ชง’สภากทม.’แนวเคลียร์หนี้’บีทีเอส’

หยุดดอกเบี้ยวันละ3ล้าน-โยนครม.ชี้จ่าย2.2หมื่นล.

กทม.2 ดินแดง – เมื่อวันที่ 22 ก.ย. ที่อาคารธานีนพรัตน์ นายนภาพล จีระกุล ส.ก.เขตบางกอกน้อย ในฐานะประธานคณะกรรมการวิสามัญศึกษาระบบขนส่งมวลชนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว กล่าวถึงผลการประชุมสรุปแนวทางการดำเนินการแก้ไขปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียว

นายนภาพลกล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้ผู้บริหาร กทม.ไปเจรจากับบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (บีทีเอส) เรื่องการแยกสัญญาส่วนหนี้ค่าจ้างการติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ (E&M) รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย 2 ออกจากสัญญาค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) ตามข้อกำหนดในสัญญาที่บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) ทำไว้กับบีทีเอส ข้อ 6.2 ระบุว่า ส่วน E&M สามารถแยกออกมาดำเนินการได้นอกเหนือจากภาระหนี้ส่วนอื่น (ส่วน O&M ส่วนโครงสร้างและค่าจ้างเดินรถ) หากมีการชำระหนี้แล้ว สามารถโอนกรรมสิทธิ์มาเป็นของ กทม.ได้

นายนภาพลกล่าวว่า หากฝ่ายบริหาร กทม.ดำเนินการตามข้อแนะนำได้จะเกิดประโยชน์กับ กทม. เนื่องจากปัจจุบัน กทม.เสียดอกเบี้ยส่วน E&M วันละ 3 ล้านกว่าบาท จากหนี้ทั้งหมดประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาท (พ.ค.-ก.ย.66) หากเจรจากับบีทีเอสเรื่องเงินต้น ดอกเบี้ย และค่าปรับได้ กทม.จะไม่ต้องแบกรับภาระหนี้ส่วนดังกล่าว ส่วนข้อแนะนำเพิ่มเติมคือ เรื่องเก็บค่าโดยสารส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงหมอชิตสะพานใหม่-คูคต ซึ่งยังไม่มีการเก็บค่าโดยสาร ให้พิจารณาเริ่มเก็บค่าโดยสารสูงสุดไม่เกิน 62 บาท

นายนภาพลกล่าวว่า ผลประชุมดังกล่าวเป็นข้อแนะนำที่จะรายงานให้สภา กทม.ทราบในวันที่ 27 ก.ย.นี้ เมื่อผู้บริหาร กทม.รับทราบและนำข้อแนะนำดังกล่าวไปเจรจากับบีทีเอสเรียบร้อยแล้วจึงจะนำเสนอกระทรวงมหาดไทย (มท.) ก่อนนำเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป เพื่อให้ ครม.มีมติว่าจะให้ กทม.ดำเนินการอย่างไร เช่น จำนวนหนี้ดังกล่าวเหมาะสมหรือไม่ที่จะชำระ หรือมีความเห็นชอบเพิ่มเติมอย่างไรหรือไม่ ซึ่งต้องให้ ครม.ลงมติ สภา กทม.ไม่ยุ่งเกี่ยว เพราะมีอำนาจเพียงให้แนวทางเท่านั้น ไม่มีอำนาจกำหนดค่าชำระ เนื่องจากเรื่องดังกล่าวไม่ได้เกิดในสมัยของสมาชิกสภา กทม.ชุดปัจจุบัน

นายนภาพลกล่าวว่า สิ่งสำคัญของการเจรจากับบีทีเอสคือ ต้องการให้บีทีเอสหยุดดอกเบี้ย ค่าปรับ ในช่วงระหว่างการเจรจา รวมถึงสามารถลดเงินต้น ดอกเบี้ยและค่าปรับให้ กทม.ได้เท่าใด ซึ่งผู้บริหาร กทม.ต้องเป็นผู้ไปเจรจา

ก่อนหน้านี้ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ระบุว่า ตามระเบียบแล้ว กทม.ต้องเสนอเรื่องผ่านมท. ทั้งเรื่องการแก้มาตรา 44 และแนวทางอื่นๆ มท.ต้องเป็นผู้นำเรื่องเข้าเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปัจจุบัน กทม.กำลังเตรียมเรื่องที่จะนำเสนอมท. โดยเฉพาะเรื่องภาระหนี้ ซึ่ง กทม.ยืนยันเหมือนเดิมว่าต้องการให้รัฐช่วยสนับสนุนงบลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน อย่างไรก็ตาม ในส่วน O&M หรือค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุง กทม.คงต้องออกเงินเอง แต่ส่วน E&M หรือค่าระบบสัญญาณ ต้องรอการพิจารณาจากรัฐบาลว่าจะยอมช่วยจ่ายหรือไม่

ทั้งนี้ กทม.จะชำระหนี้ส่วนใดก็ตามต้องผ่านความเห็นชอบจากสภากทม. เพราะต้องใช้เงินสะสมจ่ายขาด ซึ่งเงินดังกล่าวผู้ว่าฯ กทม.ไม่มีอำนาจ จึงต้องขออนุมัติจากสภา กทม. ส่วนการลงนามสัญญาหรือการก่อหนี้ผูกพันและการตั้งงบประมาณใดก็ต้องผ่านสภากทม. หากไม่ต้องการผ่านการพิจารณาจากสภากทม. ต้องใช้งบกลางไปจ่าย ซึ่ง กทม.มีไม่เพียงพอ

 

 

ที่มา:  นสพ.ข่าวสด ฉบับวันที่ 23 ก.ย. 2566

แชร์ข่าว:
กรุงเทพฯ มีอะไร อัพเดทข่าวสารฉับไว กิจกรรมที่น่าสนใจ และมีส่วนร่วมได้ รวมไว้ให้ที่นี่

©2022 สงวนลิขสิทธิ์ กรุงเทพมหานคร

สำนักงานประชาสัมพันธ์ สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร 173 ถนนดินสอ แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กทม. 10200