‘ชัชชาติ’แจงให้ น.ร.แต่งชุดไปรเวต 1 วัน-ปล่อยฟรีทรงผมต้องกล้า ทำอะไรใหม่ ‘ศานนท์’มั่นใจไม่ล้ำเส้น ศธ.
เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ที่โรงเรียนไทยนิยมสงเคราะห์ เขตบางเขน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พร้อมด้วยนายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าฯกทม. เปิดเผยภายหลัง กทม.ทำหนังสือเวียนแนวทางการแต่งกายและทรงผมของนักเรียนโรงเรียนสังกัด กทม. 437 แห่ง
นายศานนท์กล่าวว่า หัวใจหลักมีอยู่ 2 เรื่อง คือ 1.สิทธิเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน ทำให้เด็กไปโรงเรียนอย่างมั่นใจ ถูกสุขอนามัย โดยแต่ละโรงเรียนสามารถออกกฎระเบียบร่วมกับนักเรียน 2.เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง โดย กทม.ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลในการจัดซื้อเครื่องแบบให้นักเรียนปีละ 2 ชุด คือชุดนักเรียน 1 ชุด ชุดลูกเสือ-เนตรนารี ชุดพละ สลับกันปีละ 1 ชุด กทม.จึงออกแนวทางกลางๆ อย่างน้อย 1 วันต่อสัปดาห์ นักเรียนสามารถใส่ชุดอะไรก็ได้ที่สบายใจ อย่างชุดไปรเวต หรือชุดนักเรียน ชุดลูกเสือ ชุดพละ ซึ่งทางคุณครูสามารถนำโจทย์ตรงนี้มาให้นักเรียนเรียนรู้ด้วยกัน
“ส่วนเรื่องทรงผม หัวใจหลักคือการไม่ลิดรอนสิทธิเด็ก เพราะเด็กบางคนถูกกล้อนผม โดนทำโทษ ทำให้เด็กไม่อยากมาโรงเรียน สิ่งที่อยากให้เกิดขึ้นคือ มีความเรียบร้อย เหมาะสม ถูกสุขลักษณะ สร้างความมั่นใจ แต่ต้องคำนึงถึงสิทธิเสรีภาพ สิทธิมนุษยชนของนักเรียนด้วย” นายศานนท์กล่าว
นายศานนท์กล่าวว่า ทั้งนี้ แนวทางปฏิบัติดังกล่าวทางคณะกรรมการของสถานศึกษา ต้องให้นักเรียนและผู้ปกครองมีส่วนร่วมด้วย ซึ่งแต่ละโรงเรียนจะมีข้อกำหนดไม่เหมือนกันก็ได้ เพราะบางโรงเรียนก็มีการสอนศาสนาด้วย ส่วนเรื่องการย้อมสีผมแล้วแต่ทางคณะกรรมการเป็นผู้พิจารณา
“สิ่งที่เราทำไม่ได้เกินสิ่งที่กฎกระทรวงศึกษาธิการกำหนด โดยคณะกรรมการสถานศึกษาสามารถพิจารณาได้กันเอง แต่พอบอกกว้างไป บางทีแต่ละโรงเรียนพิจารณาไม่เหมือนกัน กทม.เลยออกบันทึกข้อความเพื่อให้มีความชัดเจน” นายศานนท์กล่าว
เมื่อถามว่า มีเสียงสะท้อนจากสังคมว่านักเรียนอาจจะมีค่านิยมแข่งขันเรื่องการแต่งตัว นายศานนท์กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเสียงของยุคสมัย ซึ่งต้องมีการเปลี่ยนแปลงสักวัน ถ้าไม่ทำอะไรเลยจะเกิดแรงต่อต้านเยอะก็ได้ วันนี้เราเอาเรื่องนี้มาคุยบนโต๊ะ ให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการตัดสิน
ใจ และเรื่องความเหมาะสมเป็นเรื่องของความเข้าใจตรงกัน
ด้านนายชัชชาติกล่าวเพิ่มเติมว่า แนวทางดังกล่าวเป็นการใช้ครั้งแรก ต้องมีการประเมินว่ามีผลดีผลเสียอย่างไร กทม.พร้อมจะปรับปรุงให้ดีขึ้น
“แต่ถ้าไม่ได้ลองทำอะไรใหม่เลย สุดท้ายก็ไม่มีการคิด เด็กไม่ได้คิด ผู้ปกครองไม่มีส่วนร่วม กทม.ต้องกล้าทำในสิ่งที่ผิดไปจากเดิมมาก แต่ก็มีกรอบกติกาอยู่ สุดท้ายถ้าดีก็ทำต่อ ถ้ามีเรื่องปรับปรุงก็สามารถปรับปรุงได้ กทม.ยินดีรับคำติชมทุกอย่าง” นายชัชชาติกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับแนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับทรงผมของนักเรียนในโรงเรียนสังกัด กทม.นั้น มีออกมาในช่วงวันที่ 23 มิถุนายน 2566 โดยเป็นบันทึกข้อความถึงผู้อำนวยการเขต ระบุว่า ตามที่กระทรวงศึกษาธิการได้ออกระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการยกเลิกระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ.2563 พ.ศ.2566 ประกาศ ณ วันที่ 16 มกราคม 2566 นั้น เพื่อเป็นการเคารพสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของนักเรียนจึงให้โรงเรียนจัดทำข้อกำหนดให้นักเรียนไว้ทรงผมได้อย่างอิสระบนพื้นฐานสุขอนามัยที่ดี สะอาด ส่งเสริมบุคลิกภาพ และความมั่นใจ จากนั้นให้นำไปประชาสัมพันธ์ให้ทราบเป็นการทั่วไปก่อนนำไปประกาศใช้ โดยในกรณีมีนักเรียนไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดดังกล่าวได้ให้โรงเรียนรับฟังความคิดเห็นจากนักเรียนผู้ปกครองเพื่อทำความเข้าใจและตกลงร่วมกัน แต่ห้ามไม่ให้มีการดำเนินการในลักษณะที่จะกระทบต่อสิทธิเสรีภาพทางร่างกายและจิตใจของนักเรียน เช่น การตัดผมทำให้อับอาย
ส่วนแนวทางการแต่งกายของนักเรียนในโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครนั้น ระบุว่า ตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียน พ.ศ.2551 ที่กำหนดให้สถานศึกษาใดจะกำหนดให้นักเรียนแต่งเครื่องแบบลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด นักศึกษาวิชาทหาร หรือแต่งชุดพื้นเมือง ฯลฯ ให้เป็นไปตามที่สถานศึกษากำหนด โดยคำนึงถึงความประหยัดและเหมาะสม เพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง จึงได้ให้โรงเรียนสังกัด กทม.จัดทำข้อกำหนดให้นักเรียนแต่งกายด้วยชุดใดก็ได้ที่ไม่เป็นการบังคับ อย่างน้อยหนึ่งวันต่อสัปดาห์ โดยให้นักเรียนเป็นผู้มีส่วนร่วมในการกำหนด จากนั้นให้นำไปประชาสัมพันธ์ให้ทราบเป็นการทั่วไปก่อนนำไปประกาศใช้ โดยในกรณีที่มีนักเรียนไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดดังกล่าวได้ ให้เป็นไปตามความประสงค์ของนักเรียนผู้นั้นที่จะสวมชุดนักเรียน ชุดพละ หรือชุดอื่นใดที่โรงเรียนกำหนดให้มีไว้อยู่แล้ว แต่ห้ามไม่ให้มีการดำเนินการในลักษณะที่จะกระทบต่อสิทธิเสรีภาพทางร่างกายและจิตใจ รวมทั้งให้คำนึงถึงอัตลักษณ์ ความหลากหลาย ความเชื่อทางศาสนา และเพศวิถีของนักเรียน
บรรยายใต้ภาพ
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์
ที่มา: นสพ.มติชน ฉบับวันที่ 29 มิ.ย. 2566