการแก้ไขซ่อมแซมให้มีความมั่นคงแข็งแรง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้น และให้ทุกหน่วยงานตรวจสอบสภาพผิวฝาบ่อพักชั่วคราวทุกจุดให้เรียบในช่วงเวลาคืนสภาพผิวจราจร เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น พร้อมหาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดหลุม หรือพื้นถนนยุบตัว โดยพิจารณาใช้เครื่องสแกนตรวจสอบผิวจราจรเป็นระยะ ๆ โดยเฉพาะถนนสายหลัก ซึ่งเป็นจุดที่มีผลกระทบต่อประชาชนมาก
กทม.กำชับผู้รับจ้างงานปรับปรุงระบบระบายน้ำถนนศรีบูรพาเร่งคืนผิวจราจร-ทางเท้าภายใน ธ.ค.นี้
นายสุราษฎร์ เจริญชัยสกุล ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ (สนน.) กล่าวกรณีมีข้อวิจารณ์งานเทปูนโครงการก่อสร้างของ กทม.บริเวณถนนศรีบูรพา แยกนิด้า ก่อนขึ้นสะพานข้ามคลองแสนแสบ ไม่เป็นไปตามมาตรฐานว่า งานเทปูนโครงการก่อสร้างบริเวณดังกล่าวเป็นงานปรับปรุงระบบระบายน้ำถนนศรีบูรพา ช่วงบริเวณบึงลำพังพวยถึงคลองแสนแสบของ สนน.เพื่อช่วยบริหารจัดการภายในบึงลำพังพวยที่รับน้ำมาจากถนนเสรีไทย ถนนนวมินทร์ และถนนศรีบูรพา โดยผ่านท่อระบายน้ำบนถนนศรีบูรพาและสูบน้ำลงคลองแสนแสบ ซึ่งจากการตรวจสอบ พบผู้รับจ้างดำเนินงานไม่เป็นไปตามมาตรฐานงานทาง จึงได้สั่งการให้ทุบรื้อทันทีและแก้ไขให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ขณะนี้ผู้รับจ้างอยู่ระหว่างดำเนินการแก้ไขงานคืนผิวจราจรและทางเท้า ทั้งนี้ ได้กำชับผู้รับจ้างดำเนินงานให้ถูกต้องตามมาตรฐานการก่อสร้าง ตามรูปแบบรายการและสัญญา พร้อมมีมาตรการด้านความปลอดภัยและมาตรฐานการก่อสร้างตามสัญญาอย่างเคร่งครัด ปัจจุบันผลงานมีความคืบหน้าร้อยละ 95 คาดว่าจะแล้วเสร็จและสามารถใช้งานได้ประมาณเดือนธันวาคม 2566