กทม. MOU TikTok ดัน 3 ด้าน ขับเคลื่อนกรุงเทพฯ เป็น Smart City อย่างยั่งยืน คลิกออฟโบ๊เบ๊ TikTok Shop กว่า 100 ร้าน/ต่อยอด “ไม่เทรวม” ผุดแคมเปญสิ่งแวดล้อม ต.ค.-ธ.ค.นี้
วันที่ 10 ต.ค.2566 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประธานในพิธีและร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างกรุงเทพมหานคร กับ TikTok เพื่อร่วมขับเคลื่อนกรุงเทพฯ เป็น Smart City อย่างยั่งยืน โดยมี นางชนิดา คล้ายพันธ์ Head of Public Policy-Thailand, TikTok ร่วมลงนาม ณ ห้องบางกอก อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกทม. ดินแดง
นายชัชชาติกล่าวว่า เมืองจะน่าอยู่ได้ด้วยปัจจัยหลักที่ขาดไม่ได้ คือ 1.เรื่องคุณภาพของคน หัวใจของเมืองอยู่ที่ “คน” การที่เมืองมีคนดีคนเก่งอยู่มากก็จะช่วยกันพัฒนาเมืองและพัฒนาบริการต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้นได้ 2.เรื่องเศรษฐกิจ คนในเมืองมีอาชีพ การค้าการขายคล่องตัว ยิ่งเป็นเสน่ห์ดึงดูดให้เกิดการค้าการลงทุน เกิดบรรยากาศของการเดินทาง-ท่องเที่ยวที่คึกคัก และกระตุ้นให้เศรษฐกิจของเมืองมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น และ 3.เรื่องของสิ่งแวดล้อมที่ดี ไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อสุขภาพ และคน ในเมืองร่วมแรงร่วมใจกันทำให้เมืองมีความสะอาด สดชื่น สวยงาม ใช้ชีวิตด้วยความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ซึ่ง 3 ปัจจัยนี้ เป็นสิ่งที่กรุงเทพมหานครกำลัง ขับเคลื่อนให้เห็นผลเป็นรูปธรรม
“เราพยายามทำกรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองอัจฉริยะ หรือ Smart City โดยนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ในการทำงานและพัฒนาการให้บริการต่างๆ ซึ่งต้องขอบคุณทาง TikTok ที่เห็นตรงกันกับเรา และช่วยกันผลักดันให้ไปถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้น ทั้ง 3 เสาหลัก Smart People, Smart Economy และ Smart Environment ความร่วมมือภายใต้บันทึกความเข้าใจฉบับนี้ มาจากเจตนารมณ์ที่แน่วแน่ร่วมกัน ของ กทม. และ TikTok ในอีกไม่ช้าสิ่งที่เราคาดหวังจะได้เห็นจะเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเด็กๆ นักเรียน กทม. ที่จะเป็นแบบอย่างของ Content Creator ในการทำคอนเทนต์ TikTok ได้อย่างสร้างสรรค์ เท่าทัน และรับผิดชอบต่อสังคม รวมถึงชาวกรุงเทพฯ ทุกเพศทุกวัย ที่จะสนุกสนานกับการมีส่วนร่วมในการทำแคมเปญรณรงค์ต่างๆ บน TikTok และร่วมกันเป็นพลังผลักดันให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีสิ่งแวดล้อมที่ดีได้ ตลอดจนพ่อค้าแม่ขาย ไม่ว่าจะมีหน้าร้านหรือไม่ ก็สามารถค้าขายได้ โดยผ่านทาง TikTok Shop ซึ่งต้องยินดีกับผู้ค้าย่านโบ๊เบ๊-มหานาค มากกว่า 100 ร้านค้า ที่สมัครเข้ามาร่วมเปิดร้านกับ TikTok ในการนำร่องเฟสแรกก่อนขยายไปยังกลุ่มผู้ค้าอื่นๆ ต่อไป” ผู้ว่าฯกทม.กล่าว
ทั้งนี้ การลงนามความร่วมมือกรุงเทพมหานครกับ TikTok มีระยะเวลา 2 ปี ภายใต้ 3 แนวคิด ดังนี้ Smart Economy เกิดขึ้นด้วย TikTok มีความมุ่งมั่นในการเปิดโอกาสและสร้างความเป็นไปได้ให้กับทั้งครีเอเตอร์ ธุรกิจ ตลอดจนสังคมไทย ให้สามารถปลดล็อกศักยภาพด้าน การค้าขายบนแพลตฟอร์มเพื่อนำไปสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ดิจิทัลในอนาคต ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันที่หันไปจับจ่ายใช้สอยผ่านช่องทางออนไลน์ มากขึ้น จึงได้ร่วมมือกับกรุงเทพมหานครสนับสนุนกลุ่มผู้ขาย ในตลาดโบ๊เบ๊ หนึ่งในแหล่งขายเสื้อผ้าชื่อดังของกรุงเทพฯ ให้มีทักษะดิจิทัล และมีความรู้ในการทำคอนเทนต์ โดยจะมีการแบ่งปันความรู้ต่างๆ ผ่าน TikTok Shop Clinic เปิดโอกาสให้กลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย สามารถสร้างคอนเทนต์ได้อย่างสร้างสรรค์และประสบความสำเร็จบนแพลตฟอร์มได้อย่างยั่งยืน ส่วนแนวคิด Smart People เป็นความร่วมมือที่เกิดจากความมุ่งมั่นในการส่งเสริมทักษะทางดิจิทัลในกลุ่มเยาวชนไทย โดย TikTok และกรุงเทพมหานคร ได้ร่วมกันเปิดห้องเรียนคอมพิวเตอร์ จำนวน 109 ห้อง พร้อมจัดอบรม ตลอดจนร่วมพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนได้มี องค์ความรู้และทักษะทางคอมพิวเตอร์ที่จำเป็นในการ ต่อยอดทางสายงานอาชีพในอนาคต
และแนวคิด Smart Environment ร่วมกันจัดทำแคมเปญเพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหาทาง สิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ โดย ที่ผ่านมาได้จัดทำ hashtag challenge #ไม่เทรวม มีกระแส ตอบรับบนแพลตฟอร์ม TikTok อย่างคึกคักและเห็นผล อย่างเป็นรูปธรรม สามารถลดจำนวนขยะได้สูงถึง 52 ตัน ภายในระยะเวลาเพียง 1 เดือน หรือ 94 ตัน ภายใน 3 เดือน ครั้งนี้จึงต่อยอดแคมเปญ “ไม่เทรวม” ผสานพลัง กับหน่วยงานพันธมิตรเปิดตัวแคมเปญ “REact For Changes ลองเปลี่ยนโลก” สนับสนุนการสร้างสรรค์ คอนเทนต์รักษ์โลกในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร และ Eco-School ภายใต้แนวคิด Refill-Recheck-Recycle บนแพลตฟอร์ม TikTok เพื่อสร้างแรงบันดาลใจนำไปสู่การขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน โดยแคมเปญดังกล่าวจะจัดขึ้นระหว่างเดือนตุลาคมธันวาคม 2566
ที่มา: นสพ.แนวหน้า ฉบับวันที่ 11 ต.ค. 2566
