กทม.เฝ้าระวังโควิดในสถานศึกษา กำชับป้องกันสุขอนามัยส่วนบุคคล เน้นย้ำมาตรการ 2U สำหรับประชาชน
นายสุนทร สุนทรชาติ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย (สนอ.) กทม.กล่าวกรณีกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เตือนเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ช่วงเปิดภาคเรียนว่า สนอ.ได้เน้นย้ำมาตรการป้องกันโควิด 19 ในสถานศึกษา ทั้งแนวทางปฏิบัติสำหรับสถานศึกษา บุคลากรในสถานศึกษา และนักเรียน โดยส่งเสริมความรู้ สร้างความเข้าใจและกระตุ้นเตือนให้เห็นถึงความจำเป็นในการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันสุขอนามัยส่วนบุคคลอย่างต่อเนื่อง หมั่นล้างมือด้วยสบู่และน้ำ หรือเจลแอลกอฮอล์ เพื่อลดโอกาสเสี่ยงการติดเชื้อโควิด 19 ขณะเดียวกันได้เน้นย้ำแนวทางปฏิบัติกรณีพบนักเรียนและบุคลากรป่วย โดยให้ศูนย์บริการสาธารณสุข กทม.รักษา หรือส่งต่อตามสิทธิการรักษา รวมทั้งเตรียมทีมสอบสวนโรคของกองควบคุมโรคติดต่อและศูนย์บริการสาธารณสุขทั้ง 69 แห่ง ลงพื้นที่สอบสวนโรคกรณีพบผู้ป่วยโควิด 19 เป็นกลุ่มก้อน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรค รวมถึงหาสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงต่อความรุนแรงของโรค
สำหรับการติดตามความคืบหน้าการฉีดวัคซีนโควิด 19 ให้นักเรียน ครู บุคลากร และผู้เกี่ยวข้องที่ปฏิบัติงานในโรงเรียนสังกัด กทม. ศูนย์บริการสาธารณสุขได้เน้นย้ำเรื่องการฉีดวัคซีนโควิด 19 โดยเฉพาะผู้ที่ไม่เคยได้รับวัคซีน หรือได้รับวัคซีนไม่ครบโดสให้เข้ารับบริการฉีดวัคซีนโควิด 19 ให้ครบโดส และฉีดเข็มกระตุ้นตามเวลาที่กำหนด เพื่อความปลอดภัยจากโควิด 19 โดยสามารถรับบริการได้ที่ศูนย์บริการสาธารณสุขทั้ง 69 แห่ง ในวันพุธและวันศุกร์ ยกเว้นวันหยุดราชการ ขณะเดียวกันได้ดำเนินมาตรการเชิงรุกกำหนดแนวทางการดำเนินงานภายหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 หลังเทศกาลสงกรานต์ โดยเปิดให้บริการวัคซีนโควิด 19 ในศูนย์บริการสาธารณสุขทั้ง 69 แห่ง ทุกวันพุธและวันศุกร์ ประชาชนสามารถเข้ารับบริการแบบ Walk in และเปิดให้บริการวันเสาร์ ในพื้นที่ 6 กลุ่มเขต กลุ่มละ 1 แห่ง ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำให้ศูนย์บริการสาธารณสุขประชาสัมพันธ์และสอบถามประวัติการได้รับวัคซีนโควิด 19 เพิ่มเติมในกลุ่ม 608 ที่มาตรวจรักษาโรคทั่วไป หากยังไม่ได้รับวัคซีนให้ฉีดได้ทันที เพื่อลดการเสียโอกาสในการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค รวมทั้งมอบหมายให้ศูนย์บริการสาธารณสุขฉีดวัคซีนในกลุ่มติดบ้านติดเตียงอย่างต่อเนื่อง โดยจัดบริการฉีดวัคซีนที่บ้านและรณรงค์ให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ตามแนวทางการฉีดวัคซีนโควิด 19 ประจำปี (Annual Vaccination) ที่ศูนย์บริการสาธารณสุข หรือสถานพยาบาลใกล้บ้าน
นอกจากนั้น ยังได้ส่งเสริมความรู้และให้คำแนะนำแก่ประชาชนในการป้องกันตนเอง การปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 โดยเน้นย้ำให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการ 2U อย่างเคร่งครัด คือ Universal Prevention มาตรการป้องกันโรคส่วนบุคคล ประกอบด้วย เว้นระยะห่าง ล้างมือ หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาขณะร่วมกิจกรรมที่มีคนจำนวนมาก และสังเกตอาการตนเองหากป่วย มีไข้ ไอ เจ็บคอ ให้ตรวจ ATK และ Universal Vaccination ลดการป่วยหนักในกลุ่ม 608 โดยการรับวัคซีนโควิด 19 ซึ่งเปิดให้บริการวัคซีนโควิด 19 ในศูนย์บริการสาธารณสุขทั้ง 69 แห่ง ทุกวันพุธและวันศุกร์
เขตดินแดงกวดขันผู้ค้าไม่ตั้งวางสิ่งของรุกล้ำทางเท้า หารือ กคช.เตรียมจัดพื้นที่ค้าขายในตลาดห้วยขวาง
นายชูชาติ พุ่มน้อย ผู้อำนวยการเขตดินแดง กทม.กล่าวกรณีประชาชนร้องเรียนได้รับความเดือดร้อนจากผู้ค้าตั้งแผงค้ากีดขวางทางสัญจรบริเวณตั้งแต่สี่แยกห้วยขวางจนถึงตลาดห้วยขวาง ทำให้ประชาชนต้องลงไปเดินบนถนน เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุว่า จากการตรวจสอบกรณีดังกล่าวพบว่า เป็นผู้ค้าที่เช่าพื้นที่ของการเคหะแห่งชาติ (กคช.) ทำการค้า ซึ่งเจ้าหน้าที่เทศกิจได้กวดขันไม่ให้ผู้ค้าตั้งวางล้ำแนวชายคา หรือล้ำออกมาจากพื้นที่ของตลาดทั้งช่วงเวลากลางวันและกลางคืน พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือผู้ค้าไม่ให้ตั้งวางสิ่งของรุกล้ำบนทางเท้า หากพบการฝ่าฝืนจะจับปรับ ตามพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 นอกจากนี้ ได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน โดยผู้แทน กคช.ได้เสนอจัดหาพื้นที่ภายในตลาดห้วยขวาง เพื่อจัดพื้นที่ตลาดใหม่และให้ผู้ค้าเข้าไปด้านในตลาด โดยสำนักงานเขตฯ จะจัดเจ้าหน้าที่เทศกิจกวดขันและขอความร่วมมือไม่ให้ผู้ค้าตั้งวางสิ่งของกีดขวางบนทางเท้า เพื่อไม่ให้เกิดความเดือดร้อนกับประชาชนที่สัญจรในบริเวณดังกล่าว
กทม.ติดตามเฝ้าระวังการใช้สารเสพติดในสถานศึกษาผ่านระบบ CATAS System
นายสุนทร สุนทรชาติ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย (สนอ.) กทม.กล่าวถึงแนวทางการป้องกันเด็กและเยาวชนได้รับผลกระทบจากร้านจำหน่ายกัญชาว่า สนอ.ได้จัดประชุมการดำเนินงานป้องกัน เฝ้าระวังผลกระทบจากกฎหมายกัญชาเสรีในพื้นที่กรุงเทพฯ แก่สถานศึกษาทุกสังกัดในพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อให้สถานศึกษาทุกสังกัดในพื้นที่กรุงเทพฯ เฝ้าระวังการใช้กัญชาในนักเรียนภายในสถานศึกษา หากพบเห็นให้รายงานผลผ่านระบบดูแลและติดตามการใช้สารเสพติดในสถานศึกษา (CATAS System) ทันที และให้สถานศึกษาทุกสังกัดดำเนินกิจกรรมเสริมสร้างความรู้ เพื่อเป็นภูมิคุ้มกันให้แก่นักเรียน โดยบูรณาการสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากภาคีเครือข่ายภายในโรงเรียน สร้างระบบการป้องกันและเฝ้าระวัง เช่น สร้างเครือข่ายนักเรียน นักเรียนแกนนำ และจิตอาสา ในการให้ความรู้ ดูแล ให้คำแนะนำด้านสุขภาพ และเครือข่ายภายนอกโรงเรียน ทั้งผู้ปกครอง ชุมชน และภาคประชาชน เช่น อาสาสมัครกรุงเทพมหานครที่อยู่ในชุมชนรอบโรงเรียน สร้างการรับรู้และร่วมกันเฝ้าระวัง รวมถึงผู้ประกอบการร้านค้าภายนอกให้มีส่วนร่วมเฝ้าระวัง ปฏิบัติตามกฎหมาย และเกิดความรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวม
ขณะเดียวกัน สนอ.โดยศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกรุงเทพมหานคร (ศอ.ปส.กทม.) ได้ส่งผู้แทนเข้าร่วมประชุมกับศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเขต (ศป.ปส.เขต) 50 เขต ซึ่งจัดประชุมทุก 2 เดือน โดยได้แจ้งต่อที่ประชุมศูนย์ฯ ให้ลงพื้นที่ตรวจสอบเฝ้าระวังการจำหน่ายกัญชาในพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณรอบสถานศึกษา หากพบการจำหน่ายกัญชาที่ไม่ถูกต้องตามข้อกฎหมาย หรือสุ่มเสี่ยงจะเกิดความไม่ปลอดภัยในด้านต่าง ๆ แก่เด็กและเยาวชน ให้ประสานแจ้งกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงทันที อีกทั้งได้แจ้งแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับกัญชาและกัญชงตามประกาศ สธ.เรื่องสมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ.2565 และประกาศ สธ.เรื่องกำหนดให้การกระทำให้เกิดกลิ่น หรือควันกัญชา กัญชง หรือพืชอื่นใด เป็นเหตุรำคาญ พ.ศ.2565 ให้ทุกสำนักงานเขตทราบ รวมทั้งแจ้งประกาศกรมอนามัย เรื่องการนำใบกัญชามาใช้ในการทำ ประกอบ หรือปรุงอาหารในสถานประกอบกิจการอาหาร พ.ศ.๒๕๖๕ โดยสถานประกอบกิจการอาหารต้องจัดให้มีการสื่อสารข้อมูลด้านสุขภาพและด้านความปลอดภัยแก่ผู้บริโภคเกี่ยวกับการจำหน่ายอาหารที่มีการใช้ใบกัญชาเป็นส่วนประกอบของอาหาร โดยจัดทำข้อความที่แสดงข้อมูลเป็นสถานประกอบกิจการอาหารที่มีการใช้ใบกัญชา แสดงรายการอาหารที่มีการใช้ใบกัญชาทั้งหมด และแสดงข้อมูลปริมาณการใช้ใบกัญชาเป็นส่วนประกอบต่อรายการอาหาร และหากพบร้านค้าในลักษณะรถเร่ ซึ่งอาจมีการจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม และขนมที่มีส่วนผสมของกัญชาและสารเสพติดอื่น ๆ ให้แจ้งกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงทันที และบังคับใช้กฎหมายอื่นตามอำนาจหน้าที่ของสำนักงานเขตที่เกี่ยวข้อง เพื่อควบคุมผู้ค้าและร้านค้าในลักษณะรถเร่ที่ตั้งอยู่บริเวณชุมชนและรอบสถานศึกษา ไม่ให้เกิดผลกระทบ นอกจากนั้น ยังได้สำรวจข้อมูลจำนวนผู้ค้าและร้านค้าที่จำหน่ายกัญชาบริเวณรอบสถานศึกษา ส่งให้สำนักงานเขตและสำนักเทศกิจ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตรวจสอบและจะประสานข้อมูลกับกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เพื่อขอทราบข้อมูลจำนวนผู้ประกอบการที่ยื่นขอใบอนุญาตจำหน่ายกัญชาในพื้นที่กรุงเทพฯ ต่อไป