เขตบึงกุ่มเร่งแก้ปัญหาทางเข้า-ออก ชุมชนคลองลำรางบางเตย
นายนันทพงศ์ แก้วศรี ผู้อำนวยการเขตบึงกุ่ม กทม. กล่าวกรณีชาวชุมชนคลองลำรางบางเตย เสรีไทย เขตบึงกุ่ม ร้องเรียนได้รับความเดือดร้อนจากการถูกปิดทางเข้า – ออกสาธารณะบริเวณซอย 9 ทำให้ต้องไปใช้ทางสัญจรชั่วคราวในซอยเสรีไทย 35 ซึ่งรถไม่สามารถเข้า – ออกได้ว่า จากการตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ที่ดินพบว่า ชุมชนคลองลำรางบางเตยเป็นที่ดินที่ไม่มีทางเข้า – ออก มีลำรางสาธารณะและบึงน้ำคลองบางเตยปิดกั้นที่ดิน เดิมประชาชนในพื้นที่สัญจรเข้า – ออกชุมชนผ่านที่ดินเอกชน (ที่ดินของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์) เพื่อมาเชื่อมต่อกับถนนส่วนบุคคล (หมู่บ้านเจริญกาญจน์) ซอยเสรีไทย 41 แยก 9 ซึ่งเป็นทางคอนกรีต กว้าง 1.20 เมตร ยาว 150 เมตร และตรวจสอบไม่พบข้อมูลว่าหน่วยงานใดเข้ามาปรับปรุง สำนักงานเขตฯ จึงได้ยื่นเรื่องขอรังวัดสอบเขตที่ดินเมื่อวันที่ 13 ก.ค.2562 เพื่อตรวจสอบความชัดเจนของแนวเขตที่ดินบริเวณที่ติดกับบึงน้ำสาธารณะ ผลปรากฏว่า เส้นทางสัญจรที่ประชาชนใช้สอยมีการรุกล้ำเข้าไปในที่ดินเอกชนจริง สำนักงานเขตฯ จึงได้เจรจาไกล่เกลี่ยกับเจ้าของที่ดิน โดยขอความอนุเคราะห์ให้ประชาชนใช้สัญจรเป็นทางเข้า – ออกบางส่วน แต่เจ้าของที่ดินยืนยันที่จะใช้ประโยชน์ที่ดินตามกรรมสิทธิ์ในการครอบครองที่ดินตามผลการรังวัด อย่างไรก็ตาม เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนในพื้นที่ สำนักงานเขตฯ ได้ประสานสำนักการระบายน้ำ (สนน.) ตรวจสอบความเป็นไปได้การจัดทำทางเดินเลียบบึง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของ สนน.
สำหรับทางเข้า – ออกชั่วคราวบริเวณซอยเสรีไทย 35 อยู่ในชุมชนบางเตยบน ซึ่งจัดตั้งขึ้นตามระเบียบ กทม. มีบ้านเรือนประชาชนและไม่ได้เป็นพื้นที่เปลี่ยว จากการตรวจสอบแผนที่ระวางที่ดินเรื่องแปลงทางสัญจร พบว่า ถนนซอยเสรีไทย 35 เป็นทางสาธารณประโยชน์ สภาพผิวจราจรเป็นแอสฟัลติกคอนกรีต (ยางมะตอย) กว้าง 6.00 เมตร มีระยะทางจากท้ายซอยถึงปากซอย (ถนนเสรีไทย) ยาว 600 เมตร ซึ่งสำนักงานเขตฯ จะได้ขอเจรจาไกล่เกลี่ยกับเจ้าของที่ดินขอให้ชาวชุมชนคลองลำรางบางเตยใช้สะพานที่เชื่อมต่อกับที่ดินเอกชนถึงซอยเสรีไทย 35 เป็นทางเข้า – ออก เพื่อช่วยบรรเทาเหตุเดือดร้อนในระยะยาว รวมทั้งได้ประสานสถานีตำรวจนครบาล (สน.) บึงกุ่ม จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจตราดูแลความปลอดภัยบริเวณชุมชนอีกทางหนึ่ง
กทม.ตรวจสอบเหตุป้ายบอกทางเข้าห้างล้มใส่รถยนต์ เพิ่มความเข้มงวดกวดขันการตั้งวางสิ่งของบนพื้นที่สาธารณะ
น.ส.สุขวิชญาณ์ นสมทรง ผู้อำนวยการเขตปทุมวัน กทม. กล่าวกรณีเสาป้ายบอกทางเข้าห้างล้มใส่รถยนต์ได้รับความเสียหายว่า สำนักงานเขตฯ ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว โดยลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุและสอบถามเจ้าหน้าที่อาคารของสยามสแควร์ ทราบว่า ป้ายดังกล่าวเป็นป้ายล้อเลื่อนบอกทาง เข้าอาคารตั้งวางในพื้นที่เอกชนบริเวณทางเข้าห้างสรรพสินค้า โดยสาเหตุที่ป้ายล้ม เนื่องจากมีชาวต่างชาติสะดุดล้มชนป้ายและป้ายดังกล่าวไม่มีการยึดไว้กับพื้น จึงล้มใส่รถยนต์จนกระจกแตก โดยผู้เสียหายอยู่ระหว่างเจรจากับผู้บริหารอาคารเรื่องการชดใช้ค่าเสียหาย อย่างไรก็ตาม สำนักงานเขตฯ ได้ให้คำแนะนำและตักเตือนเจ้าหน้าที่อาคารฯ ในการติดตั้งป้ายให้มีความมั่นคงแข็งแรงและไม่กีดขวางทางสัญจร ขณะเดียวกันได้กำชับเจ้าหน้าที่เทศกิจเพิ่มความเข้มงวดกวดขันการตั้งวางสิ่งของบนทางเท้าและพื้นที่สาธารณะ รวมทั้งหมั่นสอดส่องดูแลไม่ให้มีป้ายโฆษณาที่ผิดกฎหมาย นอกจากนั้น ยังให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายโยธากวดขันความปลอดภัยและมั่นคงในการติดตั้งป้าย เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนต่อไป
นายศุภกฤต บุญขันธ์ ผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ (สนท.) กทม. กล่าวว่า ในส่วนของ สนท.ได้กำหนดมาตรการเพิ่มความเข้มงวด โดยจัดเจ้าหน้าที่เทศกิจร่วมกับสำนักงานเขตตรวจตรากวดขันการตั้งวางสิ่งของบนทางเท้าและพื้นที่สาธารณะ รวมถึงป้ายบอกทางต่าง ๆ ทั้งของหน่วยงานราชการและภาคเอกชนให้มีความปลอดภัย มั่นคงแข็งแรง เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน กรณีการติดตั้งป้ายโฆษณาของภาคเอกชน หรือบริษัท ห้าง ร้านต่าง ๆ บนทางเท้า หรือที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น ถือว่าเป็นการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 มีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท โดยในเดือน พ.ย.65 ได้จับกุมและดำเนินคดีผู้ฝ่าฝืนติดตั้งป้ายโฆษณาในที่สาธารณะโดยไม่รับอนุญาต จำนวน 12 ราย เปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 98,000 บาท และในระหว่างเดือน พ.ค.61 ถึงปัจจุบัน พบว่า มีป้ายผิดกฎหมายและจัดเก็บให้พ้นจากที่สาธารณะ รวม 244,544 ป้าย และส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาล (สน.) ท้องที่ดำเนินคดีกับผู้ฝ่าฝืน 51 ราย และเจ้าหน้าที่เทศกิจเปรียบเทียบปรับ 5,993 ราย เป็นเงิน 16,382,800 บาท ทั้งนี้ สำนักเทศกิจได้ประสานทุกสำนักงานเขตให้จัดเจ้าหน้าที่เทศกิจตรวจตราพื้นที่และดำเนินคดีกับผู้ติดตั้งป้ายโฆษณาในที่ หรือทางสาธารณะโดยไม่รับอนุญาตอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกวัน