ย้ำGDPไทยต้องโต5%รับมือศก.โลกผันผวน-สงครามอิสราเอล
ผู้จัดการรายวัน360 – ผ่าวิกฤตธุรกิจคอนโดฯ ปี 2567 “ชัชชาติ” มองกรุงเทพฯ มีศักยภาพสูง จีดีพี รายได้ ประชากร มีสัดส่วนที่สูง แต่ยังไม่จูงใจนักลงทุนเข้ามาอยู่ ลั่นหน้าที่ตนเอง ต้องสร้างให้เกิดการลงทุนใหม่ๆ ด้านผู้ประกอบการในธุรกิจคอนโดฯ ฟันธง ตลาดปี 67 เหนื่อย เหตุผลพ่วงปัจจัยสงครามอิสราเอล เฟดจ่อขึ้นดอกเบี้ย เงินเฟ้อขยับขึ้น แนะเอกชนต้องระมัดระวังลงทุนโครงการใหม่มากถึง 200% หวัง รัฐบาลปลุกจีดีพี ตามเป้า 5% กระตุ้นกำลังซื้อคอนโดฯ ให้เกิด
วานนี้ (26 ต.ค. 2566) สมาคมอาคารชุดไทย ได้จัดงานสัมมนา “ผ่ากลยุทธ์ธุรกิจคอนโดมิเนียม 2024″ โดยมีวิทยากรทั่งจากภาครัฐและผู้บริหาร ระดับสูงจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ร่วมเป็นวิทยากรในครั้งนี้
โดย รศ.ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง”วิสัยทัศน์กรุงเทพฯในอนาคตกับภาคอสังหาริมทรัพย์” ว่า เมืองกับคอนโดมิเนียมเป็นเรื่องที่มีส่วนสำคัญ และด้วยความหนาแน่นของการอยู่อาศัยในกรุงเทพฯ จะส่งผลให้ความต้องการในเมืองจะมากขึ้น แม้ในตอนนี้ซัปพลายคอนโดฯ จะอยู่ในตลาดไม่ต่ำกว่าแสนหน่วย แต่ด้วยดีมานด์ที่เติบโต เชื่อมั่นว่าตัวเลขน่าจะปรับลดลงได้ ประกอบกับคนจากชนบทจะเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ มากขึ้น ตรงนี้จะเป็นดีมานด์ที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต เนื่องจากกรุงเทพฯ มีขนาด GDP ที่ใหญ่ สัดส่วนประมาณ 33 % (5.3 ล้านล้านบาท) ของ GDP ประเทศไทย (มูลค่า 16.1 ล้านล้านบาท) มีรายได้จากการท่องเที่ยวคิดเป็น 30% (0.3 ล้านล้านบาท) ของรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งหมดของประเทศ (1 ล้านล้านบาท) ประชากรในกรุงเทพฯรวมประกรแฝงอยู่ที่ราว 8-10 ล้านคน คิดเป็นประมาณ 14% ของคนทั้งประเทศ (66ล้านคน) ที่สำคัญมีจำนวนบริษัทที่จดทะเบียนนิติบุคคลในกรุงเทพฯคิดเป็น 36% (316,051 ราย) ของทั้งประเทศ (887,053)
“ประเทศไทยมีคนมาท่องเที่ยวเยอะ คนมาอยู่แต่ไม่นาน แม้ว่าค่าครองชีพของประเทศไทยจะถูกกว่าฮ่องกงและสิงคโปร์ เพราะคุณภาพชีวิตบ้านเราต่ำ อยู่อันดับ 98 ของโลก ตรงนี้ เป็นดัชนีชี้วัดได้เหมือนกันว่า ประเทศ ไทยมีศักยภาพแค่ไหน ดังนั้น หากเราสามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตได้ดี จะดึงคน มีนักลงทุนเข้ามา แต่เรามีความอ่อนไหวในเรื่องของความมั่นคง ซึ่งหน้าที่ผม (ผู้ว่าฯ กทม.) ต้องพยายามจูงใจนักลงทุนเข้ามา เพื่อให้เกิดการจ้างงานในเมือง กทม.ให้มากที่สุด และมองหาซื้อคอนโดมิเนียมในเมือง ซึ่งมีแหล่งงานรองรับจำนวนมาก และจากนี้ไป เราจะเห็นสงครามการดึงคนเก่งเข้าประเทศ เพราะคนเก่งเลือกได้ ถ้าประเทศนั้นๆมีคุณภาพชีวิตที่ดี”
ผวา ‘ดีมานด์จีน’ หาย เหตุ ศก. ชะลอตัวหนักหวัง ‘รัฐบาลเศรษฐา’ กระตุ้นต่างชาติ !
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึง “ผ่ากลยุทธ์ธุรกิจคอนโดมิเนียม ปี 2024” ยอมรับว่า ภาพรวมปีนี้ไม่ค่อยดี เราเสียโอกาสไป 1 ปี จากเดิมที่น่าจะเป็นปีที่ดี เราเตรียมตัวดีไปตามจีดีพีเนื่องจากเราฟื้นตัวจากโควิด แต่เศรษฐกิจโลกเกิดความผันผวน เกิดปัจจัยใหม่ที่ไม่คาดคิดจะเกิดขึ้น คือ สงครามระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ ทำให้เราต้องจับตามองว่าแผนธุรกิจปี 2567 หลายบริษัทอสังหาริมทรัพย์คงจะปรับ ขณะที่ตลาดหุ้นไทยน่าจะดี แต่ปัจจุบันหุ้นตก เพราะเศรษฐกิจเรื่องกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายออก ได้ส่งผลกระทบ เนื่องจากอัตราผลตอบแทนจากพันธบัตรของสหรัฐฯได้ดึงเงินจากทั่วโลกกลับไป
“อสังหาฯ ไทย ก็รอดูรัฐบาลใหม่กระตุ้นเศรษฐกิจ ทางคณะรัฐมนตรี มีความตั้งใจกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการลงทุนทุกประเภท คิดว่า อสังหาฯน่าจะเป็นเซกเตอร์หนึ่งที่เข้าไปร่วมการเติบโตของจีพีดีระดับร้อยละ 5 ในปี 2567 จากนี้ไป เรายังคงต้องดูกำลังซื้อในประเทศ และคิดว่า ภาครัฐน่าจะ ส่งเสริมตลาดต่างชาติ ปีนี้ เราอาจจะอกหักทัพใหญ่จากจีนยังไม่มา และจากการที่ตนเดินทางไปประเทศจีน เห็นว่า ภาคการก่อสร้างโครงการอสังหาฯ ในประเทศจีนเริ่มชะลอตัวลง เห็นป้ายลดราคาอสังหาฯ ตนมองว่าอสังหาฯจีนน่าจะชะลอไป 3-4 ปี ภาพที่เห็น คอนโดฯที่จีนคล้ายๆ เกิดต้มยำกุ้ง เพราะเศรษฐกิจ จีนเคยเติบโตหลายเท่าตัว แต่ครั้งนี้ กลับสวนทาง คำถามคือ จีนจะมา หรือไม่ คิดว่า คนจีนยังมา เราจะเห็น คนจีนไปซื้ออสังหาฯ ที่สิงคโปร์เยอะมาก ทำให้รัฐบาลสิงคโปร์ ต้องเก็บภาษีการซื้อเพิ่มขึ้น และเก็บภาษีจากต่างชาติมาซื้ออสังหาฯ ด้วย เพื่อลดความร้อนแรงในสิงคโปร์ แต่ตนก็ยังเชื่อมั่นว่า ในปี 2567 คนจีนจะกระจายความมั่งคั่งออกสู่ต่างประเทศ อยู่ที่ว่า เรา (อสังหาฯ ไทย) จะไปเอาดีมานด์ดีหรือไม่ แต่ก็ถือว่า เรายังโชคดี ที่มีผู้ซื้อสัญชาติอื่นมาทดแทน เช่น สหรัฐฯ, รัสเซีย และอังกฤษ” นายพีระพงศ์ กล่าวและหวังว่า จิ๊กซอว์ใหญ่ ที่รอกระตุ้นจากต่างชาติ ต้องรอภาครัฐเข้ามา เพราะการเปิดให้ต่างชาติเข้ามาจะสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศไทย เช่น คนต่างชาติ 1 ครอบครัว มาอยู่อาศัย 10 ปี ทำให้มีรายได้ 2-3 ล้านบาทต่อปี และ 10 ปี ก็ประมาณ 20-30 ปี เป็นต้น
จีดีพี ต้องโต 5% กระตุ้นให้คนมีกำลังซือ
ดร.อาภา อรรถบูรณ์วงศ์ ประธานกรรมการวังบริหาร บริษัท ริชี่ เพลซ 2002 จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ประเทศไทยพึ่งพารายได้จากการส่งออก ซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 60-70% และถ้าเศรษฐกิจเราอ่อนตัวลง ก็ทำให้ จีดีพี หดลงเหลือ 2% ก็จะยิ่งทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ในกลุ่มระดับกลางลงล่าง รายได้ลดน้อยลง ก็มีผลทำให้กำซื้ออ่อนลง ทำให้คน กลุ่มนี้ ต้องระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอย คนเหล่านี้ จะมองเรื่องความสำคัญของชีวิต เก็บเงินไว้ใช้จ่าย เรื่องซื้อบ้าน ก็อยากได้ แต่ไม่สามารถซื้อได้ ขณะที่ตัวเลขการปฏิเสธสินเชื่อที่บริษัทฯ ประสบมาสูงถึง 50%
“เราต้องการจีดีพีเติบโต ร้อยละ 5 เพราะถ้าเศรษฐกิจโตได้ระดับนี้ จะเพียงพอในการส่งเสริมให้คนมีกำลังซื้อ เศรษฐกิจจะโตก้าวไปข้างหน้าได้ ต้องโตระดับร้อยละ 5 แต่ถ้าร้อยละ 2-3 ก็แค่เอาตัวรอด ดังนั้น กลยุทธ์ธุรกิจคอนโดฯ ในปี 2024 โครงการใหม่ ควรมีจุดเด่นหรือแตกต่างที่ชัดเจน และต้องใช้ความระมัดระวังสุดๆ ถึง 200% เพราะธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด มีแนวโน้มจะขึ้นดอกเบี้ย เมื่อประเทศไทยขึ้นดอกเบี้ยตาม ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อต่อ ข้าวยาก หมากแพง เราก็เป็นห่วงรัฐบาล เพราะรัฐบาลทำอะไรไม่ได้หมด ทุกอย่าง”
ซี.พี.แลนด์ มอง SME-ชนชัน กลางต้องเข้มแข็ง
นายกีรติ ศตะสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด (มหาชน) CP LAND กล่าวว่า แต่ละประเทศทั่วโลก มีปัญหาหมด เรื่องปฏิเสธสินเชื่อเกิดขึ้นกลายเป็นปกติ ยิ่งกลุ่มคนชั้นกลาง ไม่มีกำลังซื้อ ดังนั้น หากต้องการให้ประเทศ ไทยเคลื่อนไปข้างหน้าได้ ธุรกิจ SME และชนชั้นกลาง ต้องแข็งแรง
“ปี 2567 เราจะเหนื่อย เศรษฐกิจจะไม่เติบโตอย่างรวดเร็ว เราต้องการภาคเศรษฐกิจที่เข้ามาช่วย ซึ่งผู้ประกอบการอสังหาฯ มีส่วนสำคัญ ช่วยให้คนมีบ้าน และช่วยให้คนที่ต้องเช่าที่อยู่อาศัยเปลี่ยน มาสู่การมีสินทรัพย์เป็นของตนเอง”.
ที่มา: นสพ.ผู้จัดการรายวัน 360 องศา ฉบับวันที่ 27 ต.ค. 2566