วันที่ 16 ตุลาคมที่จะถึงนี้ เป็นวันอาหารโลก (World Food Day) ในสังคมไทยยังมีคนอดอยาก ขณะที่ยังมีอาหารส่วนเกินและอาหารที่ขายไม่หมดถูกทิ้งทุกวัน นอกจากส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังกลายเป็นทรัพยากรที่เสียเปล่า ทั้งที่ยังมีผู้คนจำนวนมากต้องการอาหาร ซึ่งการส่งต่อกระจายอาหารเหล่านี้ให้กับผู้คนที่ยากไร้ในชุมชน กลุ่มเปราะบางต่างๆ เป็นอีกแนวทางแบ่งปันและสร้างความร่วมมือในการแก้ปัญหา เพราะขยะอาหารเป็นเรื่องใกล้ตัว และเป็นความรับผิดชอบของทุกคน
ทั้งนี้ วันอาหารโลก (World Food Day) เกิดขึ้นโดยองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ ปีนี้ชูแนวคิดหลัก “Water is life, Water is food, Leave No One Behind” หรือ “น้ำคือชีวิต น้ำคืออาหาร ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันในพื้นที่กรุงเทพฯ มีการเดินหน้าโครงการธนาคารอาหาร และโครงการ Food Waste อย่างเอาจริงเอาจังในหลายภาคส่วน
เนื่องในวันอาหารโลกปีนี้ นำมาสู่การจัดกิจกรรมกระตุ้นสังคมให้เกิดความตื่นตัวและเข้าใจปัญหาขยะอาหารอย่างถูกต้อง รวมทั้งแสดงเจตนารมณ์ต่อการแก้ไขปัญหาอย่างมุ่งมั่น และสร้างความร่วมมือกับองค์กรเครือข่ายในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยกรุงเทพมหานคร ร่วมกับมูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ (SOS) จัดกิจกรรมสร้างความตระหนักรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับคุณค่าและประโยชน์ของอาหารส่วนเกิน บริเวณเชิงสะพานพระราม 8 ฝั่งบางพลัด มีการส่งต่ออาหารที่จำหน่ายไม่หมดแต่ยังรับประทานได้แก่กลุ่มผู้มีรายได้น้อยในชุมชนบางพลัดเมื่อวันก่อน บรรยากาศเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กิจกรรมวันอาหารโลกจัดขึ้นเพื่อระลึกถึงความสำคัญของอาหารและความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานที่มนุษย์ทุกคนต้องการเพื่อการดำรงชีวิต อาหารที่ดีมีประโยชน์จะช่วยให้เรามีสุขภาพแข็งแรงและมีคุณภาพชีวิตที่ดี กิจกรรมทำอาหารร่วมกันในวันนี้ นอกจากจะเป็นการแสดงออกถึงความสำคัญของอาหารแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมให้พนักงาน จิตอาสา และทีมงานมูลนิธิฯ ทุกคนได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือผู้อื่นอีกด้วย เพื่อให้สอดคล้องกับธีมปีนี้ เราจึงส่งต่ออาหารที่ดีมีประโยชน์เพื่อแทนคำขอบคุณให้แก่กลุ่มเจ้าหน้าที่ของ กทม. จากสำนักงานเขตบางพลัด มีทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความสะอาดและสวนสาธารณะ เจ้าหน้าที่ฝ่ายโยธา ซึ่งมีหน้าที่ด้านรักษาความสะอาด และดูแลงานระบายน้ำ ท่อระบายน้ำ คลองสาขาของแม่น้ำเจ้าพระยา รวมถึงกลุ่มคนไร้บ้านที่พักอาศัยอยู่ในพื้นที่ และกลุ่มผู้มีรายได้น้อยในชุมชนเขตบางพลัด แม้จะเป็นอาหารส่วนเกิน แต่มีคุณภาพดี ทุกคนอิ่มท้อง มีความสุข มีพละกำลังในการดูแลแหล่งน้ำ อันจะเป็นชีวิตและอาหารของพวกเรา แล้วก็ยังช่วยชุมชนที่มีรายได้น้อยมีอาหารเพียงพอ
มูลนิธิ SOS ถือเป็นองค์กรแรกๆ ที่ลุกขึ้นมาพยายามสร้างระบบที่เป็นรูปธรรมในการส่งต่ออาหารส่วนเกิน ที่บางคนคิดว่าแค่ทิ้งก็หมดเรื่อง ธนาภรณ์ อ้อยอิสรานุกุล ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการอาวุโส SOS กล่าวว่า มูลนิธิฯ สนับสนุนผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือทางด้านอาหาร โดยการรับและบริจาคอาหารส่วนเกินที่มีคุณภาพดีสู่กลุ่มเปราะบางในสังคมอย่างเท่าเทียม เริ่มปฏิบัติงานในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2559 เราริเริ่มการทำโครงการรักษ์อาหาร (Food Rescue Program) อย่างเป็นระบบ ผ่านการสร้างความร่วมมือและการมีส่วนร่วมทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม
“การมีอาหารไม่เพียงพอต่อการบริโภค ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตโดยตรง รูปแบบในการจัดกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ จะสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมและการดำเนินงานในพื้นที่ ตั้งแต่ทำงานจนถึงปัจจุบัน มูลนิธิ SOS ได้กอบกู้ และส่งต่ออาหารส่วนเกินไปแล้วกว่า 6.7 ล้านกิโลกรัม หรือคิดเป็นจำนวน 28.5 ล้านมื้อ มีส่วนยกระดับคุณภาพชีวิตคนด้วยอาหารที่ดี วันอาหารโลกยังต้องกระตุ้นให้เกิดความตระหนัก และเกิดความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการแก้ปัญหาความอดอยากหิวโหยและทุพโภชนาการความสำคัญของอาหารแก่ประชาชน รวมถึงสร้างความรู้ความเข้าใจถึงปัญหาในการจัดการและการกระจายอาหาร” ธนาภรณ์เน้นย้ำ
ยกตัวอย่างรูปแบบกิจกรรมที่ต้นน้ำมาจาก Food Waste เพื่อส่งต่อชุมชน SOS ร่วมกับ Lotus และ กทม. เปิดครัวรักษ์อาหารในโครงการ ไม่เทรวม X กินได้ไม่ทิ้งกัน ชวนอาสาจากชุมชนคันนายาวมาทำกิจกรรมประกอบอาหาร โดยใช้วัตถุดิบที่จำหน่ายไม่หมดจากโลตัส โก เฟรช มารังสรรค์เป็นเมนูอิ่มอร่อย ภายใต้โครงการครัวรักษ์อาหาร และโครงการไม่เทรวม ของกรุงเทพมหานคร และโครงการกินได้ไม่ทิ้งกัน ของโลตัส จากงานนี้ สามารถเสิร์ฟอาหารได้ถึง 895 มื้อ ซึ่ง SOS และโลตัส ได้ทำงานร่วมกันในฐานะพาร์ตเนอร์มากว่า 6 ปีแล้ว โอกาสนี้ ผู้ว่าฯ กทม.เปิดตัวโครงการ “ไม่เทรวม x กินได้ไม่ทิ้งกัน” ครอบคลุมพื้นที่ 50 เขต ของ กทม. ณ โลตัส โก เฟรช สาขานวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม อีกด้วย
อีกกิจกรรมมีการเก็บกู้อาหารจากเหล่าห้างร้านและพาร์ตเนอร์ที่ได้จัดเตรียมอาหารส่งต่อชุมชน กว่า 20 จุด จากนั้นนำไปแจกจ่ายให้กับชุมชนรุ่งมณีพัฒนา ซึ่งสามารถส่งมอบอาหารรวม 350 กิโลกรัม หรือคิดเป็น 1,470 มื้อ แต่ละกิจกรรมร่วมด้วยช่วยกันเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเรื่องความเท่าเทียมในการเข้าถึงอาหาร
การแบ่งปันยังขยายไปในสถานศึกษา เกิด Student of Sustenance เป็นชมรมที่เกิดจากความตั้งใจของน้องๆ นักเรียนจาก 2 โรงเรียน ได้แก่ KIS International School Bangkok และ Ruamrudee Internationnal School เกือบ 80 คน ที่อยากรวมกลุ่มกันทำภารกิจส่งต่อมื้ออาหารให้กับชุมชนกับมูลนิธิ มีการระดมทุนและบริจาคอาหาร ซึ่งล้วนเป็นคนรุ่นใหม่ มีแรงบันดาลใจ อยากช่วยเหลือสังคมให้ดีขึ้น
ในวันอาหารโลก มูลนิธิ SOS ชวนทุกคนร่วมรณรงค์และส่งต่อความช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางในสังคมไทย ภายใต้แคมเปญ “แชร์ความรักษ์วันอาหารโลก” ผ่านการสร้างการ์ดระดมทุนผ่านเว็บเทใจ สนับสนุนโครงการรักษ์อาหารของมูลนิธิ กิจกรรมนี้จัดต่อเนื่องเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2566 เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วมกับการทำงาน และส่งต่อความช่วยเหลือให้กับสังคม โดยเป็นนักระดมทุนผ่านการเปิดการ์ดบน เทใจ เพื่อสนับสนุนโครงการรักษ์อาหาร
นักระดมทุนสามารถนำการ์ดนี้ไปแชร์ต่อ หรือโพสต์บนโซเชียลมีเดีย เพื่อให้เพื่อนๆ ครอบครัว และคนรอบข้างแชร์ต่อเพื่อบริจาคเงินสนับสนุนให้กับมูลนิธิ SOS โดยเริ่มต้นที่ 5 บาทเท่ากับ 1 มื้อ สำหรับทุกการบริจาคผ่านโครงการ สามารถแจ้งลดหย่อนภาษีทางแพลตฟอร์มเทใจ วิธีร่วมแคมเปญ เริ่มจากลงชื่อเป็นนักระดมทุนผ่านฟอร์มเทใจ รอทีมงาน SOS ประสานงานด้านรายละเอียดการสร้างการ์ด รับลิงก์การ์ดของนักระดมทุน และ QR Code จากนั้นโพสต์แชร์ส่งต่อการระดมทุนผ่านโซเชียลมีเดีย จะ Instagram หรือ Facebook พร้อมติด แฮชแท็ก #SharingSOS #WFD2023 แท็กเพจของมูลนิธิ SOS แคมเปญนี้ตั้งเป้าการระดมทุน 200,000 เพื่อสนับสนุนโครงการรักษ์อาหาร สมัครเข้าร่วมได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 5 พฤศจิกายนนี้
ร่วมส่งต่อความสุขผ่านการแบ่งปันอาหารส่วนเกินสู้ความหิวกันได้.
บรรยายใต้ภาพ
โลตัสมอบอาหารที่ยังทานได้ส่งต่อ
ศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าฯ กทม. ชวนแบ่งปันอาหารส่วนเกิน
เหล่าจิตอาสาร่วมทำเมนูอาหารอร่อยเสิร์ฟชุมชน
Food Waste คุณภาพดี สู่วัตถุดิบทำอาหาร
รวบรวมอาหารที่จำหน่ายไม่หมดมาส่งต่อชุมชนที่มีรายได้น้อย
ธนาภรณ์ อ้อยอิสรานุกุลผจก.ฝ่ายปฏิบัติการอาวุโส SOS
ที่มา: นสพ.ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 8 ต.ค. 2566