Flag
Search
Close this search box.
สภากทม.เห็นชอบงบ 67 กทม. กว่า 90,000 ล้านบาท พร้อมประกาศใช้ 1 ต.ค.นี้

 

(6 ก.ย.66) นายวิรัตน์ มีนชัยนันท์ ประธานสภากรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมวิสามัญ สมัยที่สอง (ครั้งที่ 1) ประจำปีพุทธศักราช 2566 โดยมี สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ณ ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานคร อาคารไอราวัตพัฒนา กทม.2 (ดินแดง)

 

 

ในที่ประชุม นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ส.ก.เขตจอมทอง ในฐานะประธานคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 รายงานผลการพิจารณาของคณะกรรมการวิสามัญ รายละเอียดการปรับลด รวมถึงข้อสังเกตทั่วไป และข้อสังเกตเฉพาะหน่วยงาน ซึ่งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ได้ตั้งเป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 90,570,138,630 บาท โดยหลักเกณฑ์การพิจารณา คณะกรรมการวิสามัญได้พิจารณาร่างข้อบัญญัติฯ เริ่มจากชื่อร่างข้อบัญญัติ หลักการ เหตุผล คำปรารภ ตัวร่างข้อบัญญัติ เรียงตามลำดับแล้วจึงพิจารณารายละเอียดของงบประมาณรายจ่ายจนจบ โดยมีเจ้าหน้าที่ของสำนักงบประมาณกรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงรายละเอียดประกอบการพิจารณา ทั้งนี้ กรรมการวิสามัญฯได้ขอสงวนความเห็นเพื่อให้สภากรุงเทพมหานครวินิจฉัยในรายการของสำนักการศึกษา สำนักการระบายน้ำ สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักสิ่งแวดล้อม และสำนักพัฒนาสังคม

“งบประมาณที่ผ่านคณะกรรมการวิสามัญฯ ในครั้งนี้มีมากกว่า 90,000 ล้านบาท กรรมการได้พิจารณาโดยยึดหลักความคุ้มค่า เป็นประโยชน์กับประชาชน รวมถึงสอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจสังคมในปัจจุบัน ขอบคุณกรรมการและอนุกรรมที่ได้ร่วมกันกลั่นกรองงบประมาณในครั้งนี้ และขอบคุณหัวหน้าหน่วยงานที่ได้ร่วมชี้แจงรายละเอียดและตอบข้อซักถามของคณะกรรมการ ขอบคุณฝ่ายเลขานุการ สำนักงานเลขานุการสภากรุงเทพมหานคร และสำนักงบประมาณที่ได้ร่วมปฏิบัติงานด้วยความทุ่มเท เสียสละมาต่อเนื่อง 45 วัน ทำให้กรุงเทพมหานครได้มีงบประมาณที่มีประสิทธิภาพ” นายสุทธิชัย กล่าว

*งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.ประจำปี 2567 ของกรุงเทพมหานคร รวมทั้งสิ้น 90,570,138,630 บาท เรียงลำดับหน่วยงาน/เขตที่ได้รับงบประมาณสูงสุดและน้อยสุด ดังนี้

หน่วยงานที่ได้รับงบประมาณมากที่สุด 3 ลำดับแรก คือ สำนักการโยธา จำนวน 10,199,547,439 บาท สำนักการระบายน้ำ จำนวน 7,860,495,076 บาท และสำนักสิ่งแวดล้อม จำนวน 7,673,180,800 บาท

หน่วยงานที่ได้รับงบประมาณน้อยที่สุด 3 ลำดับ คือ สำนักงานเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จำนวน 71,184,800 บาท สำนักงบประมาณ จำนวน 85,596,510 บาท สำนักงานเลขานุการสภากรุงเทพมหานคร จำนวน 189,471,700 บาท

สำนักงานเขตที่ได้รับงบประมาณมากที่สุด 3 ลำดับแรก คือ สำนักงานเขตลาดกระบัง จำนวน 774,356,920 บาท สำนักงานเขตหนองจอก จำนวน 754,150,533 บาท และสำนักงานเขตจตุจักร จำนวน 701,898,570 บาท

สำนักงานเขตที่ได้รับงบประมาณน้อยที่สุด 3 ลำดับ คือ สำนักงานเขตสัมพันธวงศ์ จำนวน 237,412,410 บาท สำนักงานเขตบางรัก จำนวน 251,616,775 บาท และสำนักงานเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย จำนวน 275,383,900 บาท

*เห็นชอบปรับลดงบโครงการปรับปรุงห้องเรียนปลอดฝุ่นเพิ่มเติม

โครงการที่คณะกรรมการวิสามัญฯได้ขอสงวนความเห็นไว้เพื่อขอให้สภากรุงเทพมหานครวินิจฉัย ได้แก่ นายสุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา ส.ก.เขตลาดกระบัง นางกนกนุช กลิ่นสังข์ ส.ก.เขตดอนเมือง น.ส.รัตติกาล แก้วเกิดมี ส.ก.เขตสายไหม นายวิรัช คงคาเขตร ส.ก.เขตบางกอกใหญ่ ขอสงวนความเห็นในประเด็นโครงการการปรับปรุงห้องเรียนปลอดฝุ่นชั้นอนุบาล 6 กลุ่มเขต โดยขอให้ตัดเนื่องจากไม่คุ้มค่ากับงบประมาณในการปรับปรุง และให้ความเห็นว่าการเขียนโครงการต้องเขียนให้สอดคล้องกับนโยบายของผู้ว่าฯ กทม.เรื่องเส้นเลือดฝอย การประมาณการเพื่อทำโครงการควรวิเคราะห์ให้สมเหตุผล ซึ่งคำขอรับงบประมาณทุกกลุ่มเขตไม่มีการให้รายละเอียดแต่อย่างใด การปรับปรุงห้องเรียนโดยการจัดซื้อเครื่องปรับอากาศอาจเป็นการแก้ไขปัญหาไม่ถูกวิธี ต้นทางการแก้ปัญหาคือการปลูกฝังให้เด็กได้เรียนรู้การปลูกต้นไม้เพื่อกรองฝุ่น ควรปลูกฝังให้เด็กมีความรักและผูกพันกับต้นไม้ และอาจร่วมด้วยการงดกิจกรรมการแจ้ง และการหมั่นทำความสะอาด ทั้งนี้ความปลอดภัยของเด็กเป็นเรื่องสำคัญ แต่การนำเด็กไปไว้ในห้องปรับอากาศตลอดเวลาเหมาะสมและปลอดภัยหรือไม่ รวมถึงงบประมาณค่าไฟที่จะต้องเพิ่มขึ้นมา อย่างไรก็ตามหากกรุงเทพมหานครจะเสนอโครงการพร้อมรูปแบบการติดตั้งโซล่าเซลล์ในคราวเดียวกันจะเหมาะสมมากกว่า

ทั้งนี้ที่ประชุมสภากรุงเทพมหานคร มีมติเห็นชอบกับผู้สงวนความเห็น ให้ตัดงบประมาณของสำนักการศึกษาในโครงการดังกล่าว ในวงเงิน 219,339,000 บาท

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวชี้แจงในที่ประชุมว่า เรื่องนี้อยู่ในนโยบายการจัดพื้นที่ปลอดฝุ่นให้กลุ่มเปราะบาง อายุ 1-6 ขวบ ซึ่งเป็นช่วงอายุที่สมองจะสามารถพัฒนาได้ดีที่สุด หลายครั้งเราละเลยเด็กกลุ่มนี้ ประกอบกับการสอนให้เด็กเล็กใส่หน้ากากทำได้ยาก จึงเกิดแนวคิดทำเรื่องห้องเรียนปลอดฝุ่น หลายครั้งที่ได้ไปเยี่ยมโรงเรียนและเห็นว่าเด็กอยู่ในห้องเรียนที่ร้อน ห้องของเด็กที่เป็นอนาคตของชาติ การลงทุนงบประมาณกับเด็กถือเป็นเรื่องที่คุ้มค่า อนาคตต้องมีการติดโซล่าเซลล์ให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเด็กรวยหรือเด็กจนควรได้รับโอกาสในการเรียนในห้องเรียนปรับอากาศ

“การเห็นต่างเป็นเรื่องที่ดีและต้องขอบคุณส.ก.ที่ได้ร่วมกันแสดงความคิดเห็นในแง่มุมต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นหน้าที่ที่สำคัญของของสภากทม. ฝ่ายนิติบัญญัติที่จะต้องพิจารณาเหตุผลความจำเป็นของงบประมาณให้คุ้มค่า การเขียนรายละเอียดโครงการเป็นหน้าที่ของข้าราชการ ขอให้เล็งเห็นประโยชน์สูงสุด” ส.ก.สุทธิชัย กล่าว

*วอนหน่วยงานขอจัดสรรงบประมาณแก้ไขปัญหาไข้เลือดออก ลดความสูญเสียให้ประชาชน
ส.ก.สุทธิชัย กล่าวว่า ในฐานะประธานคณะกรรมการและคณะกรรมการ ได้เชิญสำนักอนามัยมาชี้แจงเหตุผลความจำเป็นการของบประมาณปีนี้ ซึ่งได้ของบประมาณภาพรวมมาจำนวนทั้งสิ้น 2,642 ล้านบาท และงบประมาณของกองควบคุมโรคพบว่ามีการของบประมาณมาจำนวนน้อยมาก ในขณะที่หน้าที่หลักของหน่วยงานคือการควบคุมแหล่งพาหะนำโรค และพบว่าปัจจุบันประชาชนป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกจำนวนมาก ในปีนี้พบว่ามีผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 5,000 คน มีผู้เสียชีวิตแล้ว 5 ราย การของบประมาณที่น้อยมาก ไม่เพียงพอต่อการดูแลประชาชนในชุมชนที่มีอยู่ในกทม.กว่า 2,000 ชุมชน เมื่อประสานฝ่ายบริหารเพื่อขอให้เสนองบแปรเพื่อจัดซื้อนวัตกรรมเพื่อกำจัดลูกน้ำยุงลายเข้ามาแต่ยังไม่มีดำเนินการแต่อย่างใด งบประมาณที่ขอแปรกลับเข้ามาไม่ตรงกับความต้องการประชาชน และไม่สามารถแก้ไขความเสี่ยงในชีวิตประชาชนได้ อะไรที่เห็นว่าเป็นเรื่องความปลอดภัยของประชาชน กทม.ควรที่จะเร่งทำ ถึงเวลาแล้วที่จะต้องหานวัตกรรมในการกำจัดลูกน้ำยุงลายที่มีประสิทธิภาพ ขอฝากไปยังผู้บริหารกรุงเทพมหานครที่กำกับดูแลให้เร่งแก้ไขและดำเนินการด้วย

จากนั้นที่ประชุมสภากรุงเทพมหานครได้มีมติเห็นชอบร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ซึ่งจะได้จัดส่งให้ฝ่ายบริหารดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ข้อบัญญัติงบประมาณฉบับนี้จะใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป

*คณะกรรมการวิสามัญฯ ตั้งข้อสังเกตทั่วไปและข้อสังเกตเฉพาะหน่วยงาน เพื่อเป็นแนวทางขอจัดสรรงบปีต่อไป

สำหรับข้อสังเกตทั่วไปของคณะกรรมการวิสามัญ ได้แก่
1. หน่วยงานที่ได้รับจัดสรรงบประมาณควรเร่งรัดดำเนินโครงการต่าง ๆ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ
2. กรุงเทพมหานครควรสนับสนุนให้นำพลังงานทดแทนมาใช้ เช่น ไฟฟ้าแสงสว่างจากโซล่าเซลล์
(Solar Cell) เพื่อประหยัดพลังงานและงบประมาณ
3. การดำเนินกิจกรรมหรือโครงการต่าง ๆ ควรประเมินปัญหาอุปสรรค ผลสัมฤทธิ์ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ประโยชน์ที่กรุงเทพมหานครและประชาชนจะได้รับ รวมทั้งต้องติดตามและรวบรวมผลการประเมินเพื่อนำมาปรับปรุงพัฒนางานที่จะทำต่อไปให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริงและยั่งยืน
ข้อสังเกตเฉพาะหน่วยงาน ได้แก่
1.สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการกรุงเทพมหานคร ควรเร่งรัดแก้ไขปัญหาการขาดแคลนบุคลากรในหน่วยงานและส่วนราชการต่าง ๆ เพื่อรองรับการปฏิบัติราชการของกรุงเทพมหานครและไม่ให้ส่งผลต่อการให้บริการประชาชน
2.สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร ควรกำหนดหลักเกณฑ์ของผู้เข้าพักอาศัยอาคารสงเคราะห์ข้าราชการและลูกจ้างของกรุงเทพมหานคร โดยใช้อัตราเงินเดือนและค่าจ้าง พร้อมกำหนดระยะเวลาเข้าพักอาศัย
3.สำนักการศึกษา การก่อสร้างอาคารเรียนควรติดตั้ง Solar Rooftop เพื่อประหยัดค่าไฟฟ้า และให้พิจารณากำหนดหลักสูตรที่มีความหลากหลาย ทันสมัย และจัดทำหลักสูตรคอมพิวเตอร์ เช่น โปรแกรมการเขียน Coding เพื่อให้นักเรียนสามารถเรียนรู้และนำไปใช้ได้จริง
4.สำนักการระบายน้ำ การจ้างที่ปรึกษาโครงการก่อสร้าง ควรให้บริษัทที่ปรึกษามีส่วนร่วมรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น หรือระบุในสัญญาจ้างให้ชัดเจน และโครงการที่มีผลกระทบกับประชาชน ควรให้ความสำคัญและต้องชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนให้ทราบถึงส่วนได้ส่วนเสีย
5.สำนักเทศกิจ ควรใช้เครื่องแปลภาษาต่างประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกในการสื่อสารกับนักท่องเที่ยว และให้เข้มงวดกวดขันผู้ค้าให้อยู่ภายในบริเวณที่กำหนด เพื่อประโยชน์และผลกระทบกับประชาชนที่สัญจรบนทางเท้า
6.สำนักการจราจรและขนส่ง ควรเปลี่ยนรูปแบบการกั้นช่องทางเดินรถด่วนพิเศษ (Bus Rapid Transit) หรือ BRT จากแท่งปูนเป็นการตีเส้นหรือรูปแบบอื่น เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุในการเปลี่ยนช่องจราจร และเพิ่มความปลอดภัยของประชาชนที่สัญจร รวมทั้งควรใช้กล้องวงจรปิดตรวจจับรถที่ฝ่าฝืนกฎจราจร หรือกำหนดช่วงเวลาเร่งด่วนในการเดินรถ BRT เพื่อลดปัญหาการจราจรติดขัด
7.สำนักการจราจรและขนส่งควรปรับตัวเลขและความสว่างของดวงโคม LED สัญญาณฟจราจรคนข้ามแบบนับถอยหลังบริเวณจุดเสี่ยงให้มีความเหมาะสม รวมทั้งควรใช้เสียงเตือน เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุบริเวณทางข้าม
8.สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ควรกำหนดคุณสมบัติ หลักเกณฑ์ในการเข้าร่วมฝึกอบรมโครงการต่าง ๆ ของอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) ให้เหมาะสม เช่น อายุ การทดสอบความแข็งแรงของร่างกาย ความรู้หรือทักษะพื้นฐานที่สนับสนุนการเป็น อปพร. เป็นต้น เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพภายหลังจากฝึกอบรมเรียบร้อยแล้ว และเพื่อให้เกิดความคุ้มค่ากับงบประมาณ
9.สำนักการโยธา โครงการปรับปรุงสะพานข้ามแยก ควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้มงวดกวดขันในการตรวจสอบน้ำหนักของรถบรรทุกให้เป็นไปตามที่กำหนด เพื่อความมั่นคงแข็งแรงของสะพาน การออกแบบอาคารสถานที่และสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ต้องคำนึงถึงการประหยัดพลังงาน ความคุ้มค่า รูปแบบ รวมทั้งควรมีสิ่งอำนวยความสะดวกของคนทุกกลุ่มและการใช้งานให้เป็นไปตามอารยสถาปัตย์ด้วย
10.สำนักสิ่งแวดล้อม ควรเปลี่ยนรถยนต์ของสำนักสิ่งแวดล้อมให้เป็นรถไฟฟ้าเพื่อเป็นต้นแบบในการลดมลพิษและรักษาสิ่งแวดล้อมให้แก่หน่วยงานในสังกัดกรุงเทพมหานคร โครงการเช่ารถเก็บขนมูลฝอย หากประสงค์จะเปลี่ยนเป็นรถระบบพลังงานไฟฟ้า ควรนำยานพาหนะมาทดลองใช้เพื่อประเมินประสิทธิภาพก่อน ทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงความพร้อมของสถานีชาร์จแบตเตอรี่ สถานที่จอด ความคุ้มค่า โดยต้องไม่ทำให้สูญเสียงบประมาณมากขึ้น และไม่ทำให้ประสิทธิภาพการให้บริการประชาชนลดลง
11.สำนักงานเขต โครงการก่อสร้าง ปรับปรุง ซ่อมแซมถนน ซอยต่าง ๆ ควรหารือหน่วยงานสาธารณูปโภค ในการตรวจสอบแผนงานหรืองบประมาณ เพื่อให้ดำเนินการในคราวเดียวกัน การก่อสร้างถนนควรเปลี่ยนจากถนนแอสฟัลต์เป็นถนนคอนกรีต เนื่องจากมีความคงทนมากกว่า ใช้ประโยชน์ได้ในระยะยาวและคุ้มค่ากับงบประมาณ
——————–

แชร์ข่าว:
กรุงเทพฯ มีอะไร อัพเดทข่าวสารฉับไว กิจกรรมที่น่าสนใจ และมีส่วนร่วมได้ รวมไว้ให้ที่นี่

©2022 สงวนลิขสิทธิ์ กรุงเทพมหานคร

สำนักงานประชาสัมพันธ์ สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร 173 ถนนดินสอ แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กทม. 10200