คุมรง.เสี่ยงปล่อย ฝุ่นPM2.5 เสนอรางวัลนำจับ

ให้ผู้ชี้เบาะแส ต้นเหตุมลพิษ

“พัชรวาท” รมว.ทรัพยากรธรรมชาติ จับมือ “ชัชชาติ” ผู้ว่าฯ กทม. ลดฝุ่น PM 2.5 เน้นควบคุมแหล่งกำเนิด พบร้อยละ 57 มาจากรถยนต์ดีเซล เป็นรถบรรทุกและปิกอัพ พร้อมควบคุมโรงงานอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงปล่อยฝุ่น ด้าน “ชัชชาติ” เสนอแบ่งเงินรางวัลนำจับต้นเหตุมลพิษ ชี้มาตรการ WFH มี 4 หมื่นคนพร้อมเข้าร่วมแล้ว

เมื่อวันที่ 20 ต.ค. ที่กรมป่าไม้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) พร้อมด้วยนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ร่วมแถลงข่าวการรับมือสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 กรุงเทพมหานคร

พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 โดยมีการแต่งตั้งคณะกรรมการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศเพื่อความยั่งยืน ซึ่งมีตนเป็นประธาน เพื่อเป็นกลไกเร่งรัดการดำเนินมาตรการเพื่อลดฝุ่น PM2.5 เพราะขณะนี้กรุงเทพฯ ใกล้เข้าสู่สถานการณ์ฝุ่น และปีหน้าปรากฏการณ์เอลนีโญจะส่งผลให้แล้งมากขึ้น เบื้องต้นกระทรวงทรัพยากรฯ ได้เตรียมมาตรการรับมือฝุ่น ทั้งการควบคุมไฟในป่า การเผาในพื้นที่เกษตร และการควบคุมการเกิดฝุ่นในพื้นที่กรุงเทพฯ ไว้แล้ว สิ่งที่สำคัญคือ ต้องนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเร่งด่วนทันที

พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวอีกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การควบคุมแหล่งกำเนิดของฝุ่นมาจากยานพาหนะ กระทรวงคมนาคม ตำรวจจราจร กระทรวงพลังงาน กรมควบคุมมลพิษ และกรุงเทพฯ เข้มงวดการตรวจสอบตรวจจับรถควันดำโดยเฉพาะการเข้ามาในเขตเมืองชั้นใน การตรวจสภาพรถยนต์ กวดขันวินัยจราจร พื้นที่ก่อสร้าง ต้องสนับสนุนประชาชนในการบำรุงรักษารถ การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าและรถสาธารณะ การนำน้ำมันยูโร 5 มาใช้อย่างเต็มพื้นที่ และกระทรวงอุตสาหกรรม ต้องควบคุมโรงงานทุกแห่งที่มีความเสี่ยงสูงในการปล่อยฝุ่น สำหรับพื้นที่รอบนอก ขอให้ กทม. สนับสนุนเกษตรกรช่วยกันไม่เผาตอซังฟางข้าว สุดท้ายต้องมีการสื่อสารเชิงรุก ตรงจุด ต่อเนื่อง บ่อยครั้ง ทั้งช่วงก่อน ระหว่าง และหลังสถานการณ์ การแจ้งเตือนสถานการณ์ฝุ่นต้องทั่วถึง เท่าเทียม ทันท่วงที เพื่อให้ประชาชนรับทราบข้อมูลที่รวดเร็ว ถูกต้อง ความร่วมมือที่สำคัญคือประชาชนทุกคน นอกจากดูแลตนเอง ต้องให้ความร่วมมือปฏิบัติตามคำแนะนำ คำร้องขอของภาครัฐด้วย เพราะเราทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของการปล่อยฝุ่น

ด้านนายชัชชาติ กล่าวว่า กทม. ได้จัดทำแผนลดฝุ่น 365 วัน ตั้งแต่ในเรื่องติดตามเฝ้าระวัง มีการทำ Riskmap เพื่อ ลงในแผนที่ที่จะสามารถเข้าถึงพื้นที่ได้ทันที มีการปรับปรุง AirBKK เพื่อให้ประชาชนวางแผนการเดินทางและการป้องกันตน การเผาในที่โล่ง ใช้ประชาชนเป็นแนวร่วม โดยแบ่งเงินรางวัลนำจับให้กับผู้แจ้งเหตุ กำจัดต้นตอ โดยตรวจควันดำ ณ แหล่งกำเนิด อู่รถเมล์ พื้นที่ก่อสร้าง ป้องกันประชาชน โดยทำห้องปลอดฝุ่น มีการติดตั้งเครื่องฟอก การออกมาตรการ WFH ซึ่งร่วมกับกรมควบคุมมลพิษในการพยากรณ์ ซึ่งขณะนี้มีเอกชนเข้าร่วม รวมพนักงานกว่า 4 หมื่นคนที่สามารถให้ความร่วมมือได้ทันที นอกจากนี้ ให้ทุกโรงเรียนใน กทม. ชักธงใน 437 แห่ง เพื่อให้เด็กรู้ และจะได้นำไปบอกครอบครัว เพื่อให้ผู้ปกครองและประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม

ด้านนายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า แหล่งกำเนิดหลักในกรุงเทพฯ มาจากรถยนต์ดีเซล 57% ซึ่งเป็นรถบรรทุกและรถปิกอัพ ประกอบกับปีนี้ได้มีการปรับปรุงมาตรฐานฝุ่นละออง PM2.5 และดัชนีคุณภาพอากาศที่มีความเข้มขึ้น เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพอนามัย ซึ่งจะทำให้สามารถแจ้งเตือนประชาชนได้อย่างรวดเร็ว และในปีนี้ได้ยกระดับมาตรการขึ้นให้มีความเข้มข้นมากกว่าปีที่ผ่านมา โดยจัดทำเป็นมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 ปี 2567 ซึ่งได้มีการเตรียมความพร้อมการรับมือฝุ่นละออง ทั้งในเรื่องการส่งเสริมน้ำมันกำมะถันต่ำ ทำให้ฝุ่น ลดลง การพัฒนาระบบตรวจสอบย้อนกลับ การเผาในพื้นที่เกษตรกรและพื้นที่ป่า เร่งนำระบบ GAP PM2.5 Free มาใช้ และส่งเสริมสินค้าเกษตรปลอดการเผา.

 

 

ที่มา:  นสพ.เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 22 ต.ค. 2566 (กรอบบ่าย)

แชร์ข่าว:
กรุงเทพฯ มีอะไร อัพเดทข่าวสารฉับไว กิจกรรมที่น่าสนใจ และมีส่วนร่วมได้ รวมไว้ให้ที่นี่

©2022 สงวนลิขสิทธิ์ กรุงเทพมหานคร

สำนักงานประชาสัมพันธ์ สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร 173 ถนนดินสอ แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กทม. 10200