ศาลาว่าการกทม. – เมื่อวันที่ 5 พ.ค. นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยว่า สำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) ได้ทำหนังสือส่งถึงสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เพื่อขอความเห็นรูปแบบการลงทุนโครงการรถโดยสารด่วนพิเศษ (บีอาร์ที) ที่จะครบกำหนดสัญญาจ้างเอกชนเดินรถเดือน ส.ค.2566 ซึ่ง กทม.มีโครงการจะดำเนินการต่อและเปลี่ยนจากรถยนต์เอ็นจีวีเป็นรถยนต์ไฟฟ้า หรือรถอีวี โดยจ้างเอกชนเดินรถ จะต้องเข้าสู่ขบวนการตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐกับเอกชน พ.ศ.2562 หรือไม่
ทั้งนี้ จากการเปิดรับฟังความเห็นจากภาคเอกชน หรือมาร์เก็ตซาวดิ้ง ร่วมลงทุนโครงการ พบว่า เสียงส่วนใหญ่สนใจที่จะรับจ้างเดินรถมากกว่าลงทุนเองทั้งหมด เพราะไม่คุ้มทุน ซึ่งทางฝ่ายกฎหมาย กทม.ให้ความเห็นว่า กรณี กทม.ลงทุนจัดซื้อรถและจ้างเอกชนเดินรถอาจจะเข้าลักษณะคล้ายกับการจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วง รูปแบบ PPP Gross Cost โดยรัฐลงทุนโครงการและจ้างเอกชนเดินรถ อย่างไรก็ตาม หาก สคร.ให้ความเห็นว่าไม่เข้า พ.ร.บ.ร่วมทุน กทม.จะดำเนินการยกร่างการประกวดราคา (ทีโออาร์) เพื่อจัดซื้อจัดจ้างต่อไป
นายวิศณุกล่าวต่อว่า สำหรับกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างรถ จากการสอบถามผู้ประกอบการ รถอีวี ต้องใช้เวลาในการผลิตอย่างน้อย 8 เดือน เนื่องจากเป็นรถยนต์ไฟฟ้า และมีแนวคิดจะทำประตูทางขึ้นลงสองฝั่งจอดรับส่งที่ป้ายรถโดยสารธรรมดาได้ด้วย
นอกจากนี้รถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่จะออกแบบเป็นรถ ชานต่ำ ขณะที่สถานีรถปัจจุบันออกแบบโครงสร้างชานชาลายกพื้นสูง จึงต้องมีการปรับปรุงสถานีเพื่อให้ผู้โดยสารขึ้นลงรถได้สะดวก ทั้งนี้ กทม.ตั้งเป้าประมาณวันที่ 1 ต.ค.2567 จะให้บริการรถรุ่นใหม่ได้ โดยในช่วงเปลี่ยนผ่านหลังจากหมดสัญญาเดือนส.ค.นี้ จะมอบให้บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) รับผิดชอบเดินรถรุ่นเก่าไปก่อน เพื่อไม่ให้การบริการขาดและกระทบต่อการเดินทางของประชาชน
ที่มา: นสพ.ข่าวสด ฉบับวันที่ 6 พ.ค. 2566